มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ คัดลอกจากนิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 22 ฉบับที่ 323 มกราคม 2542]

ฆาตกรร้ายตัวเดิม...มะเร็งปากมดลูก

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


ถูกต่อว่าเสมอ ว่าหมอไม่เห็นบอกหรืออธิบายให้คนไข้เข้าใจ ในเรื่องที่คนไข้หรือญาติคนไข้เห็นว่าสำคัญเลย เป็นอะไรก็ไม่บอก จะทำการรักษาอย่างไรก็ไม่บอก การทำนายโรคก็ไม่บอกอีก สารพัดจะต่อว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นคำบ่นที่มีเหตุผล และเป็นปัญหาของวงการแพทย์ไทยที่หมอไม่ค่อยมีเวลา อธิบายให้คนไข้รู้ในเรื่องที่อยากทราบ ทั้งนี้เพราะเหตุผลใหญ่ๆ 2 ประการ

" เมื่อครึ่งปีมานี้
เธอเริ่มรู้สึกมี
ตกขาวมากผิดปกติ
เป็นๆ หายๆ
เธอก็ซื้อยา
มาทานเองบ้าง
ใช้ยาสอดบ้าง
ยาสวนล้างบ้าง
อาการผิดปกติ
ก็ดูจะเป็นๆ หายๆ
และเริ่มมี
เลือดออกผิดปกติ
โดยเฉพาะหลังมี
เพศสัมพันธ์ "

เหตุผลที่หนึ่งอาชีพหมอจำเจกับวิชาชีพ ยิ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่มีแพทย์มาก และมีการเรียนการสอน ซึ่งจะทำให้หมอหรือแพทย์ลืมไปว่า คนไข้ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ เข้าใจหรือลืมไป เข้าใจว่าคนไข้หรือคนทั่วไปที่คุยด้วย เป็นพวกเดียวกัน ก็เลยลืมที่จะอธิบายที่มาที่ไปของโรค หรือใช้ภาษาชาวบ้านอธิบายให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจได้ นับเป็นจุดอ่อนของการแพทย์ ซึ่งทางโรงเรียนแพทย์ ก็ได้แก้ไขโดยการจัดให้มีการเรียนการสอน ในเรื่องของการสื่อสารกับผู้อื่นไม่ใช่เพียงการเรียน การสอนเท่านั้น ในระดับการแพทย์ชั้นสูงก็ยังถึงกับมีการสอน การประเมินกันเลยทีเดียว

เหตุผลที่สอง ซึ่งมักจะอ้างกันว่าไม่มีเวลา ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่มีเหตุผล และเป็นเรื่องจริง เพราะแพทย์หรือหมอในเมืองไทยยังขาดแคลนอยู่มาก มีเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เช่น

กรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่อีกไม่กี่เมือง ที่แพทย์ต่อประชากรอยู่ในอัตราส่วนที่เท่าเกณฑ์มาตรฐาน ประมาณหนึ่งต่อห้าพันหรืออาจจะน้อยกว่านั้นยิ่งดี แต่ในพื้นที่ส่วนใหญ่อัตราส่วนหมอหนึ่งคนต่อประชากร เป็นหลายๆ หมื่น ทำให้หมอต้องทำงานหนักมาก เช้าขึ้นมา เพียงดูคนไข้ สั่งการรักษา ทำหัตถการให้แก่ผู้ป่วยก็หมดเวลาแล้ว ไม่มีเวลาที่จะมานั่งโต๊ะอธิบายแก่ญาติหรือคนไข้ให้ละเอียดได้ เลยได้ให้แต่คำบอกเล่าสั้นๆ แบบว่าสรุปให้ฟังก็ว่าได้ และนิสัยคนไทยก็ขี้เกรงใจก็เลยอมคำถามไว้ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นหมอทุกคนก็พร้อมจะตอบคำถามอยู่แล้ว จึงแนะนำว่า ควรจะถามหมอเลยเวลามาดูคนไข้หรือมาเยี่ยมไข้ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเอง ยิ่งปัจจุบัน ได้มีปริญญาสิทธิผู้ป่วยด้วยแล้ว ถือว่าเป็นสิทธิที่คนไข้จะรู้ข่าวสาร เกี่ยวกับตัวเอง ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันมาก พบได้บ่อยๆ ที่คนไข้มาตามนัดหรือไปเยี่ยมไข้ พอถึงเวลาพบหมอกลับลืมคำถามที่อยากรู้ จนเดี๋ยวนี้ต้องบอกคนไข้ว่าถ้าอยากรู้ให้จดคำถามไว้กันลืม

