มาที่นี่
ที่เดียว
ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์
ภาษาไทย
จากเกือบ
ทุกโฮมเพจ
ที่มีใน
INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ
i.am/thaidoc
หรือ
hey.to/yimyam
[ คัดลอกจากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 22 ฉบับที่ 4 เมษายน 2541]
จะดูแลเต้านมอย่างไรดี ?
นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์
สำหรับผู้หญิงทุกคนทั่วโลกแล้ว เต้านมคือ อวัยวะที่จัดเป็นของสงวน และมีความสำคัญ ในการเป็นเครื่องแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นหญิง ดังนั้นเพียงแต่คิดว่า เต้านมอาจเป็นโรคนั้นโรคนี้ก็ทำเอาใจแป้ว ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน ข้อเสียคือ บางคนอายหมอหรือกลัวเสียของสำคัญ เลยพาลไม่ยอมไปหาหมอ จนในที่สุดโรคลุกลามไปมากเกินกว่าจะรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง
การเปลี่ยนแปลงภายในเต้านม ไม่ว่าจะเป็นก้อน อาการเจ็บ หรือ มีของเหลวเยิ้มออกจากหัวนม เป็นปรากฏการณ์ที่พบบ่อยกว่าที่คิด จนพูดได้ว่าครึ่งหนึ่งของผู้หญิง จะต้องเกิดความห่วงใยในการเปลี่ยนแปลง ที่เต้านมของเธอ เสียจนต้องไปปรึกษาคุณหมออย่างน้อยครั้งหนึ่งในชั่วชีวิตของเธอ
มีปัจจัยหลากหลายที่ทำให้เต้านมเปลี่ยนรูปร่างและขนาด ซึ่งนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือการมาของประจำเดือนแล้ว ยังมีภาวะติดเชื้อ, การเกิดถุงน้ำ (CYST) หรือการได้รับบาดเจ็บ
เวลาเต้านมมีอะไรเปลี่ยนไป ผู้เป็นเจ้าของมักจะนึกถึงเรื่องร้ายๆ ไว้ก่อน คือ กลัวว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่มะเร็งเต้านม จึงขอให้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับอาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ว่า เป็นมะเร็งเต้านมเสียหน่อย รวมทั้งวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง อย่างถูกต้องด้วย
โรคหรือภาวะที่เกิดบ่อย ๆ กับเต้านม
เต้านมคัด
สำหรับหญิงที่ยังมีประจำเดือนอยู่นั้น อาจประสบกลุ่มอาการ ประจำเดือนมา (PREMRNSTRUAL SYNDROME) ทำให้เจ็บบริเวณเต้านม เป็นระยะเวลาชั่วคราว เพราะขณะที่รอบเดือนดำเนินไปนั้น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน จะทำให้เยื่อบุมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมรับการตั้งครรภ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เต้านมก็เช่นกัน จะมีเซลล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นที่ต่อมและท่อภายในเต้านม เพื่อเตรียมไว้ผลิตน้ำนม เพื่อเลี้ยงทารก ดังนั้นในราว 1 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา เต้านมจะโตขึ้น ซึ่งในผู้หญิงบางคน การโตขึ้นอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บเต้านมมาก ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบ กลไกของการเกิดกลุ่มอาการก่อนประจำเดือนมาเช่นนี้ เพียงแต่คาดคะเนเอาว่าน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางระดับฮอร์โมน ในแต่ละวันของรอบเดือน
