|
ท่านคงจะทราบดีแล้วว่า ฟันของเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตัวฟัน ซึ่งอยู่เหนือเหงือกกับรากฟันที่อยู่ใต้เหงือก และฝังในกระดูก
แต่ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์แล้วมีเหงือกร่น จะเห็นรากฟันอยู่เหนือเหงือกได้
ตัวฟันมีหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร รากฟันช่วยยึดให้ฟันอยู่กับที่
และรับแรงบดเคี้ยวอาหารได้ โดยไม่เจ็บปวด ฟันที่โยกเวลาเคี้ยวอาหาร
ทำให้เจ็บปวดได้ แต่ถ้าเคี้ยวอาหารแล้วเจ็บฟันทั้งๆ ที่ ฟันแน่นดีไม่โยก
มักจะมีสาเหตุมาจากตัวฟัน ถ้าเราดูส่วนประกอบของตัวฟันแล้ว จะทราบได้ว่าทำไมจึงเสียวฟันหรือเจ็บฟันได้
- ตัวฟันประกอบด้วย 3 ส่วนคือ เคลือบฟัน เนื้อฟันและโพรงประสาทฟัน
- เคลือบฟัน
เป็นผลึกแคลเซียม ที่ใส และแข็งมาก เนื่องจากมีความแข็งมากจึงเปราะ
ดังนั้นเคลือบฟันจึงแตกบิ่น หรือกระเทาะได้ ถ้าถูกแรงกระแทกแรงๆ
หรือเคี้ยวอาหารแข็ง เช่น กระดูก หรือกรวด
หรือใช้ฟันผิดหน้าที่เช่น เปิดจุกขวด เคลือบฟันจะสึกกร่อนได้
ถ้าสัมผัสกับสารละลายที่เป็นกรดบ่อยๆ ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารเปรี้ยวจัด
หรือของหมักดองที่มีรสเปรี้ยว เคลือบฟันมักจะบางลง หรือสึกลึกลงเป็นหลุมบริเวณด้านบดเคี้ยวของตัวฟัน
แผ่นเคลือบฟันซึ่งมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มากมาย และติดค้างบนตัวฟัน เนื่องจากแปรงฟันออกไม่หมด เชื้อแบคทีเรียนี้จะย่อยอาหาร
และปล่อยสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดออกมา กันกร่อนเคลือบฟัน
ให้เป็นร่องลึกลงไปเรื่อย ๆ ที่เรียกว่าฟันผุ
เนื่องจากเคลือบฟันไม่มีประสารรับความรูสึก ดังนั้นผู้ที่มีฟันสึก แตกบิ่น
หรือผุที่บริเวณเคลือบฟัน จึงไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด
เนื้อฟัน
จะนิ่มกว่าเคลือบฟัน ประกอบด้วย เซลล์รูปทรงกระบอก และมีส่วนปลายประสาทจากโพรงประสาทฟันยื่นเข้ามา
ดังนั้นฟันที่สึก แตก บิ่นหรือผุงถึงเนื้อฟัน จะทำให้เสียว หรือปวดฟันได้
ฟันที่ผุถึงเนื้อฟันจะลุกลามได้เร็ว ดังนั้นเมื่อทราบว่ามีฟันผุ ไม่ควรนิ่งนอนใจ
โพรงประสาทฟัน
เป็นช่องกลวงอยู่ตรงกลางฟัน ภายในมีเซลล์ที่สร้างเนื้อฟัน และเส้นเลือด เส้นประสาทที่มาเลี้ยฟันอยู่ ถ้าฟันผุหรือแตกบิ่นถึงโพรงประสาทฟัน จะปวดมากเพราะเส้นประสาทถูกกระตุ้นโดยตรง
- ฟันที่สึกตรงคอฟันบริเวณขอบเหงือก
- เนื่องจากการแปรงฟันผิดวิธีอาจถึงโพรงประสาทฟันได้
- ฟันที่สึกด้านบดเคี้ยว
- เนื่องจากการกัดฟัน อาจกัดฟันเวลานอน หรือเวลาทำงานที่ต้องใช้ความคิดมาก ฟันจะสึกเป็นแนวราบ และทะลุโพรงประสาทได้
