
โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
คงจะได้ยินบ่อย โดยเฉพาะจากผู้สูงอายุ แรกทีเดียวก็จะบ่นเรื่องปวดเรื่องเมื่อย ปวดแขน ปวดขา ปวดต้นคอ แล้วก็ปวดไปหมดทั้งตัว
พอบ่นได้สักพักเดียว ต่อมาก็จะเห็นท่านถือไม้เท้าเดินโขยกเขยก ถ้าหากว่าท่านเป็นคนใจอ่อนค่อนข้างท้อแท้ ในไม่ช้าท่านก็ไม่อยากเดินเอาเสียเลย ไปไหนมาไหนก็นั่งรถเข็น หรือไม่ไปไหนเอาเสียเลย เอาแต่นอนอย่างเดียว
โรคอย่างนี้ถ้าจะเรียกอย่างรวมๆ ก็คือ อาร์ไทรทีส (ARTHRITIS) ซึ่งตามศัพท์ก็แปลว่าการอักเสบของข้อต่อ หากจะดูคำอธิบายของคำจำกัดความว่า ARTHRITIS ก็คงจะหมายความว่า โรคปวดข้อเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากข้อต่อต่างๆ เกิดการอักเสบและบวม คำอธิบายนี้ยังระบุต่อไปถึงสาเหตุอีกว่าเนื่องมาจากระบบภูมิชีวิตหรือ IMMUNE SYSTEM บกพร่อง จึงเกิดมีการทำลายตัวเอง อันเนื่องมาจากภูมิชีวิตบกพร่องนี้
ต้องขออธิบายต่ออีกสักนิดนะครับว่า การทำลายตัวเองเช่นนี้คืออะไร อย่างเรื่องข้อต่อนี่เกิดการอักเสบ และบวมขึ้นมานั้น ครั้งแรกก็จะบวมและแดงตามธรรมดา รู้สึกเจ็บและปวดตามธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเคลื่อนไหว เกี่ยวกับส่วนข้อต่อนั้น
ต่อไปเมื่อไม่สามารถจะแก้อาการอักเสบและบวมได้ บริเวณที่ปวดบวมนั้น ก็จะเกิดอาการบิดเบี้ยวคดงอ
บางคนเป็นโรคข้ออักเสบที่มือ ตอนแรกก็บวมแดง มีอาการเจ็บปวดตามธรรมดา แต่อยู่ไปๆ ข้อตามนิ้วมือจะมีอาการบวมโตขึ้น และนิ้วแทบจะทุกนิ้ว จะมีอาการแข็งบิดเบี้ยวคดงอเปลี่ยนรูปร่างต่างๆ ไปจากเดิม เมื่อมาถึงขั้นนี้โรคข้ออักเสบนี้ ก็จะกลายเป็นการพิการตามอวัยวะต่างๆ นั้น คือ มือพิการ เข่าพิการ คอพิการ (หมุนไม่ได้) เหล่านี้ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ป่วยมากๆ จนเกิดการพิการนั้น ถ้าได้เอกซเรย์หรือผ่าตัดดู นอกจากจะเห็นบริเวณข้อต่อบวมแดงแล้ว ก็จะเห็นขอบหรือปลายของข้อต่อผุกร่อน แหว่งเว้า หรือบางทีปลายข้อต่อนั้น ก็จะมีปุ่มที่เรียกกันแบบชาวบ้านว่า กระดูกงอก (SPUR) เพิ่มขึ้นหลายปุ่ม หรือถ้าดูที่กระดูกอ่อนระหว่างข้อต่อ ก็จะเห็นแผ่นกระดูกอ่อนเป็นตะปุ่มตะปํ่า ไม่เรียบเหมือนอย่างเก่า และก็แหว่งเว้าเหมือนถูกหนูแทะด้วย
บางส่วนของกระดูกจะบาง และกระดูกจะมีลักษณะพรุน (POROSIS) ขึ้นด้วย
สาเหตุสำคัญของอาร์ไทรทีสนั้น ไม่มีใครทราบแน่นอน แต่ก็รู้กันอย่างหนึ่งว่า อาร์ไทรทีสนั้นไม่ได้เกิดมาจากการติดเชื้อ นั่นก็คือไม่ได้มีสาเหตุมาจากเชื้อโรคใดๆ
