
โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมขึ้นต้นว่า "เกิดมาเป็นมนุษย์จะต้องเจอกับโรคห รืออาการที่หนีไม่พ้นก็คือ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดขา"
และก็ได้อธิบายไว้แล้วว่า ที่มันเป็นโรคประจำตัวมนุษย์ ก็เพราะเราอุตริอยากเดินสองขา เดิมทีนั้นสัตว์ทุกชนิดขึ้นมาจากนํ้า ต่อมาอยู่ในสภาพของสัตว์เลื้อยคลาน ต่อมาคลานสี่ขา พอเริ่มเป็นลิง (APE) ก็หัดเดินสองขา จนกระทั่งกลายเป็นมนุษย์ลมกรด (บางคน) อย่างในเวลานี้
การเดินสองขาตัวตั้งตรงของมนุษย์นั้น ผิดธรรมชาติหลายประการ โทษของการฝืนธรรมชาติก็คือ โรคปวดหลัง ปวดเอว ปวดขา อย่างที่เป็นกันอยู่ขณะนี้มากมาย (กรุณาย้อนไปอ่านรายละเอียดฉบับที่แล้ว)
ตอนนี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากแฟนประจำแล้วครับ ถามว่า "ก็แล้วพวกลิงพวกชะนีน่ะ มันปวดหลังปวดเอวบ้างหรือเปล่าล่ะ"
เขียนหนังสือในไทยรัฐนี่ดีอย่างหนึ่งครับ แฟนประจำเยอะ และก็ติดต่อกันได้รวดเร็วด้วย
ตอบได้ทันทีเลยครับว่า ไม่ปวด เพราะอะไรหรือครับ
1. ลิงหรือชะนีนั้นมันไม่ได้เดินสองขาตลอดเวลา
2. ลิง ชะนี แขนยาว ขายาวกว่าคน นอกไปจากนั้น กระดูกเชิงกรานของลิงเปิดออกด้านข้าง เวลาเดินจะเดินโคลงเคลง เอียงซ้าย เอียงขวา จะเดินหรือวิ่งตัวตรงอย่างคนไม่ได้ เวลาลิงหรือชะนีวิ่ง มันมักจะวิ่งสี่ขา หรือมิฉะนั้นก็จะใช้มือสองมือแตะพื้น พยุงตัวอยู่ตลอดเวลา
3. ลิง ชะนี ชอบห้อยโหนโยนตัวตลอดเวลา การห้อยโหนโยนตัวนี้ ทำให้ไม่เป็นโรคปวดหลังปวดเอว
นั่นแน่! ชักแย้มๆ กลเม็ดออกมาแล้วซินะครับ โดยเฉพาะข้อที่ 3 นี้ สำคัญมาก ผมกำลังโยงมาถึงข้อ 3 นี้ เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า การห้อยโหนโยนตัวตลอดเวลาของลิง ชะนี นั้นเป็นการบริหาร และออกกำลังที่ดี ที่จะช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดเอวได้
ครับ โรคปวดหลัง ปวดเอว ปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อนั้น การบริหาร และออกกำลังกายจะช่วยได้ และในบางกรณีช่วยได้ จนกระทั่งหายขาดก็มี
ท่านที่เป็นโรคเกี่ยวแก่กระดูกและกล้ามเนื้อ คงจะเคยไปรับการรักษาแบบกายภาพบำบัดในโรงพยาบาล หรือคลินิกมาแล้ว กายภาพบำบัดก็คือ การบริหารร่างกายแบบหนึ่งนั่นเอง แต่เป็นการบริหารโดยใช้อุปกรณ์และเครื่องมือช่วย
คุณไม่ต้องไปรับบริการแบบกายภาพบำบัดด้วยเครื่องมือก็ได้ ใช้การบริหารท่ามือเปล่าของคุณก็ได้
ถ้าคุณไม่รู้จักท่าบริหารแบบต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร คุณจะใช้แบบของชีวจิตดูบ้างก็ได้ เรามีทั้งท่ามือเปล่า และการใช้เครื่องมือช่วยด้วยเหมือนกัน แต่ราคาถูกแสนถูก คือใช้ตะบองทำด้วยท่อพีวีซี มาเป็นอุปกรณ์ประกอบ
