|
เมื่อพูดถึงภาวะฉุกเฉินอันจะก่อภยันตรายต่อร่างกาย
หลายคนคงนึกถึงอุบัติเหตุรุนแรง หรือโรคภัยไข้เจ็บฉุกเฉิน เช่น
เส้นโลหิตสมองแตก หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น แต่ภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แม้จะพบได้ไม่มากนัก แต่ถ้าประชาชนมีความรู้และความสามารถดูแลตนเองและครอบครัว
ได้อย่างฉับพลันก็อาจจะสามารถผ่อนหนักเป็นเบา หรือสามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภาวะฉุกเฉินเหล่านี้ได้
ภาวะฉุกเฉินทางจมูก
สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ส่วนใหญ่มักจะพบในเด็ก
โดยเฉพาะในเด็กชั้นอนุบาล ชั้นประถมศึกษา เด็กปัญญาอ่อน
สิ่งแปลกปลอมที่พบบ่อยๆ ได้แก่ เมล็ดผลไม้ กระดุม ยางลบ
ก้อนกรวด ของเล่นชิ้นเล็กๆ เป็นต้น
อาการ ในระยะแรกเด็กจะเริ่มคัดจมูก
มีน้ำมูกใสๆ ไหล ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ
มักเป็นข้างเดียว มีกลิ่นเหม็นบางครั้งมีเลือดออก ถ้าวัสดุนั้นน้ำซึมเข้าไปได้
เช่น เมล็ดพืช วัตถุนั้นจะพองขึ้นทำให้เห็นจมูกบวมข้างเดียว
การช่วยเหลือ ผู้ปกครองถามเด็กดูว่า
สิ่งแปลกปลอมคืออะไร ถ้าเป็นเศษกระดาษ สำลีสามารถคีบออกได้
ก็คีบออกหรือให้เด็กลองสั่งออกเอง ถ้าเด็กไม่ให้ความร่วมมือ
ควรนำส่งโรงพยาบาล ไม่ควรพยายามบังคับเด็ก
เพราะอาจจะทำให้เกิดบาดแผล หรือวัตถุแปลกปลอม
หลุดตกลงหลอดลมได้
เลือดกำเดาไหล
สาเหตุ เกิดจากการกระทบกระเทือนต่อจมูก
เช่น แคะจมูก ถูกกระแทกบริเวณจมูกแรงๆ สั่งน้ำมูกแรงๆ
จากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก การอักเสบของจมูก มีการฉีกขาด
ของเส้นเลือดภายในจมูก เกิดจากความแห้งของอากาศ
ทำให้จมูกแห้งเลือดออกได้ง่าย เกิดจากโรคอื่นๆ เช่น
โรคเลือดทำให้เส้นเลือดแตกง่าย เนื้องอกของเส้นเลือด มะเร็งหลังจมูก
มะเร็งของจมูก และไซนัส
อาการ มีเลือดออกจากจมูก บางรายปวดจมูก
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ บางรายมีประวัติเลือดออกมาก หน้าซีด ไม่รู้สึกตัว
การช่วยเหลือ
- พยายามดูแลอย่าให้ผู้ป่วยตกใจ เพราะเวลาตกใจ
จะทำให้ความดันเลือดสูง เลือดจะออกมากขึ้น
- ให้ผู้ป่วยนั่งก้มหน้าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เลือดไหลลงคอ
(ไม่ควรนอนหงายหรือแหงนหน้า)
- บีบจมูกให้แน่น 5-8 นาที (ไม่ปล่อยมือเลย)
- ถ้าเลือดออกไม่มากใช้สำลีแห้งสอดเข้าไปในจมูกข้างที่เลือดออก แล้วบีบจมูกให้แน่นโดยไม่ปล่อยมือ 8-10 นาที เพื่อให้เลือดหยุด
และทำให้ผู้ป่วยหายใจทางปาก
- วางกระเป๋าน้ำแข็งบริเวณจมูก
- ถ้าเลือดไม่หยุดควรนำส่งรงพยาบาล
ภาวะฉุกเฉินของคอ
วัตถุแปลกปลอมติดคอ เช่น ก้างปลา กระดูก ไม้กลัด เข็ม
เปลือกปู เหรียญต่างๆ ฟันปลอม เป็นต้น บริเวณที่ติดอาจจะเป็นโคนลิ้น
ต่อมทอนซิล ผนังคอ
อาการ เจ็บคอทุกครั้งที่กลืน ผู้ป่วยสามารถชี้จุดเจ็บได้ ถ้าอาการเจ็บไม่แน่นอนสิ่งแปลกปลอมอาจจะหลุดไปแล้ว
การช่วยเหลือเบื้องต้น
- ดื่มน้ำเต็มอึกหรือกลืนข้าวเต็มคำ สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ตื้นๆ
อาจจะหลุดไปได้
- ให้ผู้ป่วยอ้าปาก ส่องไฟดูตรงจุดที่ผู้ป่วยชี้ ถ้ามองเห็น