เอาเป็นว่า อาการเจ็บเต้านมก่อนประจำเดือนมานั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาและจะไม่มีผลร้ายแรงตามมา
การดูแลรักษาตัวเอง
อย่ารับประทานอาหารเค็มมากไป ในช่วงก่อนประจำเดือนมา เพราะเกลือจะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ อมน้ำไว้ทำให้บวมและอาการเลวลง
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน น้ำตาลและแอลกอฮอล์
สวมบราที่มีขนาดเสริมพอดีและใส่ได้สบาย
เก็บบันทึกอาการก่อนประจำเดือนมาที่ปรากฏติดต่อกัน 2-3 เดือน โดยเฉพาะวันที่เต้านมเจ็บที่สุด วันที่อาการเจ็บเต้านมหายไป วันที่ประจำเดือนเริ่มมา เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวแก่คุณหมอ สำหรับใช้ในการประกอบการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
การรักษาทางแพทย์
คุณหมออาจสั่งยาขับปัสสาวะ เพื่อลดการคั่งของน้ำในร่างกาย ทำให้อาการบวมบรรเทาลง ยานี้อาจเริ่มต้น 10 วันก่อนประจำเดือนมา 1-2 วันก่อนที่อาการจะปรากฏ
โรคติดเชื้อของเต้านม
การอักเสบของเต้านมเนื่องจากการติดเชื้อ (MASTITIS) พบได้บ่อยในผู้หญิงที่กำลังหรือเพิ่งเสร็จสิ้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การติดเชื้อเกิดขึ้นได้เมื่อท่อน้ำนมเกิดอุดตัน หรือบางทีเกิดขึ้น โดยไม่เกี่ยวกับการให้ลูกดูดนม รู้แต่ว่าถ้าการติดเชื้อรุนแรงก็จะมีหนองเกิดขึ้น
อาการของการติดเชื้อประกอบด้วย
เต้านมจะบวมแดงและร้อน
ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้โตขึ้น
อ่อนเพลียหรือรู้สึกไม่สบาย
มีไข้ต่ำ
การดูแลตนเอง
ดื่มน้ำมากขึ้น นอนพักประคบบริเวณเต้านมด้วยกระเป๋าน้ำร้อน
ใช้ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบที่หาซื้อได้จากร้านขายยา
ถ้ากำลังอยู่ระหว่างเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ก็ให้ทำความสะอาดหัวนม และซับแห้งระหว่างการดูดนมของลูกแต่ละครั้ง อย่าสวมใสอาภรณ์ ที่อาจจะระคายเคืองเต้านมและสามารถให้ลูกดูดนมต่อ หรือใช้ลูกยางสูบน้ำนม เพื่อระบายน้ำนมออกจากเต้านม ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
การรักษาทางแพทย์
คุณหมออาจจะสั่งยาปฏิชีวนะให้รับประทาน ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่มีอันตรายต่อลูกในกรณีที่ยังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่
ในกรณีที่สงสัยว่าเต้านมที่อักเสบครั้งนี้อาจมีหนอง อยู่ด้วยก็ขอให้ไปพบคุณหมอทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยและระบายหนองออก โดยใช้เข้มเจาะหรือผ่าเป็นแผลเล็กๆ ที่ขอบหัวนม ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นเพียงขนาดเล็ก
ก้อนที่เต้านม
การเปลี่ยนแปลงของเต้านมที่ทำให้เกิดเป็นก้อนคลำได้ มีอาทิเช่น
ภาวะไฟโบรซิสติก (FIBROCYSTIC CHANGES)
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดกับผู้หญิงกว่าครึ่งโลก แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรงใดๆ ไม่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่จะทำให้เต้านมคลำดูมีก้อนตะปุ่มตะป่ำจนน่าตกใจ และทำให้คลำหาก้อนมะเร็งได้ยาก
ถุงน้ำหรือซิสต์ (CYSTS)
