มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ คัดลอกจากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 21 ฉบับที่ 10 ตุลาคม 2540]

มะเร็งเต้านม

พญ.จันทรา เจณณวาสิน


ที่สหรัฐอเมริกานั้น เดือนตุลาคมของทุกปีได้จัดให้เป็นเดือนแห่ง การรณรงค์ต่อต้านมะเร็งเต้านม และในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา อัตราตายของสตรีเนื่องจากโรคนี้มิได้ลดลง ซึ่งแตกต่างจากอัตราตาย จากมะเร็งปากมดลูก สตรีที่ตายจากมะเร็งเต้านมมีจำนวนสูงเป็นสองเท่า ของสตรีที่ตายจากมะเร็งในระบบอวัยวะสืบพันธุทั้งหมด (มดลูกและรังไข่) มะเร็งของเต้านมพบบ่อยถึง 32% ของมะเร็งทั้งมดในสตรี ดังตารางที่แสดงไว้ตาราง

1994 อัตราการเกิดมะเร็งตามตำแหน่งต่างๆ ในบุรุษและสตรี

ตำแหน่งชายหญิง
มะเร็งที่ผิวหนังเกิดจาก Melanoma 3%3%
มะเร็งในปาก3%2%
มะเร็งเต้านม 44%
มะเร็งปอด16%13%
มะเร็งตับอ่อน 2%2%
มะเร็งกระเพาะอาหาร2% 
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก12%13%
มะเร็งต่อมลูกหมาก32% 
มะเร็งระบบปัสสาวะ9%4%
มะเร็งของเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง7%6%
มะเร็งที่อื่น ๆ 14%13%

1994 อัตราการตายที่เกิดจากมะเร็งตำแหน่งต่างๆ ในบุรุษและสตรี

ตำแหน่งชายหญิง
มะเร็งที่ผิวหนังเกิดจาก Melanoma 2%1%
มะเร็งในปาก2%1%
มะเร็งเต้านม 18%
มะเร็งปอด33%23%
มะเร็งตับอ่อน 4%5%
มะเร็งกระเพาะอาหาร3% 
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก10%11%
มะเร็งต่อมลูกหมาก13% 
มะเร็งรังไข่   5%
มะเร็งมดลูก  4%
มะเร็งระบบปัสสาวะ5%3%
มะเร็งของเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง8%8%
มะเร็งที่อื่น ๆ 14%21%

โดยเฉลี่ยสตรีมีโอกาสเกิดมะเร็งของเต้านมได้ถึง 1 ใน 9 (สถิติของสตรีผิวขาว) อัตราการเกิดมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้นมาก เมื่ออายุเกิน 30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะสตรีที่ไม่เคยตั้งครรภ์เลย อายุที่ตรวจพบได้ว่าเป็นมะเร็งมากที่สุด คือ ช่วงระหว่าง 50-55 ปี สาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งนั้นไม่ทราบแน่นอน แต่สตรีใดที่มีมารดา พี่สาว หรือน้องสาวเป็นมะเร็ง ก็มีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมได้สูง โดยเฉพาะมักพบในเต้านมทั้งสองข้าง และเกิดในอายุน้อยกว่าคือ ก่อนวัยหมดประจำเดือน ทั้งนี้เพราะบทบาททางกรรมพันธุ์ คือ ยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง เช่น มะเร็งรังไข่, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม ส่วนการดื่มเหล้า, สูบบุหรี่, การกินยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนเสริม ต่างไม่มีส่วนในการทำให้เกิดมะเร็งเต้านม, ยกเว้น ในสตรีที่เกิดมะเร็งเต้านมแล้ว ถ้าได้รับฮอร์โมนสตรีเพศ มะเร็งเต้านมจะเติบโตเร็วขึ้น

สตรีทุกคนตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรใช้มือตรวจเต้านมของตนเองทุกเดือน ในช่วงภายหลังมีระดู เพราะขณะนั้นเต้านมมีขนาดเล็กลง และควรได้รับการตรวจเต้านมจากแพทย์ทุกปี และในสตรีที่มีอายุระหว่าง 35-40 ปี ควรไปรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ของเต้านม (Mammography) อย่างน้อย 1 ครั้ง กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 40-45 ปี ควรได้รับการตรวจด้วยเครื่องฉายรังสีดังกล่าวอย่างน้อยทุก 2 ปี และควรตรวจแบบนี้ทุกปี ถ้าสตรีที่อายุเกิน 50 ปี เพราะการมีอายุมากขึ้น คือ ความเสื่อมของเซลล์ เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มอัตราเสี่ยง ของการเกิดมะเร็งทุกชนิด โดยเฉพาะที่เต้านม

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย USC ค้นพบว่า เมื่อคนมีอายุสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงแบบผ่าเหล่าผ่ากอ (Mutation) ในยีนที่ทำให้เกิดมะเร็งมีสูงขึ้น (ยีนเป็นตัวสืบทอดทางกรรมพันธุ์) คือ ตามธรรมชาติแล้ว เซลล์ของร่างกายที่ชำรุด หรือผิดปกติย่อมถึงกาลแตกสลายไป ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งร้ายแรง นอกเหนือจากนั้น มันยังถูกทำลายโดยหน่วยป้องกันของร่างกาย แต่ถ้ากระบวนการแตกสลาย ที่ว่านี้ไม่เกิด อัตราการเกิดเซลล์มะเร็งจะสูงขึ้น ปกติเซลล์มะเร็งเอง ก็มักจะตายไปใน 2-3 สัปดาห์ แต่เซลล์มะเร็งในคนอายุมาก มีการเปลี่ยนแปลงแบผ่าเหล่าผ่ากอในยีนอย่างมาก 9BCL2 mutation ซึ่งทำให้สามารถมีชีวิตอยู่นานขึ้น ดังที่พบในมากกว่า 50% ของเซลล์พวก Nonhodgkin's Lymphoma Tumor ที่คร่าชีวิต ของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แจ็คเกอลีน เดนเนดี้ โอนาซิส คนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับคนอายุต่ำกว่า 20 ปี คนสูงอายุมีเซลล์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบผ่าเหล่าผ่ากอนี้ในม้าม และในเลือดมากกว่าคนอายุน้อยถึง 40 และ 13 เท่าตามลำดับ

วิธีตรวจเต้านมด้วยเอกซเรย์ (Mammography) ในยุคนี้ยังคงเป็นวิธีเดียวที่สามารถตรวจหามะเร็งของเต้านม ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า 1 เซนติเมตร ถึงแม้มะเร็งมีขนาดเล็กเท่านี้ แต่โอกาสที่มันสามารถแพร่กระจาย ไปตามต่อมน้ำเหลืองมีถึง 25% ในปัจจุบันแพทย์ถือว่า มะเร็งของเต้านมสามารถกระจายแพร่ไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกของการเกิดมะเร็ง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราตายของผู้ป่วยด้วยมะเร็งเต้านม มีจำนวนมากกว่าอัตราตายด้วยโรคมะเร็งชนิดอื่น ตราบใดที่ความก้าวหน้าไปถึงขั้นตรวจหามะเร็งในกระแสเลือดยังไม่แน่นอน เราก็ต้องใช้วิธีที่มีอยู่ตอนนี้ คือ ตรวจด้วยเอกซเรย์ไปก่อน แต่การตรวจด้วยเอกซเรย์ก็มีข้อผิดพลาดได้ถึง 8-9% ดิฉันมีคนไข้ที่เป็นพยาบาล เธอได้รับการตรวจเอกซเรย์ เมื่อสี่เดือนที่แล้วมาว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนก้อนในหน้าอกขนาดเล็กๆ นั้นมิใช่มะเร็ง แต่เมื่อแพทย์ ทำการผ่าตัดก้อนในเต้านมกลับพบว่า เป็นมะเร็งของเต้านม และกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองในรักแร้ถึง 2 ต่อม

