นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ
|
|
"ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้พบวิธีรักษา
ภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลันโดยการใช้ยาละลายลิ่มเลือด
เป็นวิธีที่ได้ผลดีถ้ารักษาอย่างถูกต้อง
และทันท่วงที (ภายใน 3 ชั่วโมง)
ปัญหาอยู่ที่ต้องวินิจฉัยถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ
และอยู่ในโรงพยาบาลที่มีแพทย์และเครื่องมือพร้อมมูล"
ในช่วง 7-8 ปี ที่ผ่านมานี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
ขนานใหญ่ ในการป้องกันและการรักษาภาวะสมองขาดเลือด
เฉียบพลันครับ
การรักษาความดันโลหิตสูงรักษาโรคหลอดเลือดนอกสมอง
|
ตีบตันและรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ช่วยป้องกันการเกิดภาวะสมองขาดเลือดได้มาก
เป็นครั้งแรกที่แพทย์สามารถใช้ยาละลายลิ่มเลือดได้อย่างปลอดภัย
เพื่อไปละลายก้อนเลือดที่อุดตันเส้นเลือดในสมองอยู่ ทำให้ป้องกันความเสียหายอย่างถาวร
ที่จะเกิดกับสมองได้
ยาที่กำลังศึกษาค้นคว้าอยู่คาดว่าจะไปช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากภาวะขาดเลือด
ภาวะเลือดออก และจากภาวะสมองบวม
ความก้าวหน้าทางยารักษานี้นับเป็นเครื่องมือใหม่ที่เข้ามาช่วยประชาชนผู้สูงอายุ
ผลกระทบจากโรคอัมพาตหรืออัมพฤกษ์นับว่าสูงมาก เมื่อพิจารณาถึงการเสียชีวิตและความพิการที่เกิดขึ้น
เป็นสาเหตุนำของความพิการที่เกิดในผู้ใหญ่ ค่าใช้จ่ายในการรักษาและความเสียหาย
จากการตกงานรวมกันแล้วจะสูงมากอย่างน่าตกใจ ก็เช่นเดียวกับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันครับ
คือต้องให้การรักษาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หลังจากเกิดภาวะนี้ผลการรักษาจึงจะดี
ความสามารถในการป้องกันความเสียหาย ของวิธีการนี้ทำให้เกิดความจำเป็นเร่งด่วน
ที่จะต้องรับรู้และประเมินผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดเลือดเสียแต่แรกๆ ครับ
ภาวะสมองขาดเลือดอาจแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
ประเภทที่เกิดการขาดเลือดและจากการมีเลือดออก
ประเภทที่เกิดจากการขาดเลือด พบมากที่สุดครับคือพบราว 85% ของอัมพฤกษ์
อัมพาต ทั้งหมด
ส่วนใหญ่แล้วก้อนหรือลิ่มเลือดที่อุดตันเส้นเลือในสมองจะลอยมาจากบริเวณอื่นนอกสมองครับ
เช่น มาจากหัวใจหรือจากหลอดเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ ก้อนเลือดที่เกิดขึ้นบริเวณนี้จะหลุด
หรือแตกออกแล้ววิ่งไปตามหลอดเลือดแดงจากแขนงใหญ่ลงแขนงเล็กลงไปเรื่อยๆ
จนไปถึงเส้นเลือดที่เล็ก ไม่สามารถไหลต่อไปได้ ก็จะอุดตันอยู่ตรงนั้น
ก้อนเลือดที่อุดตันอยู่นี้บางครั้งก็ละลายไปเองได้ครับแต่ความเสียหาย ก็มักเกิดกับสมองไปแล้ว
เรียกว่าการละลายลิ่มเลือดโดยวิธีธรรมชาติช้าเกินไปกว่าสมองจะได้ประโยชน์
ความเสียหายที่เกิดจากหลอดเลือดสมองอุดตันจะค่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ขอบเขตของความเสียหายของสมองจะไม่เท่ากันไปทุกบริเวณ
โดยหลักทั่วไปถ้าสมองขาดเลือดอย่างมาก เซลล์สมองจะตายภายในไม่กี่นาทีครับ
แต่ถ้าเลือดยังพอไปเลี้ยงสมองได้ เซลล์สมองอาจทนได้เป็นชั่วโมงโดยยังไม่เสียหายถาวร
