มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[คัดลอกจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2542]


บริจาคอวัยวะสมองตาย

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


เพื่อลดความสับสนที่เกิดจากกระแสข่าวลือต่างๆ นานามาในอดีต และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเชื่อมั่น ในเรื่องแนวทางปฏิบัติอันถูกต้องอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ของการบริจาคอวัยวะ จึงอยากนำท่านผู้อ่านทั้งหลาย มารู้จักกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย และการทำงานของศูนย์ฯ ว่าเป็นอย่างไร การนำอวัยวะไปปลูกถ่ายต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้ท่านผู้มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคอวัยวะ เพื่อเป็นการทำบุญทำกุศล ได้เข้าใจเรื่องการรับบริจาคอวัยวะที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องสมองตาย

จากนิตยสารสนองโอษฐ์สภากาชาดไทย ได้ชี้แจงไว้ชัดเจนว่า การบริจาคอวัยวะอันได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต ตับอ่อน ฯลฯ ไปปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วยที่อวัยวะเหล่านี้เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น การบริจาคอวัยวะกระทำได้ ทั้งขณะที่มีชีวิตและเสียชีวิตแล้ว อวัยวะที่บริจาคได้ขณะมีชีวิตคือ ไต ตับอ่อน ดวงตา กระดูก ลิ้นหัวใจ โดยที่ผู้บริจาคอวัยวะขณะมีชีวิต จะต้องเป็นญาติโดยสายเลือด หรือสามี ภรรยากับผู้รับอวัยวะเท่านั้น

การรับบริจาคอวัยวะเมื่อเสียชีวิตแล้วจะบริจาคเมื่อ ผู้แสดงจำนงเสียชีวิตจากภาวะสมองตายและต้องได้รับความยินยอม จากญาติในการบริจาคอวัยวะ หลังจากนั้นศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยจะจัดสรรอวัยวะที่ได้รับบริจาคให้กับสถาบัน ที่ทำการปลูกถ่ายอวัยวะทั่วประเทศ เมื่อทำการผ่าตัด นำอวัยวะไปใช้เพื่อการปลูกถ่ายแล้ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง แพทย์จะตกแต่งแผลเป็นเรียบร้อย หลังจากนั้นญาติ สามารถนำร่างไปบำเพ็ญกุศลได้ตามปกติ

การบริจาคร่างกาย คือ การบริจาคร่างกายหลังจากเสียชีวิต ให้กับโรงพยาบาลที่คณะแพทย์ศาสตร์ เพื่อนำไปให้นิสิต นักศึกษาแพทย์เรียน โดยร่างกายนั้นต้องมีอวัยวะครบถ้วน ในส่วนของรายละเอียดในการคัดเลือกผู้บริจาค และขั้นตอนการจัดเตรียมร่างกาย จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน

อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถแสดงความจำนงบริจาคทั้งอวัยวะ และร่างกายได้หากเสียชีวิตจากสมองตายก็สามารถนำอวัยวะไปใช้ได้ หากเสียชีวิตจากภาวะอื่นๆ ก็บริจาคร่างกายได้ แต่การบริจาคนั้น จะกระทำได้เพียงอย่างเดียว หากบริจาคอวัยวะไปแล้ว ร่างจะมอบแก่ญาติเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลจะไม่สามารถนำไปเรียนได้ เนื่องจากร่างกายที่เรียนต้องมีอวัยวะครบ

ส่วนเรื่องสมองตายนั้นขอทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า ความตายก็คือ การสิ้นสุดของชีวิต คนเราถ้าหัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ ก็คือตายแน่นอน เมื่อหัวใจหยุดเต้น ก็ไม่มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย จะหยุดทำงาน ถ้าเป็นทางศาสนาวิญญาณคงจะออกจากร่างกายนี้ ไม่หวนกลับสู่ร่างที่เน่าเปื่อย แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ยังมีการตายอีกชนิดหนึ่งที่หัวใจยังเต้นอยู่ เรียกว่า "สมองตาย" ในภาวะนี้สมองใหญ่และแกนสมองถูกทำลายโดยสิ้นเชิงและถาวร

ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. ซิ่งมอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็วสูง โดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อก แล้วโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุ ศีรษะโหม่งเสาไฟฟ้า เกิดเลือดออกในสมอง เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ทำการผ่าตัดเอาก้อนเลือดออก แต่ผู้ป่วยไม่ฟื้นเนื่องจากสมองถูกทำลายเสียหายมาก ต่อมาผู้ป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ไม่ว่าจะกระตุ้นด้วยวิธีใด แขนขาก็ไม่ไหวติง แพทย์ยังมีวิธีตรวจอีกหลายประการ เช่น การกระตุ้นอย่างแรงเพื่อให้เกิดการเจ็บปวดและตอบสนอง การส่องไฟดูปฏิกิริยาตอบสนองของรูม่านตา การตรวจการทำงานของแกนสมองหลายๆ วิธี หากไม่ปรากฏว่ามีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้นเลยแสดงว่า ทั้งสมองใหญ่และแกนสมองไม่ทำงานและถ้าหากลอง ปลดเครื่องช่วยหายใจออกแล้วรอนาน 10 นาที คนไข้ยังไม่สามารถหายใจเองได้ ภาวะรวมหมดเช่นนี้เรียกว่า ภาวะสมองตาย แม้หัวใจของนาย ก. จะยังเต้นอยู่โดยอัตโนมัติก็ตาม แต่นาย ก. ก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้เพราะสมองได้หยุดทำงานที่เรียกว่า ภาวะสมองตายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถทำให้ฟื้นคืนกลับมาได้อีก