ลักษณะเริ่มแรกของมะเร็งที่เต้านม ไม่แน่นอน เช่น ความเจ็บปวดที่เต้านม พบได้น้อยกว่า 10% ของคนที่เป็นมะเร็งเต้านม ส่วนใหญ่ความเจ็บปวดที่เต้านม เกิดจากระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นก่อนมีระดู ภายหลังเมื่อสตรีผู้นั้นมีระดูไปแล้ว ความเจ็บปวดลดลง หรือเกิดจากการใส่เสื้อชั้นในที่ไม่พยุงทรวงอกให้กระชับแน่นกับตัว นอกจากนี้สตรีบางคนที่ร่างกายคั่งน้ำมากในระยะก่อนมีระดู อาจเกิดอาการเจ็บปวดบริเวณเต้านม ด้วยเหตุนี้สตรีที่มีอาการปวดเจ็บตรงเต้านม ไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไป เพราะต้นตออาจมิได้เกิดจากมะเร็ง

ส่วนก้อนในเต้านมที่คลำได้นั้น ไม่แน่ว่าเป็นมะเร็งเสมอไป โดยเฉพาะในสตรีอายุ 20-35 ปี ถ้าก้อนที่คลำได้ และมักมีอาการเจ็บปวด ก่อนมีระดูนั้น มักเป็นก้อนที่เกิดจากการรวมตัวจับกลุ่มกันของต่อมน้ำนม ท่อนำน้ำนม และเส้นใยพังผืดภายในเต้านม ก้อนนี้เรียกว่า Fibrocystic change ก้อนนี้อาจเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งในเต้านมแต่ละข้าง มันเปลี่ยนขนาดโตขึ้น ก่อให้เกิดอาการเจ็บในช่วงก่อนมีระดู

แต่เมื่อสตรีอายุมากขึ้น จนถึงขั้นหมดระดู ลักษณะก้อนแบบนี้ จะลดน้อยลงจนหายไป ในบางรายถ้าลดการบริโภคคาเฟอีน เช่น กาแฟ อาจช่วยลดปัญหา Fibrocystic change นอกจากนี้ แพทย์บางคนอาจสั่งให้รับประทาน Tamoxifen 20 mg ต่อวัน ซึ่งได้ผลในการรักษาถึง 70% แต่อาจมีอาการแทรกซ้อนคือ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกได้ถึง 25% วิธีใช้ยา Tamoxifen ในการบำบัด Fibrocystic change นี้ ทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐ ยังไม่ยอมรับเป็นทางการ ยาขนานนี้ยังอยู่ในการทดลอง ว่ามีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ คือ หาข้อมูลในสตรีที่ไม่มีมะเร็งในตัวเธอ

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสตรีผู้ใดตรวจพบว่า บริเวณเต้านมมีก้อนแข็ง หรือคลำได้ก้อนในรักแร้หรือที่ผิวหนังบริเวณเต้านม มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรอยบุ๋ม หรือย่นยู่ผิดปกติ (dimpling, pucking) หรือหัวนมมีของเหลวไหลออกมา โดยเฉพาะถ้าเป็นเลือด รวมทั้งลักษณะหัวนม ที่เคยยื่นออกมากลับหลบหายเข้าไป สตรีผู้นั้นไม่ควรนิ่งนอนใจ เธอควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน สตรีหลายท่านไม่อยากไปตรวจเต้านมด้วยเอกซเรย์ เพราะความอาย หรือกลัวเจ็บ หรือเกรงอันตรายจากการฉายรังสีเอกซ์ ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจด้วยเครื่องมักเป็นสตรี และเครื่องมือได้วิวัฒนาการไปจนใช้รังสีน้อยมาก คือ ปริมาณรังสีที่ใช้ในการตรวจจัดเป็นเพียง 0.1% ของรังสีที่คนเราได้รับ จากสภาพแวดล้อมทั่วไป ในช่วงเวลา 1 ปี และราคาค่าตรวจในปัจจุบันก็ถูกลงมาก

เนื่องจากมะเร็งของเต้านม สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก วงการแพทย์ จึงพยายามวิจัยหาวิธีที่จะวินิจฉัยมะเร็งของเต้านมให้ได้เร็วที่สุด โดยที่รังสีแพทย์พยายามค้นคว้าวิธีก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ด้วยเครื่องที่ใช้รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Redonance Digital imaging) มาช่วยตรวจดูหน้าอกตั้งแต่ระดับโมเลกุลเลยทีเดียว ส่วนการตรวจทางเลือด วงการวิจัยพยายามหาตัวบ่งชี้ว่าสตรีผู้ใด มีความโน้มเอียงในการเกิดมะเร็งได้ง่าย รวมทั้งตรวจหากลไกในการเกิดมะเร็ง และชนวนการแพร่กระจายของมะเร็งไปทั่วร่างกาย เช่น กระดูก ปอด และตับ เพราะมันสามารถแพร่ไปได้ทั่ว ตามกระแสเลือดและทางเดินน้ำเหลือง

