|
ถ้ามีผู้ถามว่า การที่สูญเสียการได้ยินที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระยะทารกแรกเกิด
จนกระทั่งถึงวัยผู้สูงอายุมีสาเหตุประการใดบ้าง ก็สามารถตอบได้
ตามที่ผู้ชำนาญการเรื่องหูได้แบ่งระยะตามอายุ และสาเหตุที่แตกต่างกันไว้ดังนี้
ระยะก่อนคลอด ระบบการได้ยินของหู
เริ่มพัฒนาตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นในระยะก่อนคลอด
หากมารดาติดเชื้อบางประเภท เช่น หัดเยอรมัน หนองใน ขาดสารไอโอดีน พิษจากยาบางประเภทที่แม่รับประทานหรือรับการฉีดในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมสูญเสียไปได้ โรคทางพันธุกรรมบางโรค
สามารถทำให้เกิดความผิดปกติในโครงสร้างของหูตั้งแต่กำเนิดได้
ระยะแรกเกิด เด็กที่คลอดก่อนกำหนด
หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ อาจมีความผิดปกติของระบบการได้ยินร่วมด้วย การคลอดที่ผิดปกติหากมีการขาดออกซิเจนระหว่างคลอด เด็กที่มีตัวเหลืองมากๆ และเป็นเวลานานก็ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อม รวมทั้งพิษจากการใช้ยา
ในเด็กระยะนี้ก็พบได้ แม้จะไม่มากนัก
ระยะหลังคลอดและวัยเด็ก ในประเทศไทยสาเหตุสำคัญ
ที่ทำให้หู้ผิดปกติ สูญเสียการได้ยินก็คือ การติดเชื้อเข้าสู่หูชั้นกลาง
และแตกออกเป็นหูน้ำหนวก อุบัติเหตุจากการเล่นจนแก้วหูทะลุ
มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู พิษจากยาบางประเภท
ในวัยผู้ใหญ่และสูงอายุ พิษภัยจากยาหลายประเภท
ก็ยังมีอิทธิพลต่อเส้นประสาทหูอยู่ การได้ยินเสียงดังมากผิดปกติในถานเริงรมย์
ในโรงงาน อุตสาหกรรม ในการประกอบอาชีพที่ต้องเจาะขุดด้วยเครื่องมือไฟฟ้า
ที่มีเสียงดัง ล้วนเป็นมลพิษทางเสียงที่ทำให้หูเสื่อมและการได้ยินลดลงได้ทั้งสิ้น นอกจากนั้นอุบิติเหตุ และความเสื่อมตามวัย ก็เป็นปัญหาอุปสรรค
กับการได้ยินของมนุษย์ด้วย
นอกจากนั้นในปัจจุบันพบว่า อาการที่มีของเหลวไหลจากหู
เป็นอีกเรื่องหนึ่งน่ารู้ เพราะพบอาการนี้เพิ่มมากขึ้น
และเป็นได้ในหลายๆ อายุ อาการของเหลวไหลจากหูอาจมีลักษณะแตกต่างกัน
และหากดูแลรักษาไม่ถูกต้อง ก็อาจนำมาซึ่งการสูญเสียการได้ยินของหู
เช่นเดียวกัน
ลักษณะของเหลวไหลออกหูมีได้ 4 ลักษณะดังนี้
- น้ำสีเหลือง มีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองเหนียวข้น
คล้ายมะขามเปียก ส่วนใหญ่คือขี้หู ถ้ามีจำนวนมาก และค้างอยู่นาน
จะจับกันเป็นก้อนแข็งอุดช่องหูทำให้หูอื้อ และปวดหูได้
- น้ำใส อาการแพ้จะทำให้มีการอักเสบของผิวหนังที่บุช่องหู
และมีน้ำใสๆ ในช่องหูได้หรืออาจจะเกิดจากน้ำไขสันหลังรั่วออกจากหู มักเกิดจากการแตกหักของกระดูกฐานกะโหลกศีรษะผ่านหูชั้นกลาง
และชั้นนอก มีการฉีกขาดของแก้วหูด้วย
- น้ำเลือด ส่วนใหญ่มักเกิดจากการบาดเจ็บของช่องหูชั้นนอก
หรือแก้วหู อาจมีประวัติมีของแหลมทิ่มแทงเข้าในรูหู ทำให้ผิวหนังที่บุช่องหู
หรือแก้วหูฉีกขาด บางรายเกิดจากถูกตบหรือถูกแรงดันกระแทกทำให้แก้วหูฉีกขาด
- น้ำหนอง ส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบของหูชั้นกลาง
ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
เพื่อให้เข้าใจลึกซึ่งทางด้ายกายภาพของหูและกลไกการได้ยินเสียง สมควรทบทวนความรู้สู่ประชาชนคือ
หูเป็นอวัยวะเดียวที่สามารถรับเสียง และนำเสียงไปสู่ปลายประสาท
เข้าสู่ระบบประสาท การได้ยิน นำไปสู่สมองเพื่อแปรผลของเสียงนั้นเป็นภาษา
เป็นวาจา เป็นความเข้าใจ เป็นความไพเราะหรือเป็นความระคายเคือง ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อจิตใจและอารมณ์พร้อมกันไปด้วย
ลักษณะของหูที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้
- หูชั้นนอก และช่องหู ประกอบด้วย ใบหู และช่องหู ส่วนนอกทำหน้าที่รวบรวมเสียงให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
และไปยังหูชั้นกลาง นอกจากนั้นยังเป็นส่วนป้องกันอันตราย
จากสิ่งสกปรก น้ำ และสิ่งแปลกปลอมเข้าหูได้ด้วย
- หูชั้นกลาง ประกอบด้วย แก้วหู ช่องภายในบรรจุกระดูกเล็กๆ
3 ชั้น ได้แก่ กระดูกฆ้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน
- หูชั้นใน ประกอบด้วย ช่องทางและห้องที่สลับซับซ้อน
อยู่ในกระโหลกศีรษะ อวัยวะรับการได้ยิน อวัยวะรับการเคลื่อนไหว
ของศีรษะเวลาหัน
การได้ยินของมนุษย์แบ่งขั้นตอนออกได้เป็น 3 ส่วนคือ
- การนำเสียง ตั้งแต่หูชั้นนอกถึงหูชั้นกลาง
- การรับฟังเสียง ทำหน้าที่โดยหูชั้นในตั้งแต่ประสาท
ที่อยู่ภายในอวัยวะรูปก้นหอย และเส้นประสาทรับฟังเสียง
- การแปลความหมาย เป็นหน้าที่ของสมองใหญ่
ที่จะรับและแปลความหมายของการได้ยิน
การบกพร่องหรือการสูญเสียการได้ยิน ถ้าแบ่งตามลักษณะ
การทำงานในแต่ละส่วน ก็จะแบ่งได้ดังนี้
- การนำเสียงบกพร่อง เป็นผลจากโรคที่มีความผิดปกติ
ของหูชั้นนอก และหูชั้นกลาง ทำให้มีความผิดปกติในการส่งผ่านคลื่นเสียง
ไปสู่หูชั้นในสามารถแก้ไขด้วยทางยา หรือการผ่าตัด
- โรคประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง ความผิดปกติอยู่ที่หูชั้นใน
หรือประสาทรับฟังเสียง จะได้ยินเสียงแต่ฟังไม่รู้เรื่อง
เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
- การรับฟังเสียงบกพร่องอย่างผสม เกิดจากความผิดปกติ
ในระบบการนำเสียงร่วมกับประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง
พบในโรคที่มีความพิการที่หูชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นในรวมกัน การรักษาโดยการผ่าตัดอาจจะช่วยได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด
- ความผิดปกติทางจิต อยู่ที่มีความผิดปกติของจิตใจ
ต้องปรึกษาทางจิตเวชร่วมด้วย
- ความบกพร่องที่สมองส่วนกลาง เป็นความบกพร่องของสมอง โดยเฉพาะทำให้ผู้ป่วยได้ยินเสียง แต่ไม่สามารถแปลความหมายได้ และไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุทางสมอง หรือโรคหลอดเลือดในสมองแตก ตีบตัน เป็นต้น
ประชาชนจะให้ความสนใจไปในเรื่องของอุบัติเหตุและโรคหัวใจ
กันมากมาย แต่ท่านทั้งหลายคงจะไม่ลืมว่า เรื่องของหู
ก็มีความสำคัญอยู่เป็นอันมากในอันที่จะมีชีวิตได้อย่างสมบูรณ์
ได้เรียน ได้รู้ ได้รับฟัง ได้มีความสุขก็เพราะ 2 หูของเรานั้นได้ยินถ้อยคำ
และเสียงประเภทต่างๆ อย่างชัดเจนและแม่นยำ แม้ว่าปัจจุบัน
จะมีมลพิษของเสียงเข้ารบกวนระบบประสาทหูอยู่เป็นอันมาก
ทำให้การได้ยินลดต่ำลงที่เรียกกันว่า หูตึง บางรายมีเสียงรบกวนในหู
ซึ่งส่อแสดงว่าอาจจะเริ่มมีเส้นประสาทหูเสื่อมและบางราย
ก็เริ่มสูญเสียการได้ยินจากสารพิษ จากเสียงดังมากๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะจากการดำเนินอาชีพ หรือจากโรคต่างๆ ของหู จึงควรที่ท่านทั้งหลายจะได้ระมัดระวังไว้ด้วย สมควรที่ท่านจะได้ระบุ
ให้ชัดเจนโดยรวม การตรวจสุขภาพหูและการได้ยิน
เข้าไว้ในการตรวจสุขภาพประจำปีของทุก ๆ ท่านด้วย
|