มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ เริ่ม อาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2541 ]

ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต

chivajit alternative medicine

โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง


87 ว่าแล้วเชียว-โดนอีกจนได้

ขึ้นต้นทำท่าเหมือนกับจะโม้อะไรสักอย่างหนึ่ง ก็คงจะทำนองนั้นแหละครับ

เมื่อเกือบสองเดือนมาแล้ว ผมได้เตือนไว้แล้ว ถึงโรคที่มากับฤดูร้อน ได้เตือนไว้ในคราวนั้นอีกเหมือนกันว่า ต้องระวังอาหารทะเลให้มากๆ โดยเฉพาะกุ้ง หอย ปู ปลา จากทะเลในหน้าร้อน

และได้กล่าวถึงไว้อีกเหมือนกันว่า เมื่อ 2-3 ปีมานี้ เพื่อนๆ ของผมที่เป็นหมอ ได้เจอมาแล้วด้วยตัวเองกว่า 40 คน ที่เชียงใหม่ ไปประชุมทางวิชาการ ที่โรงแรมสี่ดาวแห่งหนึ่ง กินอาหารทะเลเข้าไป ต้องหามเข้าโรงพยาบาล การประชุมคราวนั้น ต้องล้มลงกลางคัน เพราะผู้เข้าประชุมเป็นหมอเกือบทั้งหมด ป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ

หมอสองสามคนเป็นมาก ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่เป็นเวลาหลายเดือน

คราวนี้เอาอีกแล้ว เมื่อวันพุธที่แล้วมานี้เอง แพทย์กว่า 20 คน เจ็บหนักต้องเข้าโรงพยาบาล ท่านเหล่านี้เข้าร่วมประชุม เรื่องการแพทย์กับการประกันสุขภาพ ที่โรงพยาบาลพระพุทธบาท สระบุรี หลังจากอาหารกลางวัน ซึ่งมีข้าวผัดปูเป็นอาหารหลักแล้ว เกิดการอาเจียน และท้องเดินเป็นการใหญ่ ต้องหามผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 20 คน เข้าโรงพยาบาล (ข่าวจากบางกอกโพสท์ 29 เม.ย. 43)

อาหารทะเลในเมืองไทยนั้น ปรกติไว้ใจแทบไม่ได้อยู่แล้ว เพราะถ้าพูดถึงความสด และวิธีเก็บอาหารทะเลเหล่านี้เชื่อไม่ได้ เพราะส่วนมากมักจะใส่ฟอร์มาลิน เพื่อทุ่นค่าใช้จ่าย

เมื่อปลาและอาหารทะเลเหล่าน ี้เข้ามาถึงสะพานปลา การบรรทุกอาหารทะเลส่งต่อไปถึงภาคเหนือ และภาคอีสานยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย เพราะจะต้องถ่ายเท ส่งไปตามท้องถิ่นต่างๆ หลายทอด แม้จะอ้างว่า มีรถตู้เย็นรับอาหารเหล่านี้ไปส่งตลอดเวลา แต่กว่าจะถึงตลาด และต่อไปถึงร้านอาหาร และผู้บริโภคใ นภาคเหนือ และอีสาน บ่อยครั้งที่ปลาและอาหารทะเลเหล่านี้ เน่าเสียก่อนถึงปากผู้บริโภค

ผมเคยไปเดินตามตลาดอาหาร ในภาคอีสานตอนกลางคืน รถเข็นอาหารจอดอยู่สองข้างทาง ที่มีคนนิยมกินมากที่สุด จะเป็นของง่ายๆ เช่น หอยแมลงภู่ทอด หอยเหล่านี้แกะเปลือกแล้ว แช่เย็นวางอยู่บนรถเข็นเป็นก้อนๆ บางเจ้าไม่ได้แช่น้ำแข็ง แต่จะปล่อยให้ก้อนหอยนั้นละลายเอง บางเจ้าก้อนหอยนั้นละลายแล้ว ก็จะเอาละลายใส่อ่างไว้ เดินเข้าไปใกล้ๆ จะได้กลิ่นหอยเน่า แต่ชาวบ้าน ก็สั่งหอยแมลงภู่ทอดมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย

อาหารทะเลในฤดูอื่นๆ ก็เชื่อไม่ค่อยได้ อยู่แล้ว ในฤดูร้อนยิ่งเชื่อไม่ได้ยิ่งขึ้น และในภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งอยู่ห่างไกลทะเลเหลือเกิน ยิ่งเชื่อไม่ได้ยิ่งกว่าหลายเท่า

ที่นำเรื่องอาหารทะเลเน่าเสียมาพูดอีกคราวนี้นั้น ก็เพราะประจักษ์พยานที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะ ในกลุ่มแพทย์ด้วยกันคราวนี้ น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะชี้ให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ทางการ ประชาชนทั่วไป น่าจะช่วยกันแก้ปัญหาร้ายแรงนี้อย่างจริงจังเสียที