แต่เกิดมาจากการบกพร่องของระบบ IMMUNE SYSTEM การบกพร่องนี้จึงทำให้เกิดการทำลายตัวเองขึ้น ผมชอบเปรียบ เทียบง่ายๆ แบบชาวบ้านว่า ตัวเราก็คล้ายประเทศ เมื่อมีประเทศก็ต้องมีทหารตำรวจคอยป้องกัน และดูแลประเทศ ทหารตำรวจนั้น มีหน้าที่ปราบปรามศัตรูหรือโจรผู้ร้าย แต่มีบางครั้งที่ตำรวจหรือทหารไปเข้าใจผิดว่า พลเมืองดีนั้นแหละคือศัตรูหรือโจรผู้ร้าย จึงจัดการปราบปรามพวกเดียวกันเอง เนื่องมาจากความเข้าใจผิด
ลักษณะความเข้าใจผิด และทำลายกันเองเช่นนี้แหละคือ IMMUEN SYSTEM หรือภูมิชีวิตบกพร่อง
การรักษาอาร์ไทรทีส ส่วนมากมักจะไม่ใช่เป็นการแก้สาเหตุโดยตรง ผู้ที่เจ็บป่วยเมื่อไปขอรับการรักษาขั้นแรก ก็จะได้แต่ยาแก้อักเสบและยาแก้ปวด
อาการเจ็บปวดนั้นก็จะหายไปชั่วครั้งชั่วคราว สักพักหนึ่งก็จะกลับเป็นอีก และยาที่ได้รับก็จะเป็นยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบอย่างเก่า แพทย์บางท่านอาจจะให้ยาประเภทคลุมอาการคือ ประเภทสเตอรอยด์มาด้วย ซึ่งก็จะหายไปชั่วคราว แล้วอาการก็กลับมาใหม่
เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ ซากๆ จนกระทั่งเกิดอาการบิดเบี้ยว พิกลพิการขึ้นมาก็ต้องใช้การผ่าตัดเข้ามาช่วย
ในด้านของโรคอาร์ไทรทีสนี้ ได้แบ่งรายละเอียดออกไปหลายสาขา ซึ่งเราน่าจะรู้จักไว้บ้างคือ
รูมาตอยด์ การที่เกิดข้อบวม และภายหลังเกิดการบิดเบี้ยวพิกลพิการ ตามข้อนิ้วมือและเท้า กระดูกอ่อนตามข้อต่อจะถูกทำลาย ที่น่าสังเกตก็คือเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ANKYLOSING SPONDYLITIS มักจะเกิดที่บริเวณกระดูกสันหลัง ทำให้กระดูกสันหลังคดงอ
OSTEOARTHRITIS เกิดที่กระดูกข้อต่อทั่วๆ ไป กระดูกอ่อนจะเกิดการอักเสบก่อนเพื่อน
เกาต์ เกิดการบวม แดง ตามข้อโดยเฉพาะข้อนิ้วเท้า และข้อเท้า สาเหตุสำคัญจากอาหารที่มีกรดยูริกมากเกินไป และระบบขับถ่ายบกพร่อง ไม่สามารถขับถ่ายกรดยูริก ที่มากเกินไปให้ออกหมดได้
SLE โรคนี้เด็กหนุ่มๆ สาวๆ ของไทยเราเริ่มเป็นมากขึ้นทุกวัน นอกจากจะเกิดอาการบวมและอักเสบตามข้อแล้ว จะเกิดการผิดปรกติในการทำงานของไต ผิวหนัง ระบบประสาท ปอด และหัวใจด้วย
BURSITIS คืออาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ บางคนเป็นมากจนยกแขนไม่ขึ้นเลย ส่วนที่เป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งของไหล่คือ BURSA ซึ่งมีลักษณะเป็นถุง ทำหน้าที่หล่อลื่นข้อต่อ เมื่อถุงเบอร์ซานี้เกิดเป็นอาร์ไทรทีสขึ้นมา ก็ทำให้ไหล่ปวดอักเสบเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ ก็เจ็บเมื่อนั้น
