มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ เริ่ม อาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2541 ]

ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต

chivajit alternative medicine

โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง


78 ประจำเดือนหมด? (3)

"อยากฆ่าตัวตาย คุณว่าฉันบ้าไหม"

ผู้พูดนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ แพทย์สองคนกำลังปรึกษากันถึงอาการของเธอ ผมยืนอยู่ใกล้ๆ แพทย์สองคนนั้น

คงจะสงสัยใช่ไหมครับว่า ผมไม่ใช่หมอ แต่เข้าไปยุ่งกับคนไข้ทำไม

ขอตอบสั้นๆ ครับว่า หนึ่งผมรู้จักกับคนไข้ สองขณะนี้มีกลุ่มแพทย์หลายกลุ่มที่สนใจด้านการแพทย์ทางเลือก และผมเป็นผู้หนึ่งซึ่งกลุ่มแพทย์เหล่านั้นเห็นว่า น่าจะให้คำปรึกษาในด้านทางเลือกทางใดได้

และแน่นอน คำแนะนำหรือคำปรึกษาที่ผมจะให้นั้น จะต้องไม่ขัดกับหลักการแพทย์ปัจจุบัน

คนไข้ผู้นี้อายุ 48 ปี กำลังอยู่ในวัยจะหมดประจำเดือน ขณะนี้ประจำเดือนไม่ปรกติ อยู่ในสภาพที่สมัยคุณป้า คุณน้าของเราเรียกว่า "เลือดจะไป ลมจะมา"

คนไข้มารักษาที่คลินิกแห่งนี้ เกือบสองเดือนแล้ว แพทย์ผู้รักษาได้ให้ฮอร์โมน 2 ตัวดังที่ผมเขียนไว้ในตอนที่หนึ่ง (ฉบับวันอาทิตย์ 13 ก.พ.)

อาการทั่วไปร่างกายดีขึ้น ประจำเดือนเริ่มมาเป็นปรกติ อาการหน้าร้อนผ่าว ในสั่นน้อยกว่าเดิม แต่อาการปวดท้อง ปวดหลังยังมีอยู่เกือบจะเหมือนเดิม

ที่ร้ายที่สุดก็คือ อาการทางจิตมีมากขึ้นอย่างน่ากลัว คนไข้เป็นคนที่เครียดง่ายและเจ้าอารมณ์อยู่แล้ว พอถึงวัยทองหรือใกล้จะวัยทอง เธอก็มีอาการจิตชนิดที่ไม่สามารถจะควบคุมได้

นั่นคืออาการซึมเศร้า และรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมดทุกอย่าง เธอบอกว่าตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากลุกจากเตียง ไม่อยากจะกระดุกกระดิก เพราะรู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งตัว

เมื่อลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่อยากจะทำก็คือ อยากร้องไห้ให้หนำใจ ทำไมถึงอยากร้อง และอยากตาย

แพทย์ที่คลินิกสองท่านรู้สึกว่าคงจะไม่ใช่อาการของ MENOPAUSE ธรรมดาๆ เสียแล้ว ข้อสำคัญก็คือคนไข้บอกกับหมอว่า เธอรู้สึกไม่ถูกกับฮอร์โมนที่หมอให้กิน เธอถามว่า ถ้าไม่กินจะได้ไหม

เราจึงปรึกษากันว่า จะมีวิธีอื่นให้เธอลองเลือกดูบ้างหรือเปล่า ก่อนอื่นผมให้ความเห็นว่า คงจะไม่ใช่อาการของ MENOPAUSE แต่เพียงอย่างเดียว ผมคิดว่า เธอมีอาการของ HYPOGLYCEMIA หรือ CFS. หรืออาการของน้ำตาลในเลือดต่ำด้วย

อาการทางจิตของเธอขณะนั้นก็คือ ชอบพูดกับตัวเองเหมือนคนเป็นโรคประสาท เมื่อหันมาพูดกับผมเธอก็บ่นดังๆ ว่า อยากฆ่าตัวตาย ในขณะเดียวกันเธอก็บ่นว่าหนาวเหลือเกิน หนาวจนตัวสั่น เธอถามว่า จะปิดแอร์ในห้องคนไข้ได้ไหม

