|
เป็นคุณสมบัติของวัยรุ่นที่เริ่มสนใจตนเอง สนใจบุคลิกลักษณะ
หน้าตา จมูก ปาก รวมไปถึงฟัน ถ้าหากมีฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น ฟันเหยิน ก็มักจะถูกมองว่าเป็นปมด้อย ผู้ที่พอมีฐานะก็มักจะดิ้นรนที่จะทำการจัดฟัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจ กล่าพูด กล้ายิ้ม หรืออาจจะทำให้งาน
ในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการพูด การยิ้มและความสวยงาม
ประสบผลสำเร็จมากขึ้น
ทางด้านวิชาการความก้าวหน้าในการจัดฟันได้มีเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทันตแพทย์ในประเทศไทยมีความรู้ความสามารถในการจัดฟัน รวมทั้งมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยก้าวหน้าเท่าเทียมนานาอารยะประเทศ จนกระทั่งได้มีการรวมตัวจัดตั้ง "สมาคมทันตแพทย์ จัดฟันแห่งประเทศไทย"
ขึ้นแล้ว
เมื่อเกิดมีความต้องการ และมีการตอบสนองในเรื่องการจัดฟัน
รายการปัญหาชีวิตและสุขภาพ โดยบริษัท ยาคูลท์เซลล์ (กรุงเทพฯ) จำกัด
ร่วมกับ สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย จึงได้นำเสนอรายการเรื่อง
"ความรู้เรื่องการจัดฟัน" ขึ้น ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. และได้แพร่ภาพไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2542
ซึ่งเป็นความรู้ที่น่าสนใจ น่าจะนำมาเผยแพร่ให้กับผู้ที่พลาดชมรายการ เพื่อประดับความรู้โดยทั่วกันดังนี้
คำถามแรกที่ว่า การจัดฟันมีประโยชน์ อย่างไรบ้าง?
รองศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิงสมใจ สาตราวาหะ นายกสมคมทันตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ให้คำตอบในรายการว่า
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการจัดฟันก็คือ ฟันสวยขึ้น
ฟันที่เคยห่าง เคยเก เคยยื่น ก็จะมีการเรียงตัวสวยขึ้น
ฟันที่เคยห่างก็จะชิด ฟันที่เคยเกซ้อนก็จะเรียงตัวเป็นระเบียบมากขึ้น ฟันที่ยื่นก็จะถูกกดเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ดูสวยงามขึ้น
อันที่จริงแล้ว ฟันสวยนี่จะช่วยเสริมสร้างบุคลิก ทำให้ดูดีสำหรับผู้ที่พบเห็น
และที่สำคัญก็คือ ทำให้เจ้าของฟันมีความมั่นใจในตัวเอง กล้าที่จะพูดคุย
กล้าที่จะยิ้ม หรือหัวเราะ เพราะโดยทั่วๆ ไปแล้วคนเราเวลาพูดคุยกัน
ก็จะมองดูปากและฟันของผู้ที่เราพูดด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า
เราสนใจในสิ่งที่เขาพูด จะไม่จ้องตากันหรอก เพราะอาจเกิดเรื่องได้
ถ้าฟันเราสวยแล้ว ก็ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ด้วย
เมื่อฟันมีการเรียงตัวที่สวยงาม ก็เป็นที่แน่ๆ อยู่แล้วว่า การสบของฟันควรจะต้องดีกว่าฟันที่เรียงตัวไม่สวย มีผลทำให้
การบดเคี้ยวดีขึ้น เคี้ยวอาหารได้ละเอียด ทำให้ส่งผลไปถึงสุขภาพ
