|
มีแม่คนหนึ่งรำพึงรำพันหลังลูกคลอดได้แค่อาทิตย์เดียวว่า กลัวลูกจะตาบอดเพราะเห็นมองไปเรื่อย ๆ
เรื่องความกังวลของแม่เป็นปกติธรรมดา ใครบ้างไม่ห่วงลูก
ก็อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน ย่อมรักและผูกพันอยากให้ลูกรักมีอะไรพร้อม โดยเฉพาะตาถ้าบอดเมื่อไรลูกคงเสียใจเมื่อโตขึ้น แต่แม่คงน้ำตานองหน้าอยู่เรื่อย
เรื่องลูกจะเป็นอย่างไรคงจะไม่มีใครรู้ดีเท่ากับผู้เชี่ยวชาญ
ด้านจักษุแพทย์ ศาสตราจารย์อลิสแตร์ ฟิลเดอร์ (Alistair Fielder)
แห่งคณะแพทย์ศาสตร์ วิทยาลัยอิมพีเรียล บอกว่า
" 9 เดือนถึง 1 ปี สมองเด็กจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ตาจึงพัฒนาเร็วไปด้วย แต่ตากับมือไม่ค่อยประสานงานกันเท่าไร จับอะไรจึงยากและในไม่กี่อาทิตย์แรกตาก็พอมองอะไรเห็น
พออายุ 6 เดือน ก็ดูภาพต่าง ๆ ได้ "
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเด็กจะเห็นอะไรได้ตั้งแต่เมื่อไร เรื่องการเห็นของเด็กพูดแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่า เด็กเห็นตั้งแต่ยังไม่เกิด
หลายคนบอกว่าอมยามาพูดก็ยังไม่เชื่อ ผู้เชี่ยวชาญจักษุแพทย์กล่าวว่า
"ก่อนอาทิตย์ที่ 12 เด็กก็เริ่มรู้อะไรเป็นอะไรแม้ตาจะไม่เปิดก็ตาม
ตาจะเปิดในสัปดาห์ที่ 5 สมองจะประสานกับตาและตานี่แหละ
เป็นส่วนช่วยให้สมองพัฒนาเป็นครั้งแรก และเวลาเด็กเห็นแสง
ก็จะทำให้เห็นภาพ ซึ่งก็เป็นเรื่องของสมองที่มีส่วนทำให้เห็นอย่างนั้น "
เด็กในท้องจึงเห็นภาพได้ แต่อาจจะไม่ใช่ภาพอย่างที่เราเห็น
เมื่อมีแสงเข้าไป...ไม่เชื่อตามไปต่อว่าผู้เชี่ยวชาญกันเอาเอง
...ตอนคลอด...
กว่าจะคลอดออกมาจากท้องแม่เด็กแต่ละคนเหนื่อยพอๆ กับแม่
เพราะกว่าจะผ่านช่องคลอดมาได้ก็มีการเจ็บตัวกันไปบ้าง เด็กจึงอาจจะตาเขียวช้ำหรือมีเลือดคั่งตาไปบ้าง แต่ไม่ต้องตกใจ
ตาจะเป็นปกติภายในไม่กี่อาทิตย์
เด็กบางคนก็ออกมาตาปิดเต็มไปด้วยน้ำคร่ำ จึงต้องทำความสะอาดกัน
จะได้เปิดตาได้
วิธีทำความสะอาดต้องใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มที่เย็นแล้วเช็ดตา
ตาแต่ละข้างต้องเช็ดอย่างเบาๆ ห้ามถูแรงๆ รวมทั้งต้องใช้สำลีสำหรับเช็ดตา
แต่ละข้างห้ามใช้สำลีอันเดียวกันเพราะอาจมีเชื้อโรคอาจจะติดตาทั้งสองข้าง
และถ้าพาลูกมาเลี้ยงเองที่บ้าน แล้วตามีปัญหาอาจจะมีขี้ตาจนลืมตาไม่ขึ้น ก็ใช้สำลีจุ่มน้ำต้มที่เย็นหรืออุ่นๆ แล้วเช็ดตาอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
ถ้าเช็ดแล้วยังไม่สะอาดหรือมีปัญหาอย่าได้เช็ดต่อไปเป็นอันขาด
ควรพาลูกไปหาแพทย์
...2 เดือนแรก...