ดังนั้นตราบใดที่วงการแพทย์ ยังไม่เสนอวิธีใหม่ใด ที่เหมาะสมมาใช้ สตรีทุกท่านควรตรวจเต้านมของท่านเอง อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และให้แพทย์ตรวจทุกปี พร้อมกับการตรวจมะเร็งปากมดลูก เพราะ ประมาณ 90% ของก้อนในหน้าอกสตรีเป็นผู้ตรวจพบเอง

วิธีตรวจเต้านม

เริ่มด้วยการนั่งหรือยืนอยู่หน้ากระจก มองดูลักษณะของเต้านมในเมื่อแขนทั้งสองข้างวางอยู่แนบลำตัว และเมื่อยกประสานกันหลังท้ายทอย เต้านมทั้งสอง มีการเปลี่ยนขนาดหรือรูปร่างหรือไม่ ลักษณะผิวหนังบริเวณเต้านม และหัวนมมีการเปลี่ยนไปเป็นบุ๋มลง หรือขรุขระแบบผิวส้ม หรือมีก้อนโป่งขึ้น จากนั้นยกมือเท้าสะเอวและกดเกร็ง ให้กล้ามเนื้อหน้าอกตึงตัว ส่วนใหญ่เต้านมทั้งสองข้าง มักมีขนาดไม่เท่ากันอยู่แล้ว ดังนั้นเธออาจเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดขึ้น การใช้มือคลำ วิธีนี้สามารถทำได้ง่ายขึ้น ถ้าตรวจระหว่างอาบน้ำ โดยใช้สบู่ถูให้ลื่นมือ เป็นการช่วยให้คลำได้ง่ายขึ้น แล้วยกแขนซ้าย มือจับที่บนศีรษะ ใช้นิ้วมือขวาแตะกดบนเต้านม โดยที่นิ้วทั้ง 4 ชิดกัน อย่าใช้ปลายนิ้วทีเดียว เลื่อนนิ้วมือตรวจไปจากด้านนอกของเต้านม เข้ามาหาหัวนม โดยหมุนรอบเป็นวงตามเข็มนาฬิกา และตรวจในรักแร้ รวมทั้งการบีบหัวนมดูว่ามีของเหลวผิดปกติไหลออกมาหรือไม่ ส่วนใหญ่อาจมีน้ำนมไหลมา แม้ว่าคนนั้นห่างจากการตั้งครรภ์ไปนาน จากนั้นใช้นิ้วมือซ้ายตรวจหน้าอกขวาด้วยวิธีเดียวกัน

ต่อมาใช้วิธีนอนราบ โดยใช้มือซ้ายช้อนใต้ศีรษะแล้ว ตรวจคลำหน้าอกซ้าย ด้วยมือขวาเป็นวงกลมแบบเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว จากนั้นเปลี่ยนท่าให้มือขวาช้อนใต้ศีรษะ แล้วใช้นิ้วมือซ้ายตรวจเต้านมขวา ด้วยวิธีเดียวกัน ถ้าหากท่านตรวจพบก้อนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ก็ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน ด้วยวิธีนี้รวมดับการตรวจด้วยรังสี (Mammography) สามารถช่วยให้พบตรวจมะเร็งของเต้านมได้ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งจะช่วยทำให้อัตราการตายจากโรคนี้ลดน้อยลง ตราบจนวันหนึ่งในอนาคตที่กลุ่มนักวิจัยสามารถค้นหาวิธีที่แน่นอน ในการตรวจหามะเร็งตั้งแต่ต้นตอของมัน เช่น การตรวจเลือด ซึ่งวันนั้นได้เขยิบใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

พญ.จันทรา เจณณวาสิน


ขอบคุณนิตยสารใกล้หมอ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600