มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือhey.to/yimyam

[ คัดลอกจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2542]

ภาวะฉุกเฉินของหู

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


ภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพอนามัยอาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และเกิดได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ เกิดขึ้นได้กับทุกระบบของร่างกาย อาการบางอย่างป้องกันได้ บางอย่างก็ป้องกันยาก ส่วนใหญ่เกิดขึ้น โดยที่เราไม่รู้ล่วงหน้า แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วถ้าผู้ที่มีอาการ หรือผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุในขณะนั้น รู้จักให้ปฐมพยาบาล หรือช่วยเหลือเบื้องต้นถูกต้องก่อนนำส่งโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะมีโอกาส รอดปลอดภัยมาก เนื่องจากวัฒนธรรมของคนไทยเรายังมีความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุหรือผูป่วยฉุกเฉินกันอยู่มาก เห็นใครทุกข์ร้อนเจ็บปวดต่อหน้าต่อตาก็อดเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

ทุกคนจึงควรฝึกหรือหาความรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือตนเอง สมาชิกในครอบครัวหรือชุมชนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทางสุขภาพอนามัยไว้บ้าง ถ้าเป็นเหตุเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลเลย หรือในกรณีที่ต้องนำส่งโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือถูกต้อง ตามหลักการก็จะมีโอกาสหายได้เร็วขึ้น และเป็นการแบ่งเบา ภาระของเจ้าหน้าที่ทุกระดับด้วย

ภาวะฉุกเฉินทางหู

ใบหูฉีกขาด

มักมีสาเหตุจากอุบัติเหตุ เช่น รถมอเตอร์ไซค์ล้มใบหูครูดไปกับถนน ถูกตี ถูกฟันบริเวณใบหู ทำให้ผิวหนังถลอกเป็นแผลฉีกขาด

เลือดคั่งที่ใบหู

มักเกิดจากการกระแทก ถูกกดทับ หรืออาจเกิดขึ้นเอง จะมีเลือดหรือน้ำเหลือง ซึ่งอยู่ระหว่างชั้นของกระดูกอ่อน และผิวหนังของใบหูทำให้หูบวม คลำดูจะนิ่ม มีน้ำขัง มีสีคล้ำ

การอักเสบของเยื่อหุ้มกระดูกอ่อนหรือกระดูกอ่อนของใบหู มักจะเกิดตามหลังการฉีกขาด หรือมีเลือดคั่งที่ใบหู พบว่า ใบหูแดงหนา รูปร่างใบหูผิดปกติ อาจมีอาการปวด เป็นหนอง ถ้ามีการอักเสบถึงกระดูกอ่อน จะทำให้กระดูกอ่อนละลาย เมื่อหายแล้วใบหูจะหงิกงอ เสียรูปร่าง การมีบาดแผลบริเวณใบหู ปัญหาทั้งหมดนี้ควรได้รับการรักษาทันที โดยการนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

สิ่งแปลกปลอมเข้าหู

แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

1. สิ่งมีชีวิตเข้าหู เช่น ยุง มด หมัด เห็บ แมลงต่างๆ

อาการ จะรู้สึกรำคาญ หงุดหงิด ถ้าเป็นเด็กเล็ก จะร้องไห้โยเย ถ้าแมลงเคลื่อนไหวคลานอยู่ในหูหรือกัดจะรู้สึกเจ็บ บางรายเจ็บมากทุรนทุราย

การช่วยเหลือ
  1. ใช้น้ำสะอาดหยอดเข้าไปในหูจนเต็ม เพื่อให้แมลงลอยตัวขึ้นมา ถ้ามีประวัติว่าแก้วหูทะลุ หรือเป็นหูน้ำหนวก ห้ามหยอดน้ำเข้าไป เพราะจะทำให้อักเสบได้
  2. ถ้าใช้นำหยอดแล้วยังไม่ออก โดยเฉพาะพวกมด หมัด หรือเห็บ ซึ่งจะเกาะแน่นต้องตะแคงให้น้ำไหลออกจนหมด แล้วหยอดด้วย แอลกอฮอล์ 70% หรืออีเทอร์ เพื่อให้แมลงตาย
  3. ในกรณีที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรืออีเทอร์อาจใช้น้ำมันมะกอกหยอดแทน เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงเกาะหรือกัดแก้วหูแล้วนำส่งโรงพยาบาล ถ้าปวดหูมากให้กินยาแก้ปวดก่อนนำส่ง