ให้ใช้คีมทำแผลคีบออก ถ้าเอาออกไม่ได้ให้นำส่งโรงพยาบาล ห้ามล้วงหรือใช้นิ้วคลำเพราะจะทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ และบวม
การช่วยเหลือเด็กวัยขวบปีแรก จับเด็กคว่ำหน้าวางบนเข่า มือประคองหน้าอกและคางเด็กให้ศีรษะต่ำกว่าลำตัว ใช้ฝ่ามืออีกข้าง
กระแทกกลางหลังช่วงสะบักเร็วๆ 4-5 ครั้ง ติดต่อกัน ตรวจดูในปาก
ถ้ามีอะไรอยู่ในปากให้เอาออก หรือจับเด็กนอนหงายบนตัก
ให้ศีรษะต่ำกว่าลำตัวอยู่ระหว่างเข่าทั้งสองข้าง ใช้ปลายนิ้ว 2-3 นิ้ว
กระทุ้งเร็วๆ กลางหน้าอก 4-5 ครั้ง ถ้ายังไม่ออกให้ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
เด็กโต (อายุ 1-7 ขวบ) จับตัวเด็กคว่ำหน้าท้องพาดบนเข่า
ข้างใดข้างหนึ่ง ห้อยหัวต่ำ ใช้ฝ่ามืออีกข้างกระแทกด้านหลังเร็วๆ
4-5 ครั้งติดต่อกัน ถ้าเด็กโตให้ใช้วิธีแบบผู้ใหญ่ได้
การป้องกัน
- ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ขบเคี้ยวถั่วลิสง น้อยหน่า ละมุด ผลไม้ที่มีเมล็ดไม่ได้แกะเมล็ดออกโอกาสจะหลุดเข้าไปในคอมีมาก
- ผู้ที่ใช้ฟันปลอม ควรระมัดระวังฟันปลอมชนิดที่หลุดและแตกได้ง่า
จะหลุดเข้าไปในคอ
- ไม่ควรให้เด็กเล็กๆ เล่นกระดุม เข็มกลัด เมล็ดน้อยหน่า
หรือของเล่นชิ้นเล็กๆ ที่พอจะเข้าปากได้ เพราะเด็กมักจะหยับเข้าปาก
- ขณะรับประทานอาหาร ควรเคี้ยวช้าๆ ไม่หัวเราะขณะมีอาหารอยู่ในปาก
- เมื่อเห็นเด็กอมหรือเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าปาก อย่าดุ
หรือทำให้เด็กตกใจร้องไห้ เพราะจะทำให้เกิดสำลักเอาสิ่งแปลกปลอม
หลุดเข้าไปในคอด้วย ควรพูดกับเด็กหรือหลอกล่อให้คายออกมา
ฝีรอบต่อมทอนซิล
ฝีรอบต่อมทอนซิลเป็นการอักเสบของต่อมทอนซิล
ที่มีอาการปวดอย่างรุนแรง ต้องได้รับการรักษาอย่างรีบด่วน
สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้ออย่างรุนแรง
ของเนื้อเยื่อรอบๆ ต่อมทอนซิลจากเชื้อแบคทีเรีย
อาการ มีอาการเจ็บคอ มีไข้มา 2-3 วัน เจ็บคอมาก
อ้าปากไม่ขึ้น ปวดร้าวไปที่หู กลืนอาหารไม่ได้ อ่อนเพลีย มีไข้สูง
พูดไม่ชัด เมื่อตรวจดูในคอจะพบว่า ต่อมทอนซิลโตมากข้างเดียว ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรล่างบวม กดเจ็บ
การช่วยเหลือเบื้องต้น
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟัน โดยกลั้วปาด้วยน้ำยาบ้วนปาก
- ดื่มน้ำบ่อย ๆ กินยาแก้ปวดชนิดน้ำเชื่อมทุก 4-6 ชั่วโมง
- ไปพบแพทย์เพื่อตรวจการรักษาต่อไป
ภาวะฉุกเฉินบางประการของหูน้ำหนวกเรื้องรัง
โรคหูน้ำหนวกซึ่งเป็นนานๆ อาจจะลุกลามไปสู่อวัยวะข้างเคียง
และเกิดอันตรายได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการรักษารีบด่วน ได้แก่
- เป็นฝีหลังใบหู
- เป็นอัมพาตของใบหน้า
- หูชั้นในอักเสบจะมีอาการเวียนศีรษะอย่างมาก คลื่นไส้ อาเจียน
มีเสียงดังในหู และการได้ยินเสียไป
- มีการติดเชื้อเข้าไปสู่สมอง ซึ่งอาจเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เส้นเลือดในสมองอักเสบ เป็นฝีในสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง
ปวดศีรษะมาก คอแข็ง ตาโปน เยื่อบุตาบวม เห็นภาพซ้อน ตามัว คลื่นไส้
อาเจียน ชักกระตุก ซึม ไม่รู้สึกตัว พูดไม่ได้
ถ้าพบอาการดังกล่าวให้รีบนำส่งโรงพยาบาล
|