|
สัปดาห์ที่ผ่านมาทีวีช่องหนึ่งได้มาติดต่อขอถ่ายทำ
การใช้กล้องตรวจหามะเร็ง ซึ่งเป็นรายการที่ทำเกี่ยวกับ
เทคโนโลยี ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อมาออกอากาศให้ผู้ชมได้ดู พยายามถามถึงที่มาไอเดียในการที่ทีวีได้มาเพื่อมาถ่ายทำ ปรากฏว่าญาติของเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในบริษัททีวีเป็นคนไข้ที่นี้ และได้รับการตรวจวิเคราะห์โรคด้วยการส่องกล้อง ซึ่งคุณผู้ป่วยนี้
มีความเป็นมาที่น่าสนใจมาก
เธอมีอายุ 30 ปีเศษ มีบุตร 3 คน แต่งงานสองครั้ง
มีหน้าที่การงานพอสมควร มีความผิดปกติจากอาการมีเลือดออกผิดปกติ
โดยเฉพาะเวลามีเพศสัมพันธ์ เธอทำงานอยู่ต่างจังหวัด
ใกล้ชิดกับสถานีอนามัยของท้องถิ่นที่เธออยู่ เธอเข้ารับการตรวจ
และทำการตรวจที่เรียกว่า แป๊ปเมียร์ และฟังผลจนเกือบลืม
เพราะได้ยามาทานบ้าง เหน็บช่องคลอดบ้าง เจ้ายาเหน็บหรือยาสอดนี้
ช่วยได้แยะทั้งๆ ที่แทบจะไม่มีผลต่อโรคเลย แต่พอใช้สอดใส่ในช่องคลอด เข้ากิจกรรมทางเพศก็ต้องถูกยกเว้นไป คุมกำเนิดคุมกำหนัดไปในตัว เมื่อไม่มีกิจกรรมทางเพศแผลปากมดลูกก็ดี การช้ำก็ดี การอักเสบก็ดี ก็ถูกซื้อเวลาให้มีโอกาสพักซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อาการต่าง ๆ ก็ดูเหมือนจะหายไป ยาสอดนั้นในทางการแพทย์มีที่ใช้ไม่มากนักในการรักษาโรคของอวัยวะสตรีเพศ
เมื่ออาการเธอหายไป เธอก็ลืมจนอนามัยมีจดหมายมาถึงเธอ
หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ซึ่งตามสายงานของกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อตรวจมะเร็งปากมดลูกแล้วก็จะต้องส่งสิ่งที่จะตรวจมายังสถาบัน
แปรผลในกรุงเทพฯ หรือส่วนกลางแล้วจึงแจ้งผลกลับไปยังผู้ส่งมาตรวจ
ย้อนไปย้อนมา ทั้งๆ ที่การแปรผลนั้นทั้งขบวนสามารถทำให้เสร็จได้
ภายใน 2-3 ชั่วโมง พอเข้าสู่สายงานราชการก็กลายเป็น 2-3 เดือน ผลจึงจะย้อนกลับมาถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และถึงผู้มาใช้บริการ
อ่านข้อความในจดหมายก็ลมแทบจับเพราะข้อความ
ที่ให้ไปรับการตรวจเพิ่มเติมเพราะ ชื่อที่สับสนที่เรียกขานการตรวจว่า
ตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้นจริงๆ แล้วเป็นการเรียกที่ผิดแต่สื่อได้ดีเพราะ
ที่จริงการตรวจแป๊ปเมียร์เป็นการตรวจดัดกรอง ซึ่งภาษาทางวิชาการ
หมายถึง ตรวจหาความผิดปกติของเนื้อเยื่อปากมดลูก
ในคนที่ไม่มีลักษณะผิดปกติ หรือในคนที่ปกตินั่นเอง
เหมือนเวลาตำรวจตั้งด่านตรวจค้นอาวุธในท้องถนนกับรถยนต์ทุกคัน
ที่ผ่าน ซึ่งไม่มีพิรุธว่าจะขนปืนหรือบรรทุกอาวุธให้เห็น
แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องเรียกให้หยุด และตรวจค้นสิ่งที่คิดว่า
น่าจะเป็นอาวุธถูกแอบซ่อนไว้ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับ
การตรวจแป๊ปเมียร์ คือค้นหาความผิดปกติ
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็ง