เรื่องคำถามนี้น่าสนใจมาก ได้สะท้อนถึงเรื่องที่คนทั่วๆ ไปอยากรู้ เนื่องมาจากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับกล่องมา 1 กล่องจากทางไอทีวี ในช่วงรายการใส่ใจในชีวิต ซึ่งเป็นผู้ดูแลอยู่มา 2 ปีเศษ ปรากฏว่า เป็นจดหมายจากผู้ที่ติดตามชมรายการซึ่งเกี่ยวกับสุขภาพของสตรี ซึ่งอัดแน่นไปด้วยจดหมายเป็นร้อยๆ ฉบับ ได้อ่านดูทุกฉบับ เพื่อที่จะทยอยตอบให้ได้หมดจากข้อมูลคำถามที่สรุปประมวลได้ว่า เรื่องที่สนใจกลุ่มใหญ่ๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีจดหมายมา ซึ่งอาจจะเป็นตัวแทนสตรีไทย ส่วนหนึ่งได้เพราะจดหมายมาจากทุกภาค ส่วนมากจะอยากรู้หรือถามเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ฮอร์โมน ที่น่าสนใจคือเรื่องของวัยทองหรือการดูแลสุขภาพในวัยหมดระดู และเรื่องมะเร็ง ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นจดหมายจากผู้ป่วยโรคมะเร็งเขียนมา

มีอยู่ฉบับหนึ่งซึ่งน่าสนใจมากๆ จนต้องนำมาเขียนตอบให้ ในบทความนี้เลย เพราะเธอเป็นผู้หนึ่งที่เป็นแฟนของนิตยสารนี้เช่นกัน เธอน่าเห็นใจมาก เธออายุเพียง 30 ปีมีบุตรมาแล้ว 1 คน กับสามีคนก่อน ซึ่งเลิกรากันไป และแต่งงานใหม่เมื่อ 5 ปีมานี้เอง และมีบุตรกับสามีใหม่ อายุเพียง 2 ปี เธอทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง สามีใหม่รับราชการ เธอมีเหตุผลในการแต่งงานใหม่ว่าเธอจะได้มีความมั่นคงทางสังคม เพราะสามีรับราชการเธอจะได้สิทธิหลายอย่างโดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ซึ่งนี่เป็นผลดีของระบบราชการไทย

5 ปีมานี้เองเธอทำงานหนักทั้งงานในหน้าที่ และแม่บ้าน จนลืมดูแลตัวเอง ในปีแรกที่แต่งงานและหลังมีการคลอดบุตร เธอไปตรวจร่างกายรวมทั้งตรวจภายในตามที่แนะนำ แพทย์ก็พบเพียงแต่ว่า เธอมีการอักเสบที่ปากมดลูกและแนะนำให้มาตรวจมะเร็งซ้ำในอีก 2 เดือน แต่เธอเฉยไม่ทำตามเพราะไม่มีอาการอะไร เธอคิดว่าจะต้องเสียเงิน ทองเสียเวลาทำไมกับการตรวจเช็กอัพมะเร็ง เพราะเธอ ตรวจมาหลายปีไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ อาการหรือก็ไม่มี

จนเมื่อครึ่งปีมานี้เธอเริ่มรู้สึกมีตกขาวมากผิดปกติ เป็นๆ หายๆ ก็คิดว่าสามีนำโรคมาให้เธอก็ซื้อยามาทานเองบ้าง ใช้ยาสอดบ้าง ยาสวนล้างบ้างแล้วแต่ว่าเธอจะไปปรึกษาผู้ใด อาการผิดปกติก็ดูจะเป็นๆ หายๆ ช่วงระยะหลังๆ นี้ดูจะเป็นมากกว่าหายไป และเริ่มมีเลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ เธอลังเลอยู่นาน จนเธอตัดสินใจได้ในวันที่เธอเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่เธอนั่งเกิดชน และศีรษะเธอกระแทกอย่างรุนแรง เธอต้องเข้ามารับการตรวจที่โรงพยาบาล เลยถือเป็นโอกาสได้ตรวจภายในก็พบว่า เธอมีติ่งเนื้อผิดปกติที่รูปากมดลูก ยื่นออกมาขนาดไม่ใหญ่มากนัก แพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิ

ซึ่งในกรณีเช่นเธอผู้นี้ ถ้ามีความผิดปกติให้เห็นแล้ว การตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า "แป๊ปสเมียร์" ก็ไม่จำเป็น ติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาผิดปกตินั้นแพทย์เฉพาะทางที่ตรวจภายในพบว่า มีลักษณะของเนื้อร้ายหรือมะเร็งเพศแตะต้องเส้นเลือดฉีกขาดง่าย และพื้นผิวก้อนเนื้องอกค่อนข้างขรุขระทำให้เธอมีตกขาวเป็นๆ หายๆ มาตลอด และการที่เส้นเลือดฉีกขาดง่ายทำให้มีเลือดออกผิดปกติเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อถูกกระทบกระเทือนจากการมีเพศสัมพันธ์ แม้จะเห็นชัดเจนถึงลักษณะของเนื้อร้ายหรือมะเร็งก็ตาม แต่แพทย์ก็ต้องตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา คือ ไปทำให้แห้ง ตามขบวนการพิเศษแล้วย้อมสีพิเศษ เพื่อนำไปส่องด้วยกล้องขยาย 400 เท่า หรือมากกว่าเพื่อหาเซลล์มะเร็งและให้ทราบชนิดของมะเร็ง

บางครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นบ่อยครั้งที่ต้องย้อมพิเศษเพื่อแยกแยะประเภท เพราะต้องศึกษาถึงรายละเอียดของเซลล์มะเร็งว่า น่าจะมีความร้ายแรงอย่างไร มะเร็งก็เหมือนมนุษย์เกรดมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอันธพาลชี้นกระจอก ที่ชาวบ้านเรียก พวกตีหัวหมาดาแม่เจ๊ก พวกลักเล็กขโมยน้อย จนพวกจี้ปล้นชิงทรัพย์ชั้นอันธพาลพวกฆาตกร แต่ทางพยาธิวิทยา ก็จะแบ่งเป็นเกรดได้ 3 เกรดกว้างๆ ด้วยสายตา แต่ทางการแพทย์ ยังมีการแยกแยะพวกเนื้อร้าย หรือมะเร็งตามเกณฑ์อื่นๆ อีกหลายระบบ สลับซับซ้อนอีกหลายระบบ ของเธอผู้นี้ผลชิ้นเนื้อในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ปรากฏว่าเป็นชนิดฆาตกร คือ เกรดสุดท้าย

เธอมาพบแพทย์ตามนัดด้วยหน้าตาที่ซึมเศร้า เมื่อได้พบแพทย์ เธอถามก่อนว่า เป็นมะเร็งใช้ไหม ? ซึ่งเมื่อรับทราบ เธอถึงกับร้องไห้น่าสงสาร ซึ่งเป็นภาพที่แพทย์โดยเฉพาะแพทย์ในหน่วยงาน ซึ่งดูแลมะเร็งนรีเวชพบได้ประจำ ซึ่งเป็นกลไกทางจิตใจของผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งทางแพทย์เรามีขั้นตอนในการดูแลอาการดังกล่าวอยู่แล้ว โดยทีมปรึกษาแนะนำหรือ คาน์เซลลิง (Counseling Team) ซึ่งนับว่าสำคัญมาก เพราะมิฉะนั้นผู้ป่วยจะหนีการรักษา ซึ่งมีขั้นตอนมาก และต้องการการร่วมมือระหว่างแพทย์ และผู้ป่วยรวมทั้งญาติสูงมาก