ท่าดัดตนและบริการด้วยตะบองของเราดัดแปลงมาจากท่าโยคะ ท่าจากหลักการแพทย์เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง (OSTEOPATHY) รวมทั้งท่าการใช้พลังดึงและดันในตัวเราเองสู้กัน (ISOMETRIC) เราใช้ทั้งท่ามือเปล่า และท่ารำตะบอง
ท่าแบบ ISOMETRIC ซึ่งเป็นท่ายืมพลังดึง และดันในตัวเรามาสู้กันนั้น ถ้าดูจากข้างนอกจะรู้สึกว่าเป็นท่าเบาๆ ไม่ต้องออก แรงอะไรนัก แต่ทำเข้าจริงๆ แล้วจะรู้สึกว่าต้องออกแรงมาก ถ้าทำนานๆ ก็ถึงเหนื่อย
การใช้ท่าดึงและดันเรานั้นออกจะอธิบายได้ยาก ถ้าหากว่าไม่ได้เห็นของจริง ผมอยากจะยกตัวอย่างท่าพื้นฐานให้ดูสักท่าหนึ่ง
คุณลองยืนหันหน้าเข้าฝา ห่างจากฝาประมาณ 2 ฟุตครึ่ง เท้าทั้งสองแนบติดกับพื้น ห้ามเขย่งหรือยกส้นเท้า ทิ้งตัวเหมือนกับจะล้มเข้าหาฝา พอจวนจะล้มก็เอามือสองข้างดันฝาไว้ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เอามือดันฝาเต็มที่ให้รู้สึกเหมือนจะให้ตัวคุณล้มออกจากฝา แต่เท้าทั้งสองของคุณต้องเหยียบพื้นไว้ให้แน่น
ตอนนี้คุณจะรู้สึกว่ามีแรงสองแรงออกมาต้านกัน จนคุณขยับตัวไม่ได้ แต่จะรู้สึกตึงที่น่อง บางคนถึงกับปวดน่องปวดเข่า
นี่คือแรง 2 แรงต้านกันเองแบบ ISOMETRIC
เรามีท่าเบสิกแบบ ISOMETRIC นี้หลายท่า ส่วนท่าตะบองนั้น เราจะใช้ตะบองเป็นตัวนำในการออกกำลังกาย และบริหารร่างกาย เราใช้ตะบองช่วยในการบริหารกระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว มีท่าดึงหลังดึงหน้า ท่าบิด 180 องศา และ 360 องศา ท่าเตะ ท่าเอี้ยวตัว และท่าเหวี่ยง
ท่าต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดตัว และกระดูกสันหลังแต่ละข้อ เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว และตั้งได้ส่วนซึ่งกันและกัน (ALIGNMENT)
เราทราบกันอยู่แล้วว่า กระดูกสันหลังนอกจากจะเป็นเสาหลักของร่างกายแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่สุดของสมองในไขกระดูกสันหลัง จะมีเส้นประสาทใหญ่ต่อจากสมอง และบังคับส่วนต่างๆ ของร่างกายเกือบจะทั่วทุกส่วน
การแพทย์แขนงหนึ่งเกี่ยวกับการจัดกระดูกสันหลัง (CHIROPRACTICE) จะยึดหลักการที่ว่า ถ้ากระดูกสันหลังของคุณดี คือเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ตั้งต่อกันเป็นเส้นตรง และไขสันหลัง หรือระบบประสาทดี คุณก็จะไม่ป่วย
ท่ารำตะบองของเรามีท่าเบสิกนับเป็นสิบๆ ท่า ที่จะช่วยในเรื่องกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ
ซึ่งก็อีกนั่นแหละครับ บอกกันด้วยตัวหนังสือคงจะทำกันยาก แต่ถ้าใครสนใจก็ขอชักชวนว่า คุณแวะไปที่สวนจตุจักร สวนลุมพินี หมู่บ้านปัญญา พุทธมณฑล และที่หน้าตึก 6 สถานพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นี้คุณก็จะเรียนเรื่องการบริหารและการรำตะบองได้
ลองมองหาดูกลุ่มที่ถือตะบองทำด้วยท่อพีวีซี สีนํ้าเงินนะครับ กลุ่มนั้นแหละใช่เลย คุณเข้าไปบอกกับเขาว่า ขอมารำตะบองด้วย ทุกคนจะต้อนรับคุณด้วยความยินดี และจะเต็มใจสอนให้คุณด้วย
