
โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
ขอเขียนต่อรายการเรื่องบริหารและออกกำลัง โดยเอาท่าของลิงและชะนีมาใช้ ต่อจากฉบับที่แล้ว ด่วน ครับ
ที่ต้องการด่วนก็เพราะถูกถามอีกแหละ ว่านี่เป็นการลอกเลียนนิยายกำลังภายในหรือเปล่า โดยเฉพาะที่ว่าท่ามวยจีน ซึ่งมีท่าพื้นฐานลอกมาจากท่าทางต่างๆ ของสัตว์ เช่น แมว เสือ กระต่าย กระรอก เป็นต้น
ผมเคยศึกษาเรื่องมวยจีน รำกระบี่ กระบอง และไทเก็ก ที่เมืองจีน เมื่อศึกษาจนเข้าใจหลักการ ของความรู้โบราณของจีนจริงๆ แล้ว ผมรู้สึกรักและนับถือครูบาอาจารย์ และความรู้เก่าๆ เช่นนี้ จนบอกได้ว่า เลื่อมใสครูบาอาจารย�์เหล่านี้จริงๆ
แต่ต้องขอเรียนตามตรงว่า อาจารย์เหล่านี้ไม่ใช่อาจารย์ตามแบบ ที่อ้างตัวว่าเป็นปรมาจารย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในรายการโทรทัศน์หลายรายการ ขณะนี้ เมื่อสมัยที่ผมทำงาน อยู่ที่โรงพยาบาลแบบผสมผสานของจีน ที่เมืองเซียวเหมินเกือบสองปี ตั้งแต่ตีห้าจะพบอาจารย์สองท่านเ ดินเล่นอยู่ที่สนามหน้ามหาวิทยาลัย
อาจารย์เหล่านี้จะออกมาที่สนามทุกวัน ท่านมาเดินเล่น บริหารร่างกายและออกกำลัง ตามแบบเก่าๆ ของจีน ใครเข้าไปถามความรู้และท่าทางต่างๆ ตามแบบวิชาเก่าๆ ท่านก็จะสอนให้ด้วยความเมตตา จะรู้สึกดีอกดีใจที่มีคนสนใจมาถามมาเรียน ท่านไม่เคยคิดเงินคิดทอง (ทั้งๆ ที่ครูบาอาจารย์ของจีนในสมัยนั้น ยากจนเสียยิ่งกว่า พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวแผงลอยด้วยซ้ำ) จะเอาของฝากผลไม้ ขนม นมเนยอะไรมาให้ไม่เอาทั้งนั้น
และเมื่อสอบถามถึงหลักวิชาต้นตอ ท่านก็จะเชิญไปที่บ้าน ค้นตำราเปิดให้ดู อธิบายเหตุผลทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง
ผมได้ความรู้จากครูต่างๆ เหล่านี้มากมาย ได้รู้ว่าความเป็นผู้ดีของคนเรานั้น ไม่ได้อยู่ที่เงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์ แต่อยู่ที่น้ำใจ ความซื่อสัตย์ และความเมตตากรุณา และที่สำคัญที่สุด ก็คือได้รู้จักว่าครูที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ผมเคารพครูเหล่านี้ และหลักการบางอย่างของการปฏิบัติการบริหาร และการออกกำลังแบบจีนนี้ ก็ได้นำมาผสมผสานกับวิธีบริหาร และออกกำลังแบบชีวจิต แต่ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ แบบของครูจีนที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่แบบที่แอบอ้าง ว่าเป็นของจากตำรับตำราจากครูเขาสูง หรือแหล่งที่ฟังดูขลังๆ แบบที่พูดกันในทีวีขณะนี้
นอกไปจากนั้น เราก็ยังได้นำหลักการในด้านสรีรวิทยา (ANATOMY และ PHYSIOLOGY) มารวมกัน เราได้นำหลักของการยึดถือว่า กระดูกสันหลังเป็นต้นตอของความแข็งแรง หรือเป็นต้นตอของการเจ็บไข้ได้ป่วย (OSTEOPATHY) มาใช้ด้วย
และแน่นอนล่ะหลักการ และท่าทางบางอย่างของโยคะ เราก็นำมาใช้ด้วยเช่นกัน
ท่าทางของการบริหาร ออกกำลังกาย และนวดกดจุดของเรา จึงเป็นท่าแบบผสมผสาน ซึ่งได้ทดลองและทดสอบมาแล้วว่าจะเข้ากันได้ และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารร่างกาย อย่างแท้จริง อย่างเช่นที่พูดถึง ISOMETRIC ในฉบับที่แล้ว
ความสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เราได้พยายามให้การปฏิบัติทุกด้านของชีวจิตนั้น เหมาะสมกับแนวทางการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ของสังคมสมัยใหม่ด้วย
เหตุผลสำคัญซึ่งคนสมัยใหม่ ชอบอ้างนักหนาก็คือ ไม่มีเวลาพอสำหรับปฏิบัติชีวิตประจำวัน ให้ถูกต้องและสมดุลกัน
ซึ่งในบางกรณีก็เป็นความจริงอย่างเช่น การบริหารและออกกำลังกายแบบโยคะ ซึ่งเป็นแบบที่ดีมากๆ หรือรำมวยไทเก็ก ออกกำลังใช้ลมปราณแบบชีกง ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ดีมากๆ เช่นกันนั้น เรามักจะมีเวลาให้ไม่พอ การบริหารร่างกายและจิตใจแบบต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ถ้าจะให้ถูกต้องและครบถ้วน จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง และเวลาที่เหมาะที่สุดก็ต้องเป็นตอนเช้า
คนสมัยใหม่ในสังคมใหม่เช่นนี้ทำไม่ได้ ถึงแบ่งเวลาให้ได้ก็ไม่มีความพยายามที่มั่นคง พอที่จะปฏิบัติได้ตามเวลาที่เหมาะสมเช่นนั้น
เราจึงได้พยายามรวบรวมท่าทางและหลักการต่างๆ จากพื้นฐานหลายแขนงมารวมกัน ให้เหมาะสมกับเวลาที่ทุกคนจะเจียดให้ได้ และให้มีความสะดวกพอที่จะรวมเข้าไว้ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
และข้อสำคัญเราใช้เครื่องไม้เครื่องมือราคาถูก อย่างเช่น กระบองที่เราเอามาใช้รำประกอบนั้น ใช้ท่อพีวีซี ราคาไม่ถึง 30 บาท และยังสะดวกที่จะนำไปใช้ ที่ไหนต่อไหนได้อย่างสบาย หรือถ้าจะไม่ต้องเสียเงินเลย อาจจะไปหาท่อนไม้ไผ่ เล็กๆ ข้างบ้านที่ไหนมาใช้ก็ได้
ถ้าหากคุณสนใจการบริหารแบบชีวจิต หรือแม้แต่เพียงอยากจะลองทำดู เราก็มาเริ่มเรื่องการหัดท่าทางบริหาร ของชีวจิตได้เลย
ทีนี้ก็มาถึงปัญหาด่วน ซึ่งต่อเนื่องมาจากอาทิตย์ที่แล้ว ที่ผมขึ้นไว้ตอนต้นของบทความชิ้นนี้
เรื่องด่วนก็คือได้ปรึกษากับกรรมการ และเพื่อนชีวจิตดู หลายคนทักท้วงกันเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณจะฝึกหรือสอนท่าบริหารต่างๆ ทางโทรศัพท์ ทางไปรษณีย์ หรือทาง นสพ. นั้นไม่ได้หรอก เพราะผู้ฝึกจะต้องรู้จักจุดต่างๆ ที่จะต้องบริหารด้วยการดูจากของจริง รับรองว่าเพียงแต่ฟัง หรืออ่านดูเท่านั้น ทำไม่ได้แน่นอน
ผมก็รู้สึกว่าท่าจะจริงแฮะ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะลองทำ หรือฝึกกันอย่างจริงๆ จังๆ คุณก็ควรจะมาดูตัวอย่างดู ที่ผมบอกให้ท่านที่สนใจไปลองฝึกดู ที่สวนจตุจักร สวนลุมพีนี หมู่บ้านปัญญา พุทธมณฑล และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขนั้น พวกเพื่อนๆ และคณะกรรมการเขาบอกว่า ยังไม่พอ ผู้ที่สนใจควรจะมีโอกาสได้ เรียนรู้ถึงความรู้มูลฐาน ของการบริหารและปฏิบัติตัวด้วย ผมก็เห็นด้วย
เราจึงตกลงกันว่า เราจะมีการสอนท่าบริหารต่างๆ รวมทั้งให้ความรู้พื้นฐานด้วย และก็เลยตกลงกันต่อไปว่า เราจะไม่สอนแต่เรื่องบริหารร่างกายอย่างเดียว แต่จะสอนเรื่องกิจกรรมอื่นๆ ด้วย เช่น การทำอาหาร หลักการเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การนวดกดจุด การฝึกการหย่อนคลาย (RELAXATION) และสมาธิ เหล่านี้เป็นต้น
การสอนและฝึกกิจกรรมเหล่านี้ เราจะสอนให้โดยผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ต้องเสียเงินเสียทองแต่อย่างใดเลย สิ่งที่เราต้องการจากท่านมีเพียงอย่างเดียว คือความตั้งใจจริง และความรักที่จะได้ช่วยผู้อื่นต่อไปอีกเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถเปิดคอร์ส ให้สำหรับบุคคลทั่วไป แต่จะเปิดให้สำหรับผู้สนใจจริงๆ เท่านั้น ก็ต้องมีการคัดเลือกกันหน่อยนั่นแหละครับ
ต้องขอให้ท่านลงทุนลงแรง เขียนจดหมายถึงเราหน่อยนะครับ ท่านที่สนใจจริงๆ โปรดส่งจดหมายของท่านมาที่
มูลนิธิชีวจิต
36/31 หมู่ 13 ซอยยนต์ย้อย
โชคชัย 4 ลาดพร้าว
กทม. 10230 (อ่านจาก นสพ.ไทยรัฐ)
และสำหรับเรื่องการแก้ปวดหลัง ปวดเอว ปวดขา ให้ครบชุดนั้น ต้องขอต่ออีกตอน ด้วยเรื่อง อาหาร และวิตามิน-แร่ธาตุ (ซึ่งก็เป็นเรื่องของอาหารอีกเช่นกัน) คราวหน้าครับ.
สาทิส อินทรกำแหง
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|