ดูเหมือนผู้หญิงไทยรู้จักคำว่า "ซิสต์" นี้มาก แม้บางคน จะไม่กระดิกหูเรื่องภาษาอังกฤษก็ตาม ภาวะนี้เกิดบ่อยที่สุดในหญิงวัย 35-50 ปี เมื่อมีถุงน้ำเกิดขึ้นแล้วมักจะโตขึ้นและเจ็บมากขึ้น ก่อนประจำเดือนมาเล็กน้อย เพราะปลายช่วงก่อนประจำเดือนมา จะมีการคลั่งของน้ำในร่างกายมากขึ้น ถุงน้ำในเต้านมอาจมีขนาดเล็กจิ๋ว ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ เวลาคลำเต้านมของคนที่มีถุงน้ำอาจรู้สึกว่า ถุงน้ำเคลื่อนไหวได้ใต้ผิวหนังและรูปร่างของถุงน้ำอาจเปลี่ยนได้
ไม่มีใครทราบว่าถุงน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วพอผู้หญิง ย่างเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน มันก็พลอยหายไปด้วย จึงสันนิษฐานว่าฮอร์โมนอาจมีส่วนก่อให้เกิดถุงน้ำดังกล่าว
เนื้องอกชนิดไม่ร้าย (FIBROADENOMA)
ก้อนในเต้านมซึ่งไม่ใช่ถุงน้ำหรือมะเร็ง ก็มักจะเป็นเนื้องอกธรรมดา ที่เรียกว่า "ไฟโบรอะดีโนม่า" (FIBROADENOMA หรือ ADENOFIBROMA) มักจะเกิดกับหญิงสาว ก้อนจะมีลักษณะแข็ง, เรียบ, ขอบชัด เคลื่อนไหวไปมาได้ใต้ผิวหนังเวลาคลำดู
การบาดเจ็บของเต้านม (TRAUMA)
การกระทบกระแทกบริเวณเต้านม อาจก่อให้เกิดก้อนได้ในเวลาต่อมา
การดูแลตนเอง
ใช้ยาสามัญประจำบ้าน ช่วยบรรเทาปวด เช่น แอสไพริน, พาราเซตามอล, ไอบูโปรเฟน (IBUPROFEN) หรือ NAPROXEN SODIUM เป็นต้น แต่ถ้าปวดมากขนาดยาสามัญเอาไม่อยู่ก็ขอยาแรงขึ้นจากคุณหมอได้
สวมใส่บราที่ให้ความรู้สึกสบายแม้ในยามค่ำคืนก็ให้สวมไว้
งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือการสูบบุหรี่ เพราะ เคยมีรายงานว่าก้อนหายไปเมื่อเลิกสูบบุหรี่หรืองดดื่มกาแฟ
หญิงบางคนบอกว่าวิตามินอี ช่วยบรรเทาได้ แต่ยังไม่มีหลัก ฐานสนับสนุนของการแพทย์ที่ชัดเจน
การรักษาทางการแพทย์
คุณหมออาจตัดสินใจระบายน้ำออกจากถุงน้ำ เพื่อบรรเทาปวด ถ้าเจาะระบายแล้วก้อนหายไปก็ไม่ต้องทำอะไรอีก นอกจาก ถ้าก้อนกำเริบหรือก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นหลังเจาะ ส่วนก้อนเนื้องอกไฟโปรอะดีโนม่านั้น คุณหมออาจจะเลือกวิธีไม่ผ่าตัดก็ได้ ถ้าไม่มีอาการอะไร
ปัญหาเกี่ยวกับหัวนม
ถ้าหัวนมมีของเหลวสีขาวหรือเขียวซึมออกมา ก็อาจเป็นน้ำนม ในกรณีที่กำลังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่ ยิ่งถ้าออกจากหัวนมทั้ง 2 ข้าง ก็ยิ่งสบายใจได้ แต่ถ้าของเหลวที่ว่านี้มีสีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อน ก็อาจเกิดจากภาวะไฟโบรซิสติก ซึ่งพบบ่อยและไม่มีอันตรายอะไร ส่วนของเหลวสีดำหรือแดงเข้มคงจะหมายถึงเลือด และอาจบ่งชี้ว่ามีเนื้องอกเจริญเติบโตอยู่ในท่อน้ำนมใดท่อน้ำนมหนึ่ง โดยมีโอกาสเป็นมะเร็งได้
ถ้าหัวนมเกิดบอด คือ บุ๋มลงทั้งๆ ที่เมื่อก่อนชูช่ออยู่ดี ก็มักจะเป็นอาการแสดงของมะเร็งเต้านม
การรักษาทางการแพทย์
ถ้ามีของเหลวผิดปกติออกมา หมออาจจะแนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง การมีหัวนมบอดหรือเลือดออกมาจากหัวนม ล้วนเป็นอาการแสดงที่ต้องนำไปสู่การตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อดูว่า จะมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่
ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
ที่สหรัฐอเมริกานั้น ผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมกันมาก จนเกิดตัวเลขในเชิงสถิติเหมือนการต่อรองในการพนันขันต่อว่า เมื่อหลายปีก่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ๆ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม 1 ต่อ 13 และเพิ่มขึ้นเป็น 1 ต่อ 9 ในปัจจุบัน คือหมายความว่าถ้าหญิงวัย 18 ปี ทุกคนมีชีวิตอยู่นานจนถึงอายุ 85 ปีแล้ว 1 ใน 9 คนจะเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งดูเผินๆ อาจจะว่าเป็นตัวเลขที่สูงแต่จริงๆ แล้วผู้หญิงเป็นมะเร็งปอดมากกว่านี้ และตายจากโรคหัวใจมากกว่ามะเร็งเต้านมถึง 4 เท่า (สำหรับหญิงในวัย 55-74 ปี)
มองอีกมุมหนึ่งทางสถิติ สมาคมปราบปรามมะเร็งอเมริกันบอกว่าปีนี้ จะมีผู้หญิงอเมริกันเป็นมะเร็งเต้านมอีก 180,000 คน และจะเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม 44,000 คน
อาการและอาการแสดงของมะเร็งเต้านม
มีก้อนหรือเนื้อเต้านมที่หนาตัวขึ้น คลำดูแข็งแต่ไม่เจ็บปวด
มีเลือดออกทางหัวนม
หัวนมปอด
รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป เช่น ข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้างหนึ่ง เวลามองดูในกระจก
มีรอยบุ๋มปรากฏบนผิวหนังที่เต้านม
มีรอยแดงหรือผิวหนังเปลี่ยนไปจนคล้ายผิวส้ม
ปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม
มีทฤษฎีอธิบายความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ว่า มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยอมรับว่า ภูมิลำเนาที่ถือกำเนิดและประวัติครอบครัวที่มีคนเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 75 ของมะเร็งเต้านมเกิดในผู้หญิงที่ดูว่าไม่มีมีปัจจัยเสี่ยงอะไรอยู่เลย
ปัจจัยสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม เชื้อชาติและที่อยู่อาศัย มีส่วนเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงได้เหมือนกัน
ปัจจัยเสี่ยงที่พบว่ามีส่วนสำคัญคือ
อายุ
- คือความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามวัย
ภูมิลำเนา
- คนที่เกิดในประเทศแถบอเมริกาเหนือ และยุโรปตอนเหนือ มีอัตราเสี่ยงสูง พวกที่เกิดจากยุโรปตอนใต้และลาตินอเมริกา มีอัตราเสี่ยงปานกลาง และคนที่เกิดในทวีปเอเชียและอเมริกาใต้ มีความเสี่ยงต่ำ
ประวัติครอบครัว
- การเกิดมะเร็งเต้านม ตามกรรมพันธุ์จริงๆ แล้วมีเพียง 5-10% แต่ถ้าท่านมีประวัติครอบครัวว่า คุณแม่หรือพี่สาวน้องสาวเป็นโรคนี้แล้ว โอกาสที่ท่านจะเป็นมะเร็งเต้านมด้วย ก็จะสูงขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงนี้จะลดความสำคัญลง เมื่อเรามีอายุสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้ท่านอายุ 40 ปี และมีคุณแม่หรือพี่สาวน้องสาว เป็นมะเร็งเต้านมอยู่ ท่านก็จะมีโอกาสเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้
อย่างไรก็ตาม พอท่านมีอายุ 60 ปีแล้ว ความเสี่ยงก็จะพอๆ กับผู้หญิงอื่นๆ ทั่วไป
อาหารทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ ?