ข้อมูลจากนิตยสารสนองโอษฐ์สภากาชาดไทย ยืนยันว่า ภาวะสมองตายนี้รู้จักกันมานานแล้ว ใน ค.ศ.1968 คณะกรรมการเฉพาะกิจของมมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประชุมตกลงตั้งเกณฑ์การวินิจฉัยสมองตายขึ้น ทั้งนี้มีจุดประสงค์สองประการ ประการแรก เมื่อคนไข้ตายแล้ว การรักษา (ที่แพง) ทั้งหลายควรจะสิ้นสุดลง (คือหยุดยา หยุดการให้น้ำเกลือหรือแม้กระทั่งปิดเครื่องช่วยหายใจ) และในประการที่สอง เพื่อเป็นทางเลือกให้ญาติผู้เสียชีวิต ตัดสินใจบริจาคอวัยวะของผู้ตายให้แพทย์นำเอาอวัยวะนั้นๆ ไปทำการปลูกถ่ายให้คนที่กำลังรอรับอวัยวะคนอื่นต่อไป

ในประเทศไทยแพทย์สภาได้ออกกฎแพทยสภา เรื่องเกณฑ์การวินิจฉัยสมองตายลงวันที่ 30 มิถุนายน 2532 และแก้ไขเพิ่มเติมวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2534 บัญญัติเกณฑ์การวินิจฉัยสมองตายไว้ชัดเจน และการเกิดภาวะดังกล่าวต้องทราบสาเหตุแน่นอน เช่น ได้รับอุบัติเหตุมีการบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง จมน้ำ เป็นต้น ไม่นับรวมพวกที่มีอาการคล้ายสมองตาย แต่เกิดจากการได้รับยา หรือสารพิษที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ยาที่มีผลต่อม่านตา (เช่น มอร์ฟีน) เป็นต้น และการตรวจวินิจฉัยสมองตายจะต้องตรวจโดยแพทย์อย่างน้อยสองคน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายอวัยวะ สองครั้งห่างกันอย่างน้อยหกชั่วโมง และให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซ็นชื่อรับรองอีกหนึ่งคนเรียกว่า ระมัดระวังเต็มที่ไม่ยอมให้ผิดพลาด ส่วนแพทย์จะผ่าตัด นำอวัยวะไปทำการปลูกถ่ายให้ผู้อื่นหรือไม่ เป็นคนละประเด็น ขึ้นกับว่าญาติของผู้เสียชีวิตจะยินดีเต็มใจบริจาคอวัยวะ ของผู้ตายให้หรือไม่

ท่านสามารถแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ที่ ศูนย์บริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย อาคารเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กท. 10330 หรือสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดทุกแห่ง สำหรับท่านที่ต้องการบริจาคร่างกายในส่วนกลาง ติดต่อได้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในส่วนภูมิภาคติดต่อได้ที่ โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ศูนย์รับบริจาคอวัยวะไม่ซื้อขายอวัยวะ

จากการแถลงข่าวเรื่อง การปลูกถ่ายและบริจาคอวัยวะ ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ณ ห้องประชุม ตึกอำนวยนรธรรม สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2542 ท่านผู้เกี่ยวข้องของสภากาชาดไทย ได้ร่วมแถลงข่าวดังนี้

เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย มีความเสียใจในข่าวที่เกิดขึ้น เพราะศูนย์ฯ ตระหนักถึงปัญหาความเจ็บป่วย และความจำเป็นในการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิตคนให้มีชีวิตใหม่ พร้อมคุณภาพที่ดี ให้สามารถอยู่ช่วยพัฒนาประเทศ "ความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดอาจทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด"

ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ศูนย์ฯ ได้สนับสนุนช่วยเหลือ ในส่วนกระบวนการบริจาคอวัยวะ ตั้งแต่เริ่มดูแลผู้ป่วยที่เสียชีวิต และญาติผู้บริจาคจนกระทั่งนำอวัยวะออก ทั้งนี้เพื่อให้อวัยวะ ไปส่งผู้ป่วยโดยเท่าเทียมกัน ตามเกณฑ์การจัดสรร ตามหลักวิชาการที่คณะอนุกรรมการวิชาการกำหนดไว้ โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะทำให้ผู้ป่วยหรือจนมีความเท่าเทียมกัน

"ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ไม่ต้องการเห็นการซื้อขายอวัยวะ เพราะเป็นเรื่องน่าสลดสังเวช อย่างหนึ่งในชีวิตคน"

นายแพทย์วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ กล่าวว่า ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ กล่าวว่า ศูนย์รับบริจาคอวัยวะของสภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศล มีหน้าที่ให้การช่วยเหลือ ในการเป็นศูนย์กลาง การดำเนินการรับและส่งมอบอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย ให้แก่ผู้ป่วยที่รอรับการรักษา มีนโยบายชัดเจน คือ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการบริจาคอวัยวะให้มากเพียงพอ ต่อการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศ จัดสรรอวัยวะอย่างเป็นกลาง และเสมอภาค ไม่ให้มีการซื้อขายอวัยวะ รวมทั้งจัดการนำอวัยวะต่างๆ มาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ศาสตราจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา กล่าวว่า การปลูกถ่ายอวัยวะมีขั้นตอนชัดเจน ใครก็ตามไปตัดอวัยวะ จากคนที่ยังไม่เสียชีวิต หรือคนที่แพทย์ยังไม่ได้ลงความเห็นว่า สมองตาย ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายฐานฆ่าคนตาย โดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน และสำหรับคนที่ได้รับบริจาคอวัยวะกับศูนย์ฯ นอกเหนือจากทายาทจะได้รับการดูแลแล้ว ยังได้รับเกียรติบัตร จากองค์ประธาน สภานายิกาสภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600