และในปรัชญาของการตรวจแป๊ปเมียร์
ต้องการตรวจหาความผิดปกติเริ่มแรกที่ผิดปกติ แต่ยังไม่กลายเป็นมะเร็ง
เพื่อจะป้องกันการเกิดมะเร็ง แต่ชาวบ้านไม่เรียก
เอาผลลัพธ์สุดท้ายว่าตรวจมะเร็ง เมื่อได้รับสื่อสารว่า
ผลตรวจพบความผิดปกติ เกือบร้อยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
หน้าตื่นเข้ามาพบแพทย์ เพราะตกใจเข้าใจว่าตรวจพบว่ามีมะเร็ง
เธอก็เช่นกันถูกแนะนำให้เข้าพบแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งตามนิสัยคนไทยชอบประพฤติปฏิบัติลักษณะที่เรียกว่า ชอปปิ้งคลินิก คือไปหาหมอโน้นหมอนี้เพื่อให้ตัวเองสบายใจเลือกจะหาว่าหมอไหน
ทำให้ตัวเองสบายใจ เธอไปหาหมอหลายโรงพยาบาลจนสับสน เพราะบางแห่งแนะนำให้ตัดเนื้อเยื่อปากมดลูกตรวจ บางแห่งแนะนำ
ให้ส่องกล้องตรวจ บางแห่งแนะนำให้ตัดปากมดลูกออกตรวจกันก่อนผ่าตัด หมอทุกแห่งที่เธอไปพบมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือ ต้อง ค้นหาความผิดปกติ
ที่ปากมดลูกที่ตรวจพบตอนทำแป๊ปเมียร์นั้น เป็นความผิดปกติระดับไหนก่อน จึงจะได้วางแผนการรักษาได้เหมาะสม แต่ความพร้อมแต่ละโรงพยาบาล
ไม่เหมือนกัน แนวทางการตรวจก็เลยแตกต่างกัน แต่จุดประสงค์
หรือจุดมุ่งหมายก็คือกัน
เหมือนครูบาอาจารย์เคยสอนพวกหมอๆ ว่าหนทางจะไปสนามหลวง
มีได้หลายหนทาง ไปรถเมล์ได้หลายทาง โบกรถแท็กซี่ก็ได้ ไปเรือก็ได้ หรืออาจจะเดินไปถ้าไม่มีค่ารถ แต่ผลสุดท้ายก็ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนกัน แต่อาจจะช้าหรือเร็วต่างกันไป เธอเลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาตรวจที่โรงพยาบาลที่ทำงานเพราะการแนะนำของญาติผู้ใหญ่ของเธอ
จากคำบอกเล่าของญาติว่าในช่วงที่วิ่งรอกตามสถานพยาบาลต่างๆ หลายเดือนเธอสุขภาพจิตแย่มาก ทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ
สุขภาพทรุดโทรม เพราะฝังใจว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก จนบุคลิกภาพ
เปลี่ยนแปรไป จากคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เป็นผู้บังคับบัญชา
ที่เข้มแข็งก็กลายเป็นคนอ่อนแอ อ่อนไหว ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
ท้อถอย เมื่อมาพบต้องให้การบำบัดทางจิตใจควบคู่ไปด้วย
ด้วยการให้ขบวนการปรึกษาแนะนำ และให้ความรู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่เธอ และได้ทำการตรวจค้นหาความผิดปกติที่ปากมดลูกด้วยการส่องกล้อง
ตรวจผลสรุปออกมาเมื่อรายงานผลการตรวจติดพิสูจน์ชั้นเนื้อ ความผิดปกติที่ปากมดลูกที่ตัดออกตรวจพบว่า เป็นเพียงความผิดปกติ
ของเนื้อเยื่อเพียงเล็กน้อยจากการติดเชื้อไวรัสหงอนไก่ (HPV)
ต้องทำความเข้าใจกับเธอ ให้เธอได้เห็นผลการตรวจเหมือนกับ
สอนนักเรียนพยาบาล นักเรียนแพทย์เบื้องต้นอย่างไรอย่างนั้น จบลงด้วยการยิงเลเซอร์เผาทำลายเซลล์เนื้อเยื่อปากมดลูกที่ผิดปกติ
จากไวรัสไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลด้วยซ้ำไป ให้เข้ามาโรงพยาบาล