ของร่างกาย เพราะถ้าเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก็คงจะไปเพิ่มการทำงาน
ของการเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะทำงานหนักยิ่งขึ้น
อีกอย่างเมื่อฟันเรียบสวย ก็ง่ายในการแปรงฟัน
สามารถแปรงทำความสะอาดได้ง่าย ทำให้ไม่เกิดฟันผุ
หรือเป็นโรคเหงือก ถ้าแปรงฟันได้ดี สะอาด ไม่มีเศษอาหารตกค้าง
อยู่ตามซอกฟัน ก็ย่อมขจัดความกังวลว่าเราจะมีกลิ่นปาก
ซึ่งเป็นที่รังเกียจของคนอื่นออกไปได้ ทำให้มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น
เป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพอีกเหมือนกัน
อยากขอสรุปในแง่ของทันตแพทย์จัดฟันว่า
โดยทั่วไป เรามุ่งไปในการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง
กับการบดเคี้ยวมากกว่า คือทำให้สามารถบดเคี้ยวได้ดีขึ้น
ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ส่วนความสวยงามเป็นผลพลอยได้
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ผลที่ได้จากการจัดฟันจะอยู่ตัว
ไม่กลับเป็นใหม่อีก
รองศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิงสมใจ สาตราวาหะ
ได้แนะนำข้อบ่งชี้ในการจัดฟันไว้ว่า
ข้อแรกก็คือ เมื่อเรามีความรู้สึกว่ามีปัญหาที่จะใช้ฟัน
ในการบดเคี้ยวอาหาร ทั้งนี้เพราะจะมีผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
ข้อที่สองก็คือ เมื่อเรารู้สึกว่าฟันของเราไม่สวย
หรือเมื่อคนไข้มีความกดดันทางจิตใจ ทำให้ไม่อยากพูดคุย เก็บเนื้อเก็บตัวหรืออย่างเด็กนักเรียนที่ถูกเพื่อนล้อว่า "ฟันไม่เข้า"
เป็นนางมณีรจนา (แก้วหน้าม้า) เพราะว่าใบหน้าส่วนกลางยุบ คางยื่น เนื่องจากฟันหน้าล่างครอบฟันหน้าบน ทำให้มีลักษณะรูปหน้า
เหมือนพระจันทร์เสี้ยว แบบที่ว่านี้คงจะต้องจัด เพราะอาจทำให้เกิดความกดดันทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
เป็นปมด้อย และอาจก่อให้เกิดปัญหาในการพัฒนา
ทางด้านจิตใจของเด็กด้วย
ส่วนด้านอายุที่เหมาะสมในการเริ่มจัดฟัน
รองศาสตราจารย์พิเศษทันตแพทย์หญิงสมใจ สาตราวาหะ
ได้แนะนำว่า
ควรเริ่มเมื่อทันตแพทย์จัดฟันตรวจพบว่า มีความผิดปกติ
ของการเรียงตัวของฟัน หรือมีความผิดปกติของการสบฟันจริงๆ แล้ว อายุไม่ได้เป็นตัวที่จะบ่งชี้ว่าจะต้องจัด ความผิดปกติบางอย่าง
ก็ต้องเริ่มทำในเด็กๆ เช่น เด็กที่มีขากรรไกรล่างขนาดใหญ่กว่าขากรรไกรบน
หรือกลับกัน การรักษาต้องทำในลักษณะที่ยังมีการเจริญเติบโตของใบหน้า
และขากรรไกร คือในขณะที่อายุไม่เกิน 14 ปีในเด็กผู้ชายและอายุไม่เกิน
13 ปี ในเด็กผู้หญิง หรือจะดูจากฟันก็จะเป็นระยะที่มีฟันแท้และฟันน้ำนมอยู่
เด็กบางรายก็ต้องจัดฟันเร็วขึ้น เช่น ในเด็กที่มีความเคยชินบางอย่าง
เช่น ชอบดูดนิ้ว แทะเล็บ เอาลิ้นดุนฟัน กัดริมฝีปาก อุปนิสัยเหล่านี้
มีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้า
และขากรรไกร ถ้าไม่เลิกอุปนิสัยเล่านี้ การหายใจทางปาก การกลืนที่ผิด ก็มีผลต่อตำแหน่งและการเรียงตัวของฟันเช่นกัน ส่วนในรายที่มีความผิดปกติ
ที่ฟันอย่างเดียว ก็อาจจะรอได้
ส่วนผู้ใหญ่ที่มีอายุ 30 ปี หรือ 40 ปี ก็สามารถรับการจัดฟันได้
แต่มีข้อแม้ว่า ต้องมีการดูแลรักษาฟันอย่างดี และไม่เป็นโรคเหงือกอย่างรุนแรง ผู้ใหญ่บางคนก็จัดเพราะมีการถอนฟันไปเป็นระยะเวลานานๆ แล้ว
ไม่ได้ใส่ฟันทำให้ฟันที่อยู่ข้างๆ ซึ่งที่ถูกถอนไปล้มเข้าไป
ในที่ที่ถูกถอนฟันไป ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ดี อาจทำให้เป็นโรคเหงือกด้วย
พอจะใส่ฟันก็ใส่ไม่ได้ ต้องจัดฟันโยตั้งฟันที่ล้มขึ้นเพื่อจะได้ใส่ฟันได้ บางคนจัดเพื่อทำให้ดูสวยงามขึ้น บางคนก็จัดเพื่อสุขภาพ
ทำให้แปรงฟันได้สะอาดขึ้น และบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
การจัดฟันในเด็กกับผู้ใหญ่จะต่างกัน เนื่องจากในการจัดฟัน เราต้องการเคลื่อนพ้นจากตำแหน่งเดิมที่ฟันเคยอยู่
ไปอยู่ตำแหน่งใหม่ที่เราต้องการ การเคลื่อนฟันต้องอาศัยปฏิกิริยา
ของร่างกายเรา คือจะมีการทำลายกระดูกที่รองรับฟัน
และมีการสร้างกระดูกขึ้นมาแทน เพื่อจะให้ฟันมีกระดูกรองรับที่แข็งแรง
ในตำแหน่งใหม่ๆ ในเด็กๆ ขบวนการทำลายกระดูกและสร้างกระดูกขึ้นใหม่
มีความรวดเร็วพอๆ กัน แต่ในผู้ใหญ่ขบวนการสร้างกระดูก
จะช้ากว่าเดิม เพราะฉะนั้นการจัดฟันในเด็ก ถ้าทำได้จะดีกว่า
ตอนจัดฟันในขณะเป็นผู้ใหญ่ ตรงที่ใช้เวลาน้อยกว่า
ผลที่ได้จากการจัดฟันก็จะดี กว่าจะอยู่ตัวมากกว่าในผู้ใหญ่
การจัดฟันชนิดที่ต้องเลื่อนขากรรไกรไปด้านหน้า
ในกรณีที่มีคางเล็กเกินไป หรือคางยาวยื่นต้องเลื่อนขากรรไกรไปด้านหลัง ทำได้ตอนเป็นเด็กในขณะที่มีการเจริญเติบโตของใบหน้า
และขากรรไกรเท่านั้น ในผู้ใหญ่ทำไม่ได้
เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ ชื่อก็บอกแล้วว่า คนไข้สามารถถอดออกได้เอง
ใส่ได้เอง มี 2 ชนิด คือ ชนิดแรกใช้เลื่อนฟัน
ชนิดที่2 ใช้เคลื่อนตำแหน่งของขากรรไกรล่าง
เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้แบบที่ใช้เคลื่อนฟัน โดยทั่วไปแล้วจะใช้กรณีที่ต้องการเคลื่อนฟันบางซี่
เครื่องมือจะทำงานเมื่อเครื่องมืออยู่ในปาก แต่ถ้าคนไข้ไม่ใส่
การจัดฟันนั้นจะไม่ได้ผล นี่ก็คือข้อเสีย
ข้อดีคือ สามารถถอดออกได้ตอนรับประทานอาหาร
และตอนแปรงฟัน การดูแลทำความสะอาดฟัน
ทำได้ง่ายกว่าเครื่องมือชนิดติดแน่น
อีกชนิดหนึ่งคือ เครื่องมือแบบติดแน่นเครื่องมือจะติดแน่นกับฟัน
เครื่องมืออาจเป็นโลหะหรือ porcelain (กระเบื้องเคลือบ) จะติดกับฟันคนไข้ ไม่สามารถถอดเครื่องมือชนิดนี้ออกเองได้ เราจะใช้เมื่อเคลื่อนฟัน
หลายๆ ซี่พร้อมกัน คนไข้จะรับประทานอาหารโดยมีเครื่องมือชนิดนี้
อยู่ในปากด้วย
|