ผมให้ความเห็นว่า ควรจะแก้อาการ HYPOGLYCEMIA ก่อน ด้วยการให้อาหาร น้ำอุ่นๆ และถ้าเป็นไปได้ ถ้าให้น้ำ R.C. ได้จะดีที่สุด ต่อจากนั้นควรให้น้ำเกลือและกลูโคสพร้อมๆ กัน

แพทย์สองคนปรึกษากันแล้วเห็นด้วย แต่คนหนึ่งบอกว่าให้ยาระงับประสาทด้วยท่าจะดี เราปรึกษากันครูหนึ่งเห็นว่า ในยาระงับประสาทแล้วอาจจะเห็นว่าคนไข้มีอาการ CALMDOWN แต่ลงในด้านสมองคนไข้จะรู้สึกเซื่องซึมเหมือนคนเมายามากกว่า เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้วคนไข้กลับมีอาการซึมเศร้ามากขึ้น และจะมีอาการแบบประสาทหลอนได้ด้วยซ้ำ

ตกลงเราจะให้ยาแก้ปวดธรรมดา เพราะคนไข้มีอาการปวดตามเนื้อตามตัวอยู่แล้ว ยาแก้ปวดนั้นใช้ยากลุ่ม IBUPROFEN จะเหมาะที่สุด เพราะนอกจากจะแก้ปวดแล้ว คนไข้จะรู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย หลังจากนั้นจึงจะให้น้ำเกลือและกลูโคส

ก่อนจะให้น้ำเกลือ ผมขอเวลาอยู่กับคนไข้สักครึ่งชั่วโมง เพื่อฝึกวิธีผ่อนคลาย (RELAXTION) และสมาธิ

หลังจากคนไข้กินยาประมาณ 10 นาที ก็รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว และผ่อนคลาย เราเริ่มคุยกันรู้เรื่อง ผมจึงหัดวิธีคลายเกร็งให้ (การคลายเกร็งได้อธิบายไว้ในไทยรัฐตอนพูดถึง HYPOGLYCEMIA แล้ว)

เราเริ่มคลายเกร็งจากมือและแขนสองข้าง แล้วต่อไปที่ขาสองข้าง ต่อไปที่ต้นคอ ต่อไปที่ท้องแล้วหัดหายใจใช้ช่องท้อง

แล้วจึงหัดให้เธอหลับตาใช้สมาธิด้วยวิธีเพ่งที่ตาที่สาม

ชั่วเวลาไม่ถึง 15 นาทีดี เธอก็ผ่อนคลายได้หายใจได้คล่อง ไม่มีอาการเกร็งเหลืออยู่ และเธอหลับได้สบายหลังจากสมาธิเพ่งตาที่สาม

ต่อจากนั้นทางคลินิกได้ให้น้ำเกลือและกลูโคสและขั้นต่อไปก็คือการให้วิตามิน และอาหารตามสูตร

ที่ต้องพูดถึงอาหารตามสูตร ก็เพราะอาการพื้นฐานของคนไข้นั้นเกิดจาก HYPOGLYCEMIA

อาการของ HYPOGLYCEMIA นั้นเกิดจากการกินอาหารผิดสูตร และกินอาหารไม่เป็นเวลาแก้ไม่ยากเย็น ทางคลินิกได้จัดสูตรอาหารใหม่ให้คนไข้ และได้ย้ำถึงวิธีกินอาหาร ระยะเวลาของการกินอาหาร ว่าเป็นส่วนสำคัญของการใช้อาหารให้เป็นยาด้วย

ต่อจากนั้นก็ถึงส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการรักษา อาการของ MENOPAUSE กับ HYPOGLYCEMIA นั่นก็คือ เมื่อคนไข้ปฏิเสธฮอร์โมนแล้วจะมีทางเลือกอย่างอื่นหรือไม่