ช่วงนี้เด็กจะใช้ตา แต่ประสาทสัมผัสจะไม่เกี่ยวกับสัมผัสอื่นๆ
เช่น จะจับอะไรโดยไม่มองได้ หรือดูโดยไม่ต้องมอง เด็กจะมองของ
แต่คว้าเร็วเกินไปเลยพลาดไปบ้าง เรียกว่า ตากับมือไม่ประสานกัน
วิธีการช่วยเด็ก คือต้องอุ้มเด็กให้ดูอะไรในมุมต่างๆ แกจะได้คำนวณถูก
และควรให้ของเล่นสีสดใส
คนโบราณใช้ปลาตะเพียนตัวเล็กตัวใหญ่ห้อยบนกลางเปล
หรือเตียงจึงเป็นความชาญฉลาดของคนโบราณเป็นอย่างยิ่ง
เพราะสีสดใสสวยงามไม่พอ ยังเคลื่อนไหวได้ ทารกจะดูเพลิน
แล้วยังมีสีต่างๆ เข้ากันอย่างสวยงามทำให้สังเกตง่าย ตัวก็มีให้เลือก
ตั้งแต่เล็กไปหาใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า ถ้าแขวนของเล่นสีสดๆ ไหวได้ให้ทารกดู
จะช่วยให้พัฒนาสายตาดีขึ้น แต่ที่ชอบมากที่สุด คือ "หน้า"
และหน้าที่เป็นขวัญใจคงไม่มีใครเกินหน้า "แม่" หรือคนที่เลี้ยงดู
นักวิจัยชาวอเมริกันทดสอบเรื่องหน้าโดยใช้การทดสอบดูด (นม) เพื่อดูว่าจะจำหน้าแม่เร็วได้แค่ไหน
วิธีการเอาหุ่นมาให้นมแทนแม่แต่ฉายภาพแม่ในคอมพิวเตอร์
และเอาหน้าผู้หญิงคนอื่นคล้ายๆ แม่มาฉายให้ดูด้วย ปรากฏว่า
เด็กจะแยกออกว่าคนไหนแม่คนไหนไม่ใช่แม่ ถ้าเป็นแม่เด็กจะดูดนมถี่ๆ มากกว่าหน้าที่เป็นผู้หญิงคนอื่น แสดงว่าทารกรู้เท่าทันผู้ใหญ่แม้อายุแค่
2 เดือน แต่สายตาของเด็กสามารถแยกได้ว่าคนไหนที่จะมาหลอกแก
...2 - 6 เดือน...
เด็กเริ่มมีประสาทสัมผัสดีขึ้น เช่น ถ้าให้เด็กถือของเล่นมีเสียง
เด็กจะหันไปดูตามเสียงซึ่งแปลว่า "มือกับตาเริ่มประสานกัน" และพอเด็กเห็นมือของตัวเองแกจะดูแล้วดูอีกด้วยความฉงนเป็นชั่วโมงๆ
นอกจากนี้ทารกวัยนี้จะชอบตีเพราะฉะนั้นการแขวนของเล่นไว้
จึงเป็นสิ่งที่ดี แกจะได้คว้าหรือจับได้ รวมทั้งแกจะได้คำนวณว่า
ของเล่นใกล้ไกลแค่ไหนที่จะจับได้ถูก ซึ่งสำหรับทารกก็ยุ่งยากพอควร
เริ่มด้วยดูมือ แล้วก็ดูของเล่น ช่วงนี้จึงเหมาะจะช่วยทารก
ให้เรียนรู้เร็วขึ้น ถ้าให้ของเล่นที่ช่วยเพิ่มทักษะ เช่น ให้ดูกระจก
ที่แขวนไว้ข้างฝาก แม้ทารกจะไม่รู้ว่าเป็นตัวของแกเอง แต่ทารกจะพอใจที่เห็นเด็กในกระจกยิ้มให้แก
หลังจากนั้นทารกจะค่อยๆ มีการพัฒนาด้านสายตาและมือได้ดีขึ้น
แบบประสานกันได้ดีเห็นก็จับได้ ตบได้ (ผู้ใหญ่เจ็บหน่อยนะ)
ทารกยังชอบของเล่นรูปแบบต่างๆ และสีสันสดใส สายตาก็ดีขึ้น
ไม่ว่าใกล้หรือไกลก็รู้ ถ้าไกลก็จ้องไม่วางตาขณะที่ของอะไรที่เคลื่อนไหวได้
ใกล้ๆ จะดู ยิ่งของที่เคลื่อนไหวเร็วๆ อยากจับอยากต้อง อยากตี
...6 เดือนขึ