BUNION มีลักษณะเหมือนตาปลา คือก้อนเนื้อแข็งเป็นไต บริเวณนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้า ลักษณะของ BUNION ทางของไทยเราหลายคนอาจไม่ยอมรับว่า เป็นเรื่องอาร์ไทรทีส แต่ในตำราว่าด้วยเรื่องไขข้ออักเสบ จะระบุว่าเกี่ยวข้องกับอาร์ไทรทีสโดยตรง
กระดูกงอกจากหมอนรองกระดูก อันนี้ก็รู้จักกันดี เพราะคนไทยเป็นกันเยอะ ที่เป็นมากๆ ถึงกับต้องไปผ่าตัดก็มีเยอะเหมือนกัน
ข้อต่อต่างๆ เกิดเคล็ด-แพลง คงจะแปลกใจนะครับ ว่าข้อเคล็ดแพลงนี่เกี่ยวข้องอย่างไร กับโรคอาร์ไทรทีส เกี่ยวข้องแน่ๆ ครับ เพราะผมเคยพบเพื่อนๆ หลายคน ซึ่งข้อเท้าแพลงและเคล็ดบ่อยๆ ครั้งแรกก็เข้าใจว่า เป็นอุบัติเหตุหรือความประมาท เดินไม่ระวังไม่ดูไม่แล เลยตกหลุม ตกท่อ เท้าแพลง
แต่คราวหลังเพื่อนเหล่านั้นก็เท้าแพลง เท้าเคล็ดอีกหลายครั้ง เมื่อลองสังเกตดูแล้ว จะเห็นว่าไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ๆ เท้าและข้อเท้าของเพื่อนเหล่านี้ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะข้อเท้าเล็ก กล้ามเนื้อบริเวณข้อเท้าบางและแฟบ ไม่มีแรงบังคับข้อต่อให้อยู่ในสภาพปรกติ เมื่อเดินๆ ไป ถ้าเผลอนิดเดียว ข้อเท้าพลิกได้ง่ายๆ
เพราะถ้าเคล็ดและแพลงง่ายๆ และบ่อยๆ ให้ดูสำรวจโดยละเอียดว่าเกี่ยวกับอาร์ไทรทีสหรือเปล่า
อาร์ไทรทีสจากสารพิษ ข้อนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ครับ สมัยก่อนเราไม่มีอาการข้อบวม ข้ออักเสบ อันเนื่องมาจากสารพิษ จะมีก็ข้อสังเกตนิดเดียวว่า สมัยก่อนคนที่ทำงานเหมืองถ่านหิน มักจะเป็นโรคปอด และ คนเป็นโรคปอด มักจะมีอาการเจ็บปวดตามกล้าม และข้อต่อด้วย มีเท่านั้นเอง
แต่สมัยนี้เรามีโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย มีทั้งอุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมไฟฟ้า โรงงานเหล่านี้ มีสารพิษจากโลหะหนักโลหะเบามากมาย คนงานที่ทำงานในโรงงาน หรือผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง ต้องรับสารพิษไว้ในตัว
และอาการที่สังเกตได้ก่อนก็คือ การปวดเนื้อ ปวดตัว ปวดกระดูก และอาการต่อมาก็เกิดการเจ็บป่วย พิการจนเสียชีวิต
เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่า สารพิษทำให้เกิดอาการเบื้องต้น คืออาร์ไทรทีสได้ แต่อาการอย่างนี้ไม่ดีเลย เพราะจะต้องเป็นหนักต่อไปถึงตายได้
ต้องขออภัยครับที่จบตอนนี้ไม่ได้ เพราะผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงวิธีแก้ และรักษาโดยวิธีเพิ่ม IMMUNE SYSTEM ซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติ นอกเหนือไปจากวิธีธรรมดาทั่วๆ ไปแล้ว
ขอความกรุณาอดใจรอคราวหน้าครับ
สาทิส อินทรกำแหง
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|