ที่ต้องพูดถึงทางการ และประชาชนนั้น เพราะในด้านทางการนั้น จะทำเฉยๆ ต่อไปไม่ได้ อาหารทะเลเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นอาหารหลักของประชาชน การใช้สารพิษ คือฟอร์มาลินแช่ปลา และอาหารทะเลนั้น ทำกันมานานเต็มทีแล้ว และกลายเป็น การปฏิบัติปรกติธรรมดาไป ตั้งแต่เรือหาปลาลำละหลายร้อยล้าน และเรือหาปลาลำเล็ก มาจนถึงพ่อค้าย่อย และพ่อค้าขายปลีกทั่วไป

ในด้านประชาชนผู้บริโภค จะเป็นด้วยความมักง่าย หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามที ผู้บริโภคของเราไม่เคยเดือดร้อน ตราบใดที่กินอะไรเข้าไปยังไม่ถึงกับชักแหง็กๆ ลงไปต่อหน้าต่อตา เราก็ไม่เคยแยแส ที่จะแก้ไขหรือเลิกซื้อ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ก็คงจะต้องหวังที่ทางการก่อนแหละครับ กลุ่มแพทย์เองท่านเจอมาหลายครั้งแล้ว ในเรื่องอาหารทะเลเป็นพิษ เป็นประจักษ์พยานแน่นอน ที่ไม่จำเป็นจะต้องไปสอบสวน หรือทำการวิจัย เป็นการเตะถ่วงตามแบบการเมืองต่อไปอีก จะออกกฎหมายควบคุม และจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมกัน อย่างเคร่งครัดได้หรือยัง เพื่อประโยชน์ของประชาชน และของตัวท่านเอง และของครอบครัวของท่านด้วย

ในด้านผู้บริโภค ก็คงจะต้องเผยแพร่ความรู้อย่างกว้างขวางต่อไป ความจริงกลุ่มแพทย ์ที่เจออาหารเป็นพิษ จนต้องเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละครับ น่าจะเป็นผู้เผยแพร ่เรื่องสารพิษในอาหาร ต่อประชาชนได้เป็นอย่างดี หมอพูดอย่างไร ชาวบ้านก็เชื่ออยู่แล้ว คราวนี้หมอที่มีประสบการณ์ป่วยด้วยตนเอง คงจะเป็นตัวอย่างที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เรียนจากของจริง ย่อมแน่นอนกว่าเรียนจากตำรา หรือการชักชวนตามแบบฉบับมากมายหลายเท่าครับ

สำหรับผมเอง คราวนี้ก็ขอทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง เล่าถึงเชื้อโรคที่เกิดจากอาหารเป็นพิษต่อไป

ขอพูดถึงเชื้อโรคซึ่งแพร่หลายรู้จักกันดี กลุ่มหนึ่งคือ ซาลโมเนลลา (SALMONELLA)

เชื้อโรคชนิดนี้เขาแบ่งออกตามรูปร่าง จะมีรูปร่างเป็นเส้นยาว (ROD) มีอยู่ด้วยกันกว่า 12,000 ชนิด แต่ละชนิด เป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการป่วยจากท้องไส้ทั้งสิ้น ที่หนักของเชื้อโรคกลุ่มนี้ คือ เชื้อไทฟอยด์ หรือไข้รากสาด ซึ่งถ้าเจอชนิดนี้เข้าแล้ว นอกจากจะท้องเดิน ท้องเสีย อาเจียนอย่างแรงแล้ว ยังมีไข้สูง ที่ขนาดเมื่อหายแล้ว ถึงกับผมร่วงหัวโกร๋น เหมือนถูกผีหลอกยังไงยังงั้นเชียว

ที่เบาลงมาหน่อยก็ไม่หนีเรื่องคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้เหมือนกัน แต่ไม่หนักเหมือนไข้รากสาด ที่ออกจะทารุณมาก คือการปวดท้อง ปวดท้องจากอาหารทะเลเป็นพิษนี้ทารุณนะครับ เพราะมันจะถ่ายเป็นน้ำไหลโจ๊ก และในระหว่างที่ถ่ายนั้น จะรู้สึกเหมือนลำไส้บิดเป็นเกลียว ทั้งปวดทั้งถ่ายจนหมดแรง บางครั้งถ่ายออกมาเป็นเลือดก็ยังมี

อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงหลังจากกินอาหาร ก็เกิดขึ้นได้แล้ว บางคน อาจจะเป็นช้าหน่อยถึง 48 ชั่วโมงหลังการกินอาหารก็มี และอาการตามธรรมดา ก็จะเกิดขึ้นระหว่าง 2-5 วัน แต่เพื่อนผมที่เคยเล่าให้ฟัง ถึงกลุ่มหมอที่เชียงใหม่นั้น เป็นมากและนาน คือท้องเดิน และท้องเสียอยู่เกือบสองเดือน เรียกว่าเกือบตายเลยทีเดียว

