|
พ่อแม่หลายรายที่มีลูกอายุ 1-3 ขวบ มักจะคิดว่าลูกยังเล็กมาก ยังไม่ถึงเวลาจะพาไปหาทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพปากและฟัน
บางรายคิดว่าฟันน้ำนมอยู่ไม่นาน ถ้าฟันผุหรือหักไปก็ไม่เป็นอะไร เพราะฟันแท้จะขึ้นมาแทนที่จึงไม่ค่อยเคร่งครัดนัก บางครั้ง
คิดจะพาลูกไปพบทันตแพทย์ แต่พอมีธุระหรือคิดอยากจะไป
พักผ่อนวันหยุดก็มักเปลี่ยนใจบ่อยๆ "ผลัดไว้ก่อน วันหลังค่อยไปก็ได้"
จากข้อมูลที่ได้มีการศึกษาพบว่า หากเด็กได้รับ
การตรวจสุขภาพของช่องปากและพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะไม่ค่อยมีปัญหา
เรื่องโรคฟัน สมัยนี้ทันตแพทย์มักแนะนำให้ท่าน
พาลูกหลานอายุ 1 ขวบ หรือเมื่อฟันน้ำนมเริ่มขึ้น มาตรวจสุขภาพของช่องปาก
การรอให้เด็กอายุครบ 3 ขวบ แล้วจึงพามาพบทันตแพทย์
อาจไม่ทันการที่จะป้องกันโรคในช่องปาก เนื่องจากฟันน้ำนม
จะขึ้นมาครบ 20 ซี่ ในช่วงอายุ 2-2 1/2 ขวบ
พ่อแม่สมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับการป้องกัน
โรคฟันของลูกมากขึ้น และอยากให้ลูกมีสุขภาพช่องปากดีปราศจากโรค ในกลุ่มเด็กเล็กจำนวนไม่น้อยที่เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ เนื่องจาก
ดูดนมขวดจนหลับไป การประเมินว่า เด็กจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ในช่องปากและฟัน อาศัยพิจารณาข้อมูลต่างๆ เช่น ประวัติสุขภาพร่างกาย
สภาพสังคม อาหารที่ชอบรับประทาน ตรวจเชื้อในปาก
การรักษาความสะอาดในช่องปาก การตรวจฟัน
Bacteria ในปากของเด็ก เริ่มตั้งแต่ทารกแรกเกิด
หายใจเข้าวินาทีแรกที่คลอดจากครรภ์มารดา และเชื้อ
Bacteria เหล่านี้จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นขณะที่ฟันน้ำนมโผล่ขึ้น
มาเหนือเหงือก โดยเฉพาะเชื้อ Streptococci Mutans
พบในเด็กอายุ 19-31 เดือน ฟันเด็กเริ่มผุในวัยก่อนเข้าเรียน
ข้อสำคัญคือ เด็กที่ฟันผุตั้งแต่เล็กมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
ขณะที่มีฟันแท้ด้วย โดยเฉพาะหากเด็กรับประทานอาหาร
ที่มีแป้งและน้ำตาลสูงบ่อยๆ
พ่อแม่มักจะตามใจลูกเพราะความสงสารเมื่อเห็นลูกติดขวดนม
หรือถ้าลูกอารมณ์หงุดหงิด ร้องไห้ไม่ยอมนอนหลับ เป็นสาเหตุให้เกิดฟันผุ โดยเฉพาะด้านในของฟันบนจากการย่อยสลายน้ำตาลในนมโดย
Bacteria แปรสภาพในช่องปากให้เป็นกรดซึ่งทำลายผิวเคลือบฟัน
การใช้ฟลูออไรด์มีประโยชน์ในการต่อต้านฟันผุ ตามปกติ
เด็กมักได้รับน้ำดื่มจากน้ำบรรจุขวด หรือน้ำจากเครื่องกรองน้ำที่บ้านเป็นหลัก
ซึ่งไม่มีฟลูออไรด์ กุมารแพทย์จะสั่งฟลูออไรด์ชนิดเม็ดหรือน้ำ โดยมิได้ทำการตรวจสอบสภาวะของน้ำดื่มจากแหล่งที่เด็ก
ได้รับว่ามีปริมาณฟลูออไรด์ตามธรรมชาติมากหรือน้อยกว่า
เกณฑ์ที่ปลอดภัย และเป็นประโยชน์ ฟลูออไรด์ : น้ำ ในอัตราส่วน
(1 : 1,000,000 ส่วน)
ในช่วงอายุ 18-36 เดือน เป็นระยะที่ผิวเคลือบฟัน (Enamel)
มีความไวต่อการดูดซึม Fluoride หากได้รับในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ฟันด่างเป็นจุดสีน้ำตาลที่เรียกว่า Fluorosis ดังนั้น
พ่อแม่ของเด็กควรปรึกษาแพทย์ เพื่อคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้
Fluoride ผสมน้ำให้ลูกดื่มหรือรับประทานชนิดเม็ด
เด็กอายุ 1-2 ขวบ ใช้ฟลูออไรด์ 0.25 mg
เด็กอายุ 2-3 ขวบ ใช้ฟลูออไรด์ 0.50 mg
วันละ 1 ครั้ง
การดูดนิ้ว ผ้า หรือของเล่น เป็นเรื่องปกติของเด็ก
ซึ่งจะค่อยๆ ลดพฤติกรรมลงเมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นอายุประมาณ 6 ขวบ
หากพฤติกรรมการดูดนิ้วยังไม่เลิก เป็นผลให้ฟันหน้าบนและล่าง
สบกันไม่ถึงเกิด ช่องโหว่เวลากันฟันหรือมีการพัฒนาของกระดูกขากรรไกร
ผิดปกติ ทันตแพทย์สามารถให้การช่วยเหลือป้องกันผลเสีย
ที่จะเกิดตามมาหากพ่อแม่ของเด็กมาปรึกษาทันตแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ
เด็กส่วนมากจะมีการเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก เมื่ออายุครบ 1 ขวบ การมาพบทันตแพทย์ครั้งแรกของทารก จะเป็นไปอย่างนุ่มนวล ไม่น่ากลัว พ่อแม่ของเด็กจะได้รับคำแนะนำในการดูแลช่องปากและฟันของลูก
ไปปฏิบัติที่บ้าน
ในยุคปัจจุบัน การเริ่มต้นดูแลสุขภาพฟันของลูก ตั้งแต่อายุได้
1 ขวบ กำลังเป็นที่นิยมปฏิบัติในประเทศด้อยพัฒนา นับเป็นการป้องกัน
ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจ เพราะสามารถช่วยประหยัด
ค่าใช้จ่ายในการบำบัดรักษาปัญหาสุขภาพของช่องปากและฟันในระยะยาว
|