มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือhey.to/yimyam

[ คัดลอกจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม 2542]

หูสูญเสียการได้ยิน

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


ถ้ามีผู้ถามว่า การที่สูญเสียการได้ยินที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระยะทารกแรกเกิด จนกระทั่งถึงวัยผู้สูงอายุมีสาเหตุประการใดบ้าง ก็สามารถตอบได้ ตามที่ผู้ชำนาญการเรื่องหูได้แบ่งระยะตามอายุ และสาเหตุที่แตกต่างกันไว้ดังนี้

ระยะก่อนคลอด ระบบการได้ยินของหู เริ่มพัฒนาตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นในระยะก่อนคลอด หากมารดาติดเชื้อบางประเภท เช่น หัดเยอรมัน หนองใน ขาดสารไอโอดีน พิษจากยาบางประเภทที่แม่รับประทานหรือรับการฉีดในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมสูญเสียไปได้ โรคทางพันธุกรรมบางโรค สามารถทำให้เกิดความผิดปกติในโครงสร้างของหูตั้งแต่กำเนิดได้

ระยะแรกเกิด เด็กที่คลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ อาจมีความผิดปกติของระบบการได้ยินร่วมด้วย การคลอดที่ผิดปกติหากมีการขาดออกซิเจนระหว่างคลอด เด็กที่มีตัวเหลืองมากๆ และเป็นเวลานานก็ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อม รวมทั้งพิษจากการใช้ยา ในเด็กระยะนี้ก็พบได้ แม้จะไม่มากนัก

ระยะหลังคลอดและวัยเด็ก ในประเทศไทยสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้หู้ผิดปกติ สูญเสียการได้ยินก็คือ การติดเชื้อเข้าสู่หูชั้นกลาง และแตกออกเป็นหูน้ำหนวก อุบัติเหตุจากการเล่นจนแก้วหูทะลุ มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู พิษจากยาบางประเภท

ในวัยผู้ใหญ่และสูงอายุ พิษภัยจากยาหลายประเภท ก็ยังมีอิทธิพลต่อเส้นประสาทหูอยู่ การได้ยินเสียงดังมากผิดปกติในถานเริงรมย์ ในโรงงาน อุตสาหกรรม ในการประกอบอาชีพที่ต้องเจาะขุดด้วยเครื่องมือไฟฟ้า ที่มีเสียงดัง ล้วนเป็นมลพิษทางเสียงที่ทำให้หูเสื่อมและการได้ยินลดลงได้ทั้งสิ้น นอกจากนั้นอุบิติเหตุ และความเสื่อมตามวัย ก็เป็นปัญหาอุปสรรค กับการได้ยินของมนุษย์ด้วย

นอกจากนั้นในปัจจุบันพบว่า อาการที่มีของเหลวไหลจากหู เป็นอีกเรื่องหนึ่งน่ารู้ เพราะพบอาการนี้เพิ่มมากขึ้น และเป็นได้ในหลายๆ อายุ อาการของเหลวไหลจากหูอาจมีลักษณะแตกต่างกัน และหากดูแลรักษาไม่ถูกต้อง ก็อาจนำมาซึ่งการสูญเสียการได้ยินของหู เช่นเดียวกัน

ลักษณะของเหลวไหลออกหูมีได้ 4 ลักษณะดังนี้

  1. น้ำสีเหลือง มีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองเหนียวข้น คล้ายมะขามเปียก ส่วนใหญ่คือขี้หู ถ้ามีจำนวนมาก และค้างอยู่นาน จะจับกันเป็นก้อนแข็งอุดช่องหูทำให้หูอื้อ และปวดหูได้
  2. น้ำใส อาการแพ้จะทำให้มีการอักเสบของผิวหนังที่บุช่องหู และมีน้ำใสๆ ในช่องหูได้หรืออาจจะเกิดจากน้ำไขสันหลังรั่วออกจากหู มักเกิดจากการแตกหักของกระดูกฐานกะโหลกศีรษะผ่านหูชั้นกลาง และชั้นนอก มีการฉีกขาดของแก้วหูด้วย
  3. น้ำเลือด ส่วนใหญ่มักเกิดจากการบาดเจ็บของช่องหูชั้นนอก หรือแก้วหู อาจมีประวัติมีของแหลมทิ่มแทงเข้าในรูหู ทำให้ผิวหนังที่บุช่องหู หรือแก้วหูฉีกขาด บางรายเกิดจากถูกตบหรือถูกแรงดันกระแทกทำให้แก้วหูฉีกขาด
  4. น้ำหนอง ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบของหูชั้นกลาง ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง

เพื่อให้เข้าใจลึกซึ่งทางด้ายกายภาพของหูและกลไกการได้ยินเสียง สมควรทบทวนความรู้สู่ประชาชนคือ

หูเป็นอวัยวะเดียวที่สามารถรับเสียง และนำเสียงไปสู่ปลายประสาท เข้าสู่ระบบประสาท การได้ยิน นำไปสู่สมองเพื่อแปรผลของเสียงนั้นเป็นภาษา เป็นวาจา เป็นความเข้าใจ เป็นความไพเราะหรือเป็นความระคายเคือง ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อจิตใจและอารมณ์พร้อมกันไปด้วย

ลักษณะของหูที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้
  1. หูชั้นนอก และช่องหู ประกอบด้วย ใบหู และช่องหู ส่วนนอกทำหน้าที่รวบรวมเสียงให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง และไปยังหูชั้นกลาง นอกจากนั้นยังเป็นส่วนป้องกันอันตราย จากสิ่งสกปรก น้ำ และสิ่งแปลกปลอมเข้าหูได้ด้วย
  2. หูชั้นกลาง ประกอบด้วย แก้วหู ช่องภายในบรรจุกระดูกเล็กๆ 3 ชั้น ได้แก่ กระดูกฆ้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน
  3. หูชั้นใน ประกอบด้วย ช่องทางและห้องที่สลับซับซ้อน อยู่ในกระโหลกศีรษะ อวัยวะรับการได้ยิน อวัยวะรับการเคลื่อนไหว ของศีรษะเวลาหัน

การได้ยินของมนุษย์แบ่งขั้นตอนออกได้เป็น 3 ส่วนคือ
  1. การนำเสียง ตั้งแต่หูชั้นนอกถึงหูชั้นกลาง
  2. การรับฟังเสียง ทำหน้าที่โดยหูชั้นในตั้งแต่ประสาท ที่อยู่ภายในอวัยวะรูปก้นหอย และเส้นประสาทรับฟังเสียง
  3. การแปลความหมาย เป็นหน้าที่ของสมองใหญ่ ที่จะรับและแปลความหมายของการได้ยิน

การบกพร่องหรือการสูญเสียการได้ยิน ถ้าแบ่งตามลักษณะ การทำงานในแต่ละส่วน ก็จะแบ่งได้ดังนี้

  1. การนำเสียงบกพร่อง เป็นผลจากโรคที่มีความผิดปกติ ของหูชั้นนอก และหูชั้นกลาง ทำให้มีความผิดปกติในการส่งผ่านคลื่นเสียง ไปสู่หูชั้นในสามารถแก้ไขด้วยทางยา หรือการผ่าตัด

  2. โรคประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง ความผิดปกติอยู่ที่หูชั้นใน หรือประสาทรับฟังเสียง จะได้ยินเสียงแต่ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้

  3. การรับฟังเสียงบกพร่องอย่างผสม เกิดจากความผิดปกติ ในระบบการนำเสียงร่วมกับประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง พบในโรคที่มีความพิการที่หูชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นในรวมกัน การรักษาโดยการผ่าตัดอาจจะช่วยได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด

  4. ความผิดปกติทางจิต อยู่ที่มีความผิดปกติของจิตใจ ต้องปรึกษาทางจิตเวชร่วมด้วย

  5. ความบกพร่องที่สมองส่วนกลาง เป็นความบกพร่องของสมอง โดยเฉพาะทำให้ผู้ป่วยได้ยินเสียง แต่ไม่สามารถแปลความหมายได้ และไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุทางสมอง หรือโรคหลอดเลือดในสมองแตก ตีบตัน เป็นต้น

ประชาชนจะให้ความสนใจไปในเรื่องของอุบัติเหตุและโรคหัวใจ กันมากมาย แต่ท่านทั้งหลายคงจะไม่ลืมว่า เรื่องของหู ก็มีความสำคัญอยู่เป็นอันมากในอันที่จะมีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ ได้เรียน ได้รู้ ได้รับฟัง ได้มีความสุขก็เพราะ 2 หูของเรานั้นได้ยินถ้อยคำ และเสียงประเภทต่างๆ อย่างชัดเจนและแม่นยำ แม้ว่าปัจจุบัน จะมีมลพิษของเสียงเข้ารบกวนระบบประสาทหูอยู่เป็นอันมาก ทำให้การได้ยินลดต่ำลงที่เรียกกันว่า หูตึง บางรายมีเสียงรบกวนในหู ซึ่งส่อแสดงว่าอาจจะเริ่มมีเส้นประสาทหูเสื่อมและบางราย ก็เริ่มสูญเสียการได้ยินจากสารพิษ จากเสียงดังมากๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการดำเนินอาชีพ หรือจากโรคต่างๆ ของหู จึงควรที่ท่านทั้งหลายจะได้ระมัดระวังไว้ด้วย สมควรที่ท่านจะได้ระบุ ให้ชัดเจนโดยรวม การตรวจสุขภาพหูและการได้ยิน เข้าไว้ในการตรวจสุขภาพประจำปีของทุก ๆ ท่านด้วย

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600