- ฟันที่ไม่ผุ ไม่สึก หรือแตกบิ่น
- แต่มีอาการเสียวหรือปวด เวลากัดฟัน หรือเคี้ยวอาหาร
อาจมีสาเหตุมาจากฟันร้าว
- ฟันร้าวนี้ถ้าเกิดขึ้นเฉพาะชั้นฟันเคลือบ
- จะไม่มีอาการเสียว หรือปวดเช่นกัน มักพบในฟันผู้สูงอายุ บริเวณฟัน
จะมีรอยขีดเป็นเส้น ตามแนวยาวของตัวฟัน บางครั้งอาจแตกหรือกระเทาะออก
ทำให้ฟันบิ่นได้ ฟันร้าวที่เคลือบฟันนี้ ไม่ต้องทำการรักษาแต่อย่างใด นอกจากว่าถ้ามีเคลือบฟันบิ่นออกไป และเป็นแง่คมบาดลิ้นหรือริมฝีปาก
ก็ควรขัดแต่งให้หายคม
- ถ้าฟันร้าวลึกเข้าไปถึงเนื้อฟัน
- เวลากัดฟัน หรือเคี้ยวอาหาร รอยร้าวนี้จะแยกออก ทำให้เสียวฟันได้ อาการเสียวฟันเนื่องจากฟันร้าวนี้แตกต่างจากการเสียวฟันจากสาเหตุอื่นคือ ขณะกัดฟันจะไม่เสียวหรือปวด แต่เมื่อปล่อย หรืออ้าปาก จะเสียว หรืออาจปวดได้
ฟันร้าวที่ถึงเนื้อฟันนี้ มักเกิดกับฟันที่มีร่องกลางฟันลึก ๆ
เช่น ฟันกรามน้อย หรือฟันที่มีรอยอุดกว้าง เนื้อฟันและเคลือบฟันเหลือน้อย ถ้ากัดของแข็งหรือเคี้ยวโดนกรวด หรือเศษกระดูกที่ปนมากับอาหาร
หรือนอนกัดฟันบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ฟันร้าวได้
ถ้าท่านมีอาการเสียวฟันลักษณะดังกล่าวนี้ ควรรีบมาพบแพทย์
เพื่อที่จะรักษาฟันร้าวที่ถึงเนื้อฟันนี้ ซึ่งการรักษาคือ
ทำครอบเพื่อยึดรอยร้าวให้อยู่กับที่ เวลาเคี้ยวอาหารลงบนครอบฟัน
รอยร้าวขยับไม่ได้ จึงไม่เสียวฟัน
ฟันที่ร้าวถึงเนื้อฟันนี้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ รอยร้าวนี้จะลึกลงไปถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ทำให้ปวดมาก เมื่อรอยร้าวนี้ขยับ การรักษาก็จะยุ่งยากมากขึ้น
คือ ต้องรักษารากฟัน หรือดึงประสาทฟันออกก่อน
เพราะอาจมีเชื้อโรคลุกลามเข้าไปในโพรงประสาทฟัน ตามรอยฟันที่ร้าว ทันตแพทย์จะใช้แถบโลหะรัดฟันไว้ไม่ให้ขยับได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันร้าวต่อไป แล้วจึงเจาะตัวฟันเข้าไปถึงโพรงประสาทฟัน เพื่อดึงประสาทฟันออกจนล้างสะอาด
แล้วอุดฟันให้เต็ม จึงรัดแถบโลหะที่รัดฟันออก เพื่อทำครอบฟันแทน
ฟันที่ร้าวถึงโพรงประสาท ถ้ารักษาไม่ทันก็อาจทำให้ฟันแตกได้ เมื่อถึงชั้นนี้แล้วมักจะต้องถอนฟันออก
ดังนั้นท่านที่รู้ตัวว่า ฟันของท่านมีรอยอุดใหญ่ มีร่องฟันลึก
หรือชอบกัดเน้นฟันขณะนอน หรือทำงานก็ตาม ควรระวังฟันอาจร้าวได้
จึงไม่ควรใช้ฟันดังกล่าวกัด หรือเคี้ยวอาหารแข็งมาก และเมื่อมีอาการดังกล่าว
คือกัดฟันจะไม่ค่อยเจ็บ แต่เมื่ออ้าหรือปล่อยจะเสียว หรืออาจเสียวฟัน
ขณะเคี้ยวอาหารบางตำแหน่งได้ เช่น ขณะเยื้องคางไปทางซ้ายขวา ขณะกลืน ควรรีบให้ทันตแพทย์ตรวจดูฟันของท่าน เพราะยิ่งตรวจพบเร็ว การรักษาก็จะไม่ยุ่งยากค่ะ |