สมองส่วนที่เสียหายรุนแรงจากการขาดเลือดอย่างมาก แม้สามารถทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงใหม่
ก็ไม่อาจทำให้สมองกลับมาทำงานปกติอย่างเดิมได้ มิหนำซ้ำยังอาจเกิดเลือดออกในเนื้อสมอง
จากหลอดเลือดที่เสียหายไปแล้ว
ความท้าทายของการรักษาโดยการละลายลิ่มเลือดจึงอยู่ที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมอง
ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ก่อนที่สมองจะเสียหายครับ
ร่างกายของเรามีระบบเตือนภัยที่จะบอกให้เรารู้ว่าจะเกิดสภาวะสมองขาดเลือดแล้ว
เมื่อมีอาการต่อไปนี้ขอให้คุณปรึกษาแพทย์ทันที ครับ
- เกิดชาหรือรู้สึกยุบยิบตามแขนหรือขาอย่างทันทีทันใด
- เกิดไม่มีแรงหรืออัมพาตของแขนหรือขาอย่างทันทีทันใด
- อยู่ๆ เกิดพูดไม่ได้
- อยู่ๆ ตาพร่า ภาพซ้อน มองไม่เห็น
- วิงเวียนศีรษะอย่างกระทันหัน
- ปวดศีรษะรุนแรงอย่างกระทันหัน
ข้อสำคัญคุณต้องรู้จักอาการที่ผมกล่าวมาข้างต้นด้วยนะครับ
จะได้บอกแพทย์ถูก เวลาคุณเป็นขึ้นมา
อาการเตือนของภาวะสมองขาดเลือดนี้อาจเกิดขึ้นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
หรือเกิดทั้ง 2 ซีกพร้อมกันได้ อาการเตือนเหล่านี้กำลังบอกคุณว่าคุณต้องปรึกษาแพทย์ทันที
เพราะคุณอาจมีปัญหาของการไหลเวียนโลหิตในสมอง บางทีอาการเตือนอาจเกิดขึ้น
แล้วหายไปเองอย่างรวดเร็ว แสดงว่าปัญหาของการไหลเวียนโลหิตในสมอง
เกิดขึ้นชั่วคราวเพียงไม่กี่นาทีแล้วก็หายไป
อย่าครับ อย่าละเลยอาการเช่นนี้ แม้ว่าคุณจะกลับเป็นปกติได้ในครู่เดียวก็ตาม
ปรึกษาแพทย์เถอะครับ บางทีสิ่งที่ร้ายแรงอาจตามมาในไม่ช้าไม่นาน
อาจเป็นปีหรือเพียงแค่เดือนก็ได้
จะทำอะไรเพื่อป้องกันได้บ้างไหม ?
มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้คุณมีโอกาสเป็นสมองขาดเลือดได้ง่ายครับ
ปัจจัยเสี่ยงบางปัจจัยคุณไปทำอะไรมันไม่ได้ เช่น ปัจจัยด้านอายุ, เพศ, เชื้อชาติ,
เบาหวาน และมีประวัติในครอบครัวเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
ปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น คุณสามารถทำอะไรเพื่อป้องกันได้ เช่น
เคยเกิดสมองขาดเลือดมาแล้ว เคยมีอาการของสมองขาดเลือด ความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ โรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงสมอง
ถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงพวกนี้ล่ะก็ปรึกษาแพทย์นะครับว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง
คุณอาจต้องรับประทานยา ต้องคุมอาหาร ออกกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือต้องรับการผ่าตัด ฯลฯ
วิถีชีวิตประจำวันของคุณก็มีความสำคัญกับการเกิดภาวะสมองขาดเลือดครับ
สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ผนังหลอดเลือดเสียหาย
หลอดเลือดแดงแข็งตัวเร็วขึ้นและทำให้ความดันโลหิตขึ้นสูง ถ้าคุณหยุดสูบได้
อาจทำให้ปัจจัยเสี่ยงตรงนี้ของคุณหมดไปได้ครับ
ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ความอ้วน การขาดการออกกำลังกาย และการดื่มสุราจัด
ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคสมองขาดเลือด
คุณอาจต้องการคำแนะนำจากแพทย์หากพยายามด้วยตนเองแล้วแก้ไขไม่สำเร็จ
ลองปรึกษาดูนะครับ
|