ที่การรักษามะเร็งในประเทศไทยมีปัญหาคนไข้หนีการรักษา ขาดการรักษา เพราะขาดทีมงานดังกล่าวที่จะคอยให้กำลังใจ ให้ข้อมูลความถูกต้องแก่ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยถูกขบวนการต่างๆ ทั้งที่มุ่งร้ายหรือบางขบวนการบางองค์กร บางกลุ่มคนที่รู้เท่าไม่ถึงการ ชักจูงให้ไขว้เขวในการรักษา เช่น พวกน้ำปั่นน้ำพืชผักก็ดี พวกเลือดสัตว์ น้ำหมาก น้ำมนต์สารพัดที่จะแอบอ้าง ทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาส ในการที่จะได้รับการรักษามาตรฐานทำให้กระทบต่อผลการรักษาที่จะได้รับ พลาดโอกาสที่จะหายจากโรคหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป คำถามที่จะได้ ้จากผู้ป่วยมะเร็งร้ายก็คือ เป็นโรคนี้ได้อย่างไร ? ไม่เห็นมีอาการผิดปกติของอาการโรคมะเร็งที่ต้องผอมแห้งแรงน้อย หน้าตาซูบซีดและคำถามว่าเป็นนานเท่าไร ?

มะเร็งไม่ใช่โรคติดเชื้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โรคติดเชื้อจะมีระยะฟักตัวสั้นหากได้เชื้อจุลินทรีย์เช่น ไวรัสหวัด เพียง 24 ชั่วโมงหรือสั้นกว่าก็ออกอาการมีไข้น้ำมูกไหล หรือโรคท้องร่วงหลังรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอาจจะ 6 ชั่วโมง ก็มีอาการถ่ายเหลวได้ แต่มะเร็งนั้นต้องอาศัยระยะเวลานาน โดยเฉพาะปากมดลูก อาจจะ 5-7 ปีกว่าจะกลายเป็นมะเร็ง แต่ในรายของเธอผู้นี้เป็นมะเร็งของปากมดลูกที่พบได้ประมาณ 5% ซึ่งเป็นชนิดที่กลายมาจากต่อมเมือกในโพรงของมดลูก ซึ่งอยู่ในโพรง ค่อนข้างลึก จึงทำให้การตรวจคัดกรองต้องกระทำให้ถูกต้อง และครอบคลุมถึงกรอบกับเป็นมะเร็งที่มีการกลายได้เร็ว ทำให้การตรวจครั้งสุดท้าย เพียง 3 ปี ก็สามารถจะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกไป และมะเร็งชนิดนี้ความรุนแรงเปรียบได้กับพวกระดับอาชญากร กล่าวคือจะลุกลามแทรกซึมได้รวดเร็ว เพียงสามปีที่ไม่ได้ตรวจค้นหามะเร็ง ก็พบว่าเริ่มลุกลามออกจากคอมดลูก

มะเร็งที่กลายมาจากต่อมเมือกของปากมดลูก เป็นมะเร็งที่ตรวจค้นหาค่อนข้างยุ่งยาก และมักจะเป็นในกลุ่มสตรีที่อายุค่อนข้างน้อย โดยเฉลี่ยมะเร็งปากมดลูก จะพบในช่วงอายุ 50-55 ปี แต่ในกลุ่มมะเร็งจากต่อมเมือกนี้ จะพบในอายุสามสิบและพบในสตรีที่ไม่ได้แต่งงาน สาเหตุของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ยังไม่ทราบ ซึ่งต่างจากมะเร็งปากมดลูกที่กลายมาจากเซลล์บุพื้นผิว ที่มีความเกี่ยวพันกับการติดเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่

จนปัจจุบันเชื่อว่า มะเร็งปากมดลูกชนิดผื่นผิวเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ ด้วยความที่ไม่ทราบถึงมะเร็งที่เกิดจากที่มาของการเกิดมะเร็งชนิดต่อมเมือก ทำให้ไม่สามารถระบุถึงกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งดังกล่าว จึงมีข้อแนะนำว่า สตรีอายุเกิน 18 ปี หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์ควรจะได้รับการตรวจภายใน กับสูติ-นรีแพทย์ เพื่อจะได้หลีกหนีจากโรคร้ายดังเธอผู้นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างเข้ารับการรักษาด้วยรังสีรักษา ขอให้เธอจงต่อสู้กับโรคนี้อย่างเชื่อมั่นโดยมีทีมแพทย์และพยาบาล ยืนเคียงข้างเธอ แล้วชัยชนะจะเป็นของเธอ

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


ขอบคุณนิตยสารแม่และเด็ก ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600