ที่เป็นเช่นน ี้ก็เพราะเชื้อโรคเหล่านี้ เมื่อเข้าไปถึงกระเพาะและลำไส้แล้ว ก็จะลุยต่อเข้าไปถึงต่อมน้ำเหลือง ในท้องไส้ของเรามีต่อมน้ำเหลืองมากมาย โดยเหตุที่กระเพาะและลำไส ้เป็นด่านแรก ที่จะต้องเจอกับเชื้อโรคที่มากับอาหาร จึงต้องมีต่อมน้ำเหลือง และท่อน้ำเหลืองมากมาย เพื่อรับมือกับเชื้อโรคเหล่านี้

ถ้าหากเชื้อโรคเหล่าน ี้ลุยเข้าไปถึงต่อมน้ำเหลืองได้ เท่านั้นแหละคุณเอ๋ย มันก็จะบุกไปทั่วตัว อาการปวด ก็จะตามไปทั่วตัวด้วย เพราะพิษจากเชื้อโรคเหล่านี้คือ ท็อกซิน เมื่อเข้าต่อมน้ำเหลืองได้ ก็จะเกิดปวดระบมไปหมดทั้งตัว อาการท้องเดิน ท้องเสียก็จะมีไม่หยุด อาการปวดก็ปวดระบมตลอดเวลา เพื่อนผมบางคน จึงป่วยอยู่ได้ถึง 6 เดือนก็ยังมี และถ้าเป็นหนักอย่างนี้ถึงตายได้นะครับ

วิธีรักษาที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกัน อย่ากินเลยครับอาหารทะเลหน้าร้อน และยิ่งเดินทางไปภาคเหนือ หรืออีสาน ยิ่งไม่ควรกินอาหารทะเลใหญ่ นอกเสียจากว่า คุณจะรู้จักร้านอาหารเหล่านั้นดี และมั่นใจว่า อาหารของเขายังสด ไม่เน่าเหม็น

แต่ถ้าหากคุณกินเข้าไปแล้ว และท้องเสียเพียง 3-4 ครั้ง แล้วก็หยุด ก็คงไม่ถึงกับ ต้องไปโรงพยาบาลหรอกครับ ควรนอนพักอยู่กับบ้าน พักจริงๆ นะครับ แล้วหยุดกินอาหารสักมื้อสองมื้อ ดื่มน้ำสุกมากๆ กินยาแก้ท้องเดินเสียหน่อย ผมว่ายาไทย สมุนไพรไทย เช่น ขมิ้นชัน ข่า ยาธาตุบรรจบ จะดีกว่ายาจำพวกปฏิชีวนะ หรือแอนตี้ไบโอติคนะครับ

แต่ถ้าอาการมากๆ และมีอาการปวด เป็นไข้ด้วย คุณกำลังเสียน้ำมาก คงจะต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งเขาคงจะให้น้ำเกลือ

ถ้าเป็นมากกว่านั้น ทางโรงพยาบาลคงจะรู้ด ีว่าจะต้องรักษากันหนักหนาอย่างไร

ก่อนจะหมดเรื่องอาหารเป็นพิษหน้าร้อน ก็ขอต่อจากเรื่องอาหารทะเลอีกเรื่องหนึ่งนะครับ คือ เรื่องเห็ดเป็นพิษ

ถึงแม้ว่าตอนนี้เป็นหน้าร้อน แต่ก็เกิดวิปริตกลายเป็นหน้าฝน ฝนตกมาสองเดือนแล้ว ตอนนี้ถ้าขับรถไปภาคอีสาน และภาคเหนือ จะเห็นแม่ค้า พ่อค้า เอาเห็ดป่ามาตั้งขายสองข้างทาง และในตลาด มีเห็ดแปลกๆ มากมาย

เห็นเห็ดแปลกๆ อย่าผลีผลามเป็นอันขาด ถ้าไม่รู้จักอย่าซื้อกินเลยครับ และถ้ากินเห็ด แล้วเกิดอาการน้ำตาไหล หน้ามืดตามัว หายใจไม่ออก ปวดท้อง น้ำลายฟูมปาก บางรายถึงชัก รีบทำให้อาเจียน แล้วส่งโรงพยาบาลทันที นั่นคืออาการของเห็ดเป็นพิษ

ถ้าช้าไว้ ตับวาย ไตวาย ก็ตายแหงแก๋ แหละครับ เกิดขึ้นทุกปีแหละครับ.

สาทิส อินทรกำแหง

อ่านต่อตอนที่88

[กลับไปสารบัญชีวจิต]   [BACK TO LISTS - FOODS]

main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600