เตรียมตัวเพื่อเข้าใช้การยิงเลเซอร์รักษาในห้องผ่าตัด เย็นก็กลับบ้าน ไม่เสียเลือดเสียเนื้ออย่างที่เธอคาดหวังเกรงกลัว
2 เดือนหลังจากการรักษานัดมาตรวจติดตาม เธอกลับสู่บุคลิกภาพ
เดิมๆ ของเธอ เธอกล่าวขอบคุณหมอที่ดูแลเธอและที่เธอแทบจะกราบคือ
กล้องส่องตรวจค้นหามะเร็ง หรือกล้องคลอโปสโคปที่ทำให้เธอ
ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ และหายจากโรคทางกายและโรคทางใจ
หลังจากนั้นทางหน่วยมะเร็งนรีเวช เราก็มีคนไข้มาขอใช้บริการ
จากท้องถิ่นเธอ และอาณาบริเวณใกล้เคียงเพิ่มขึ้นเพราะเธอ
ไปประชาสัมพันธ์ให้ เท่านั้นยังไม่พอยังกลายเป็นผู้ชักนำ
เอารายการทีวีมาขอถ่ายทำอีก ก็นับว่าได้ทำประโยชน์แก่ประชาชน
ที่เสียภาษีให้ได้ร่ำเรียนเป็นหมอออกมารับใช้สังคมทางหนึ่ง
กล้องส่องตรวจค้นหามะเร็งทางนรีเวช หรือชื่อ กล้องคลอโปสโคป นั้น หลักการก็ไม่ต่างจากกล้องส่องทางไกล กล้องส่องดูม้าแข่งนั่นเอง คือ เป็นกล้องส่องตาที่มีเลนส์ขยายหลายระดับ มีกำลังขยายตั้งแต่ 2
เท่าขึ้นไปจน 10 กว่าเท่าแล้วแต่บริษัทที่สร้างมา แต่มีคุณลักษณะพิเศษ
คือ ระยะโฟกัสสั้นพอเพียงให้สอดใส่เครื่องมือแพทย์เข้าไป
ตัดตรวจได้ก่อนที่จะมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ชิ้นนี้
เมื่อพบความผิดปกติที่ปากมดลูกก็จะต้องตัดชิ้นเนื้อ
มาตรวจดูทางพยาธิวิทยาด้วยการสุ่มตัดในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งอาจจะมีการผิดพลาดได้สูงเพราะตำแหน่งที่ตรวจไม่ถูกต้อง และอาจต้องใช้วิธีมาตรฐานในการตัดตรวจคือ การตัดปากมดลูก
รูปกรวยออกมาตรวจดู เรียกว่าต้องทำเป็นการผ่าตัดใหญ่กันเลย
เสียเวลา เสียเงิน เสียทอง ที่สำคัญคือ ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
ผลแทรกซ้อนก็มีพอสมควร กล้องส่องค้นหาความผิดปกตินี้
ช่วยให้หลีกเลี่ยงข้อเสียดังกล่าวได้แต่ไม่หมดทีเดียว
กล้องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่า อะไรก็ตามถ้าอเมริกาใช้หรือนำไปใช้แล้ว
โอกาสแจ้งเกิดในตลาดมีสูงไม่เว้นแม้วงการแพย์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจไม่เฉพาะทางการทหารเท่านั้น
ทางวิชาการ และเศรษฐกิจก็เป็นไปด้วย
เดิมกล้องนี้ถูกผลิตขึ้นที่เยอรมันเมื่อ 150 ปี ต่อมาก็ถูกชาวยุโรป
ประเทศอื่นคืออังกฤษ ฝรั่งเศสนำไปพัฒนาใช้ แต่ก็ไม่ติดตลาดไม่แจ้งเกิด
เพราะอเมริกายังไม่นิยม แม้จะมีผู้นำไปใช้ จนเมื่อ 40-50 ปีมานี้เอง
อเมริการได้นำมาใช้อย่างแพร่หลายในการช่วยตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูก เพราะสาเหตุสำคัญคือลดค่าใช้จ่าย ในอเมริการทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด
ไม่มีการทำให้ฟรี โดยเฉพาะการบริการทางสุขภาพซึ่งแพงมาก
จนยุคของคลินตันเป็นประนาธิบดีสมัยแรกต้องการจะลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ซึ่งทั้งประเทศมูลค่ามหาศาลเกือบทำให้ประเทศล่มจม เรียกปฏิวัติก็ว่าได้