มะเร็งบางอย่างมีผลจากอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่กับมะเร็งเต้านมแล้ว ยังไม่มีหลักฐานสรุปชัดเจนว่า ทำให้เกิดมะเร็งได้
เท่าที่นักวิทยาศาสตร์พบก็มีอาทิเช่น
คนอ้วนและการรับประทานอุดมด้วยไขมัน
- งานวิจัยพบว่า ชาวอเมริกันที่บริโภคไขมันมาก และอ้วนมากเป็นมะเร็งเต้านมกันมาก อย่างไรก็ตาม การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาดในผู้หญิงกว่า 89,000 คนก็ยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันกับมะเร็งเต้านม
วิตามิน
- วิตามินซีและบี ไม่แสดงบทบาท ปกป้องมะเร็งเต้านม แต่วิตามินเออาจมีส่วนช่วยป้องกันได้
แอลกอฮอล์
- งานวิจัยหลายชิ้นแสดงว่า การดื่มสุราวันละ 2 แก้ว ขึ้นไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นผลจากเรื่องอื่น
การตรวจทางพันธุกรรมช่วยบอกปัจจัยเสี่ยง ต่อมะเร็งเต้านมได้หรือไม่ ?
เมื่อปี 2537 มีการค้นพบพันธุกรรม (GENE) BRCA1 และปี 2538 พบ BRCA2 ทำให้เกิดความตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นในหมู่ผู้หญิงว่า คุณหมอจะสามารถเจาะเลือดตรวจ ปัจจัยเสี่ยงที่แน่ชัดทีเสียได้หรือไม่
ข้อจำกัดของการตรวจพันธุกรรมนี้คือ ความแม่นยำและประเด็นสำคัญคือ ถ้าเกิดตรวจพบหน่วยพันธุกรรมประจำตัวที่บ่งบอกว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว จะยินยอมพร้อมใจ หรือทำใจได้หรือไม่กับการให้หมอตัดเต้านมออก เพื่อกันมะเร็งเต้านมไว้ก่อน ?
ยาเม็ดคุมกำเนิดกับมะเร็งเต้านม
เพื่อสร้างความมั่นใจแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่ประสงค์จคุมกำเนิด ด้วยวิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแต่กลัวเป็นมะเร็งเต้านม จึงมีการวิเคราะห์งานวิจัย 54 ชิ้น จาก 25 ประเทศแล้วพบว่า โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมไม่เพิ่มขึ้นในหญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นอายุใด ประวัติครอบครัวเป็นอย่างไร เชื้อชาติอะไร กินยาเม็ดคุมกำเนิดมานานเท่าใด เริ่มยาอายุเท่าไร
เมื่อมีการตรวจพบเต้านมด้วยตนเอง หรือโดยเอกซเรย์แมมโมแกรมแล้ว ก่อนนัดพบคุณหมอควรจะเตรียมข้อมูลต่อไปนี้
วันเวลาที่ตรวจพบก้อน
ขนาดของก้อนและประวัติว่าก้อนมีการโตขึ้นหรือเล็กลงหรือไม่
คลำก้อนแล้วรู้สึกอย่างไร
ก้อนอยู่ตรงตำแหน่งใด
วันที่มีประจำเดือนครั้งล่าสุด
มีสารเหลวออกมาจากหัวนมหรือไม่
เคยมีปัญหาเต้านมในอดีตหรือเปล่า
ยาที่กำลังรับประทานอยู่
ประวัติครอบครัวของการเป็นมะเร็งเต้านม
เคยได้รับการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจหรือไม่?
ท่านผู้อ่านที่มีอินเตอร์เน็ตอยู่ที่บ้านหากสนใจใคร่รู้รายละเอียด เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลเต้านมด้วยตนเองเชิญติดต่อ
MAYO HEALTH O@SIS
http://www. mayo. ivi, com.
นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์
ขอบคุณนิตยสารแม่และเด็ก ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่
[ BACK TO LIST]
main
มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600