ลองไปดูนะครับ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรเลยทั้งสิ้น เรารำตะบองกันทุกอาทิตย์เวลาเช้าหกโมง ส่วนที่พุทธมณฑลนั้นจะมีเฉพาะเช้าวันเสาร์ทุกเช้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่ได้ไปหัดรำตะบองนี้ มีการนวดจุด และการนวดผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดของคุณได้ และคุณสามารถจะนวดด้วยตนเองได้
จุดแรกคือ จุดกลางคิ้ว เหนือกระบอกตาด้านบน ลองใช้นิ้วคลำดูเบาๆจะพบตรงกลางกระบอกตาด้านบนนั้น เป็นร่องเล็กๆ ประมาณหนึ่งกระเบียด ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือ (ต้องตัดเล็บให้สั้น) กดร่องกลางคิ้วทั้งสองข้างประมาณ 10 วินาที หรือจะใช้วิธีกดแรงๆ แล้วนับหนึ่งถึงสิบ แล้วก็ปล่อย นับหนึ่งถึงสิบ ทำอย่างนั้นสลับกันประมาณ 5-6 ครั้ง
กดจุดแบบนี้จะทำให้คุณหายปวดแถวหน้าผาก ท้ายทอย และต้นคอ
และถ้าว่างๆ อีกเหมือนกัน ตอนกลางคืนก่อนจะนอน และตอนเช้าตื่นนอนแล้ว ขอให้คุณลองนวดฝ่าเท้าของคุณเอง ครั้งละประมาณ 15 นาที
วิธีนวดให้ใช้หัวแม่มือสองข้างนวดฝ่าเท้า เริ่มต้นจากนิ้วเท้าทุกนิ้ว บีบแรงๆ ตั้งแต่ปลายนิ้วถึงโคนนิ้ว ต่อจากนั้นให้นวดเนินใต้นิ้วเท้าทุกเนิน ต่อจากเนินก็ถึงกลางฝ่าเท้า ตรงนี้ให้นวดซํ้าๆ นานหน่อย เพราะกลางฝ่าเท้ามีจุดหลายจุด ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่จะกระตุ้นไปทั่วร่างกายได้
ต่อมาถึงโคนเท้าและส้นเท้า เมื่อนวดหมดแล้ว ให้นวดต่อที่ตาตุ่มและบริเวณรอบๆ ทั้งด้านนอกด้านใน นวดอย่างนี้ได้ทุกคืนก่อนนอน และให้ลองสังเกตดูว่า คุณจะนอนหลับสบายทั้งคืนด้วย
เฉพาะการบริหาร และการออกกำลังกาย ด้วยการรำตะบอง และการนวดจุดและนวดฝ่าเท้านี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร และออกกำลังกายทั้งหมดเท่านั้น ผมอยากจะให้คุณลองบริหารและออกกำลังแบบนี้ แล้วลองสังเกตดูว่า อาการปวดของคุณดีขึ้นหรือเปล่า
ต้องขอแถมเรื่องเท้าอีกนิดหนึ่งนะครับ ฉบับที่ผมเขียนล่วงหน้าไว้เรื่องรองเท้าส้นสูงตกตึก ผมเขียนเสร็จรุ่งขึ้นอีก 2 วัน ก็มีข่าวว่า เด็กผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงเกิดอุบัติเหตุถึงตายไปหลายคน
ไม่ใช่ซํ้าเติมหรอกนะครับ แต่อยากจะเตือนด้วยความรักและเป็นห่วงว่า อย่าได้หลงละเมอทำอะไรไปตามแฟชั่นบ้าๆ บอๆ เป็นอันขาด อยากใส่ส้นสูงก็เอาแต่พอดีๆ แล้วก็มองดูตัวเองในกระจกว่าคุณดูดีหรือเปล่า กับการแต่งกายแบบนั้น ถ้าดูดีก็แต่งไปเถอะ แต่อย่าให้มันเลยเถิด จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุจนถึงตายตามข่าวอย่างนั้น
ฉบับหน้าคงจะได้คุยต่อ (แบบเบาๆ นะครับ) ถึงเรื่องวิธีแก้ วิธีใช้วิตามิน และการบำบัดอย่างง่ายๆ เพื่อแก้อาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดขาต่อไป.
สาทิส อินทรกำแหง
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|