ในขบวนการการดูแลรักษาสุขภาพในอเมริกานั้นค่าเตียงนอน
ในโรงพยาบาลนั้นแพงมาก และประเทศนี้ไม่มีห้องสามัญ ห้องพิเศษให้เลือก มีแต่ห้องพิเศษเพราะถ้ามีห้องสองลักษณะก็จะถูกฟ้องร้องว่าแบ่งแยกเลือกปฏิบัติ ประเทศสิทธิมนุษยชนจ๋าก็เช่นนี้ ยิ่งถ้ามีหัตถกรรมการผ่าตัด
ลุกล้ำเนื้อเยื่อของร่างกายแล้วเป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกอย่างนั้นเป็นค่าใช้จ่ายหมด
แม้ผ้าซับเลือด 1 แผ่น สำลี 1 ก้อน ก็อาจต้องนับ ไม่มีระบบยาขอ
หมอวานแบบอย่างประเทศไทย ถ้าไม่มีบัตรประกันสุขภาพ
ซึ่งแพงมากแล้วจะยุ่งยากมาก
การใช้กล่องส่องดูเนื้อเยื่อปากมดลูกเพื่อจะค้นหาเนื้อเยื่อ
ความผิดปกติกล้องจะขยายให้พื้นผิวคอมดลูกให้มีขนาดใหญ่เห็นชัดเจน
แต่ไม่ถึงกับเห็นเซลล์ เพียงเห็นพื้นผิวโครงสร้างหยาบๆ ดูการสะท้อนแสงของพื้นผิวโดยต้องมีความรู้ถึงลักษณะปกติของพื้นผิว และต้องรู้สึกถึงว่าการเห็นอย่างนั้น อย่างนี้นั้นโครงสร้างระดับเซลล์
เป็นอย่างไรและโดยพื้นฐานจริงๆ แล้วการดูกล้องค้นหาโรคก็คือ การดูการสะท้อนของแสงที่ผิดปกติของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเนื้อเยื่อบุปากมดลูก
ในเนื้อเยื่อมะเร็ง หรือเนื้อเยื่อผิดปกติที่เริ่มจะกลายไปนั้น
จะมีจำนวนเซลล์เพิ่มมากขึ้นทำให้ขัดขวางการสะท้อนของแสง
ที่จะสะท้อนออกมาจากกระแสเลือด และขณะเดียวกันในเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
จะมีการหลั่งสารฮอร์โมนที่จะออกมากระตุ้นให้มีการสร้างท่อเลือด
จะเห็นว่าเรียกท่อเลือดเพราะโครงสร้างของมันแตกต่าง
ไปจากเส้นหลอดเลือดปกติเพราะบอบบางกว่าและขรุขระ เกิดจาการที่ถูกกระตุ้นให้ต้องรีบสร้างหรือเหมือนกับรีบร้อนสร้าง
เลยสร้างชุ่ยๆ ไม่เรียบร้อยและสร้างมามาก สองความผิดปกตินี้ผสมกัน
ก่อให้เกิดเป็นลักษณะความผิดปกติรูปแบบต่างๆ ให้เห็นเมื่อส่องมอง
ด้วยกล้องคอลโปสโคปหรือกล้องขยาย บ้างก็เป็นเหมือนผิวคอนกรีต
ขาวซีดขรุขระ บ้างเห็นเป็นจุดแดงๆ เหมือนพ่นน้ำหมากบนผ้า
บ้างก็เห็นลักษณะเป็นคล้ายๆ แผ่นกระเบื้อง พวกกระเบื้องโมเสด ถ้ารุนแรงหรือร้ายแรงมากก็จะเห็นท่อเลือดมาที่ผิวคอมดลูกเป็นรูปแปลกๆ อันเห็นเป็นขยุกขยุยเหมือนฝอยขัดหม้อเป็นขดๆ วงๆ ซึ่งฝรั่งเห็น
เป็นตะกร้า แต่คนไทยดูไม่เห็นจะเหมือนกลับไปคล้ายรากไม้ระเกะระกะ
บ้างเป็นร่างแห ถ้ายังเห็นไม่ชัดก็จะมีน้ำยามาช่วยทาให้มองเห็นชัดก็คือ
น้ำส้มสายชูเจือจางนั่นเอง และอาจจะเพิ่มความคมชัดของโครงสร้าง เส้นหรือท่อเลือดด้วยการใช้กระจกกรองสีเขียว จะทำให้ท่อเลือดชัดขึ้น
ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีทาง VDO ก้าวหน้ามากจากกล้องคลอโปสโคป
ก็ดึงภาพออกมาที่จอโทรทัศน์เป็นภาพสี เหมือนจริง และขยายเพิ่ม
ให้เห็นใหญ่ขึ้นไปอีก ช่วยในการเรียนการสอนมีประโยชน์มาก เท่านั้นไม่พอยังใช้เป็นสื่อกับคนไข้คือ ให้คนไข้ได้เห็นภาพความผิดปกติ
เท่านั้นไม่พอ ยังอาจจะถ่ายภาพให้คนไข้และหรือถ่ายเก็บไว้
ศึกษาเปรียบเทียบไว้ทำการเรียนการสอนได้ด้วย จากการส่องกล้องดู
ก็จะสามารถหาตำแหน่งความผิดปกติที่พื้นผิวปากมดลูกได้
และตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ต้องเน้นว่าตัดเพื่อมาตรวจ
ไม่ใช่ขั้นตอนของการรักษา แต่จากการส่องกล้องผู้เชี่ยวชาญ
สามารถจะบอกคร่าวๆ ได้ถึงการวินิจฉัยว่า น่าจะเป็นอะไร
ซึ่งโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์
การตัดชิ้นเนื้อเพื่อไปตรวจนั้นก็ตัดเพียงชิ้นเล็กๆ
ขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟก็เพียงพอ อจจะตัดหลายตำแหน่ง
เพื่อความแม่ยำที่มากขึ้น ชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาจะถูกส่งไปเข้าขบวนการ
ทางพยาธิวิทยาไปทำให้แห้งน้ำแล้วใส่ในแท่งใย (Paraffin)
เพื่อเป็นตัวยึดให้เนื้อเยื่อนั้นอยู่นิ่ง และส่งเข้าเครื่องตัดเป็นแผ่นบางๆ
ขนาด 0.0005 เซนติเมตร เพื่อให้บางๆ มากๆ เซลล์จะได้ไม่ซ้อนกันหลายชิ้น แล้วมาเข้าขบวนการย้อมสีพิเศษเพื่อการแยกแยะโครงสร้าง
และขนาดของแต่ละเซลล์ และพยาธิแพทย์ก็จะศึกษาและให้ผลรายงาน
การวินิจฉัยกลับมา ซึ่งพยาธิแพทย์เปรียบเสมือนพระเอกขี่ม้าขาว
ผู้ปิดทองหลังพระโดยแท้ เป็นผู้พิพากษาหลังบัลลังก์กระนั้นแหละ เพราะคนไข้มักไม่เคยได้เห็นได้พบคนสำคัญท่านนี้
ผลชิ้นเนื้อที่ออกมาจะถูกนำมาใช้ในการวางแผนการรักษา ถ้าเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งเช่นรายนี้ ก็เพียงทำลายเฉพาะที่ด้วยกรรมวิธี
ต่าง ๆ ก็เพียงพออาจจะด้วยการใช้เลเซอร์ดังรายนี้ หรืออาจจะขดลวดพิเศษ
ตัดออกเฉพาะที่ หรือใช้ความเย็นจัดจี้ทำลาย จี้ไฟฟ้ารวมถึงการใช้มีดผ่าตัดออก ทั้งหมดที่กล่าวมายกเว้นใช้มีดผ่าตัดมักจะไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล
ทำให้ทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้มาก ซึ่งในประเทศไทยเราภาวะส่วนใหญ่
จะตกกับรัฐหรือใช้เงินแผ่นดินนั่นเอง เท่ากับประหยัดเงินแผ่นดินไปได้มาก ถ้าผลชิ้นเนื้อเป็นมะเร็งก็งานใหญ่อาจจะต้องทำการผ่าตัดอย่างกว้างขวาง หรือถ้ามีข้อห้ามก็อาจจะต้องทำการรักษาด้วยการใช้การฉายรังสีแทน
จะเห็นว่าวิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน
ก็จะมีการพัฒนาเครื่องมือแพทย์ที่จะช่วยลดภาระทั้งทางสรีรวิทยา
ทางเศรษฐกิจ แก่คนไข้ออกมามากขึ้น กล้องหรือเทคนิคทางแสง ทางเลนส์ที่ก้าวหน้าทำให้มีเครื่องมือออกมามาก เครื่องมือกล้อง
ส่องอวัยวะภายในแทบทุกอวัยวะตั้งแต่หัวจรดเท้ามีออกมาใช้มากมาย
กล้องส่องไซนัส กล้องส่องโพรงจมูก กล้องส่องระบบทางเดินอาหาร
กล้องส่องข้อเข่า ข้อกระดูก ฯ ในอนาคตอันไม่ไกลจะมีกล้อง
ที่เป็นรีโมตคอนโทรลใส่เข้าไปในกระแสโลหิตแล้วส่งภาพออกมา
ให้เหมือนกับในภาพยนต์ของจูลเวิรนเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
|