ผมได้เสนอทางเลือกทางหนึ่งของนายแพทย์วอลเตอร์ แคนนอน และเจย์ แอล มาร์ค โดยใช้วิตามินจากอาหาร และวิตามินชนิดยาฉีดเป็นตัวหลัก

และยังมีแพทย์หญิงบาร์บารา ซีแมน ได้เสริมไว้ในรายงานของเธอ "WOMEN AND THE CRISIS IN SEX HORMONES" ว่า ควรจะเพิ่มแอมมิโนแอซิด จากโปรตีนและจากแร่ธาตุต่างๆ ด้วย

ตกลงเราก็ได้สูตรวิตามิน คือ วิตามิน C 1000 ม.ก. วิตามิน E 800 I.U. วิตามิน B6 100 ม.ก. B12 1000 ไมโครแกรม โฟลิค แอซิด 400 ไมโครแกรม และแพนโทเทนิค แอซิด 100 ม.ก.

นอกจากนี้ ยังมีแอมมิโน แอซิด คือ ทริพโตแฟน เม็ดละ 500 ม.ก. เช้าเย็นอีกด้วย

สำหรับแร่ธาตุนั้นควรจะใช้ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี เพิ่มอย่างละ 1 เม็ดทุกวัน

สำหรับวิตามินสำหรับฉีดนั้นก็ใช้กลุ่มพวก B1 B6 B12 ร่วมกับ B COMPLEX และมียาซึ่งทางยุโรปใช้ร่วมด้วย ATP และมีวิธีฉีดเฉพาะ ซึ่งทางยุโรปได้จำไปจากจีนก็คือ เป็นการฉีดเข้ากล้ามตามธรรมดา แต่จะต้องใช้ตรงกับจุดฝังเข็มไปพร้อมๆ กันด้วย

ซึ่งการฉีดแบบนี้คงจะต้องให้แพทย์ซึ่งรู้จักการฉีดแบบเข้ากล้ามและรู้จักจุดฝังเข็มไปพร้อมๆ กัน

ทั้งหมดนี้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับคนไข้ที่ไม่ต้องการใช้ฮอร์โมน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่ถูกกับฮอร์โมน หรือเพราะความกลัวว่าฮอร์โมนที่ให้ไปนั้น จะเป็นต้นเหตุให้เกิดมะเร็งตามมาก็เป็นได้

แต่เมื่อเรามาดูทางเลือกซึ่งใช้วิตามิน แร่ธาตุและแอมมิโน แอซิด แทนแล้ว ก็จะเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกับการใช้ฮอร์โมน และจะใช้วิตามินแร่ธาตุให้แทนฮอร์โมนนั้นเป็นไปไม่ได้

เพราะการให้ฮอร์โมนเป็นการบรรเทาอาการหน้าร้อน ตัวร้อนวูบวาบ เป็นตัวช่วยไม่ให้เกิดกระดูกพรุน แต่ก็อาจจะมีการเสี่ยงต่อการเกิดเป็นมะเร็ง

แต่วิตามิน แร่ธาตุ แอมมิโน แอซิด และอาหารตามสูตรนั้น เป็นการแก้ระบบต่างๆ ของร่างกายที่บกพร่องให้ดีขึ้น

อย่างเช่นวิตามิน B12 และโฟลิค แอซิดเป็นตัวช่วยสร้างเลือด เมื่อเลือดดีขึ้นระบบภูมิชีวิตก็ดีขึ้น ระบบภูมิชีวิตดีขึ้นก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บก็บรรเทาเบาบางลง ไม่มาทำลายสุขภาพของเราได้

นี่เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง เมื่อรวมกับข้อสรุปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจะเห็นว่า เราได้ทางเลือก 2 อย่างแล้ว คือ 1 การออกกำลังกาย 2 อาหาร และวิตามิน-แร่ธาตุ

ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกนะครับ โปรดติดตาม

สาทิส อินทรกำแหง

อ่านต่อตอนที่79 วันพุธที่ 8 มีนาคม 2543

[กลับไปสารบัญชีวจิต]   [BACK TO LISTS - FOODS]

main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600