ข้อควรระวัง

  1. ห้ามใช้ยาปราบศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงหยอดหู เพราะยาเหล่านี้ จะทำลายเนื้อเยื่อภายในหูได้
  2. อย่าพยายามแคะออกเองเพราะการแคะโดยไม่มีความชำนาญ จะทำให้เกิดอันตราย แก้วหูทะลุหรืออักเสบตามมาได้

2. สิ่งไม่มีชีวิตเข้าหู ส่วนใหญ่จะพบในเด็กเล็ก ที่หยิบสิ่งของต่างๆ ใกล้ตัวใส่เข้าไป เช่น ก้อนหิน ก้อนดิน ดิน น้ำมัน ยางลบ กระดุม ลูกแก้ว เมล็ดพืช กระดาษ เป็นต้น ในผู้ใหญ่จะพบสำลี ขน นก (ใช้ปั่นหู) และน้ำเข้าหู

อาการ สิ่งที่เข้าไปในหู ถ้าเป็นชิ้นเล็กๆ อาจจะไม่มีอาการให้เห็นชัด แต่ถ้าเป็นชิ้นใหญ่จะเกิดความรำคาญ หูอื้อ เจ็บหู หูอักเสบ มีหนองหรือเลือดไหล
การช่วยเหลือ วัสดุต่างๆ ที่เข้าหู ถ้าสามารถมองเห็นได้ ให้ค่อยๆ เขี่ยออกหรือคีบออก ถ้าอยู่ลึกไม่ควรเขี่ยออกหรือคีบออก ถ้าเป็นน้ำเข้าหูมักจะมีอาการหูอื้อทันที แก้ไขโดยหยอดน้ำเข้าไปในหู รวมกับน้ำที่ค้างอยู่ แล้วตะแคงหูให้น้ำออก ถ้ารู้สึกว่ายังออกไม่หมด ควรไปโรงพยาบาลเพื่อจะใช้เครื่องมือดูดน้ำออก

หูอื้อจากการเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ

ส่วนใหญ่เกิดจากนั่งเครื่องบินที่ร่อนลงมาอย่างรวดเร็ว อาจมีเลือดออกในหูชั้นกลาง ผู้ป่วยจะมีอาการหูอื้อ ปวดหูมาก

การป้องกัน อมลูกกวาดกลืนบ่อยๆ ถ้ามีอาการปวดหูให้กินยาแก้ปวด

การสูญเสียการได้ยินอย่างเฉียบพลัน

การสูญเสียการได้ยินอย่างเฉียบพลันที่จะกล่าวถึง เป็นการสูญเสียการได้ยินชนิดประสาทหูเสื่อม

สาเหตุ ส่วนมากไม่ทราบสาเหตุแน่นอน แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดจาก

  1. การอักเสบของหูชั้นใน จากการติดเชื้อไวรัส เช่น เกิดภายหลังเป็นไข้หวัด หัดเยอรมัน คางทูม หรือเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซิฟิลิส
  2. หูชั้นในขาดเลือด จากการอักเสบของเส้นเลือด เส้นเลือดอุดตัน
  3. การรั่วของน้ำในหูชั้นใน
  4. ได้รับเสียงดังมาก ๆ ทันที เช่น เสียงระเบิด เสียงฟ้าผ่า
  5. พิษบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ควินิน แอสไพริน ยาปฏิชีวนะ
  6. จากเนื้องอกของประสาทสมองคู่ที่ 8 พบได้น้อย

อาการ ผู้ป่วยสูญเสียการได้ยินทันที อาจเกิดจากข้างเคียงหรือสองข้างส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้าง บางคนอาจมีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน และมีเสียงดังในหูร่วมด้วย

การช่วยเหลือ ถ้าเกิดจากการใช้ยาให้หยุดยา ระวังหกล้มจากการเวียนศีรษะ รีบนำผู้ป่วยไปรับการตรวจโดยละเอียด จากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่นอน

ความรู้อันมีประโยชน์ทั้งหมดนี้ได้จาก งานอบรมด้านสุขภาพอนามัย สำหรับประชาชน ครั้งที่ 195 แผนกป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดการเผยแพร่ความรู้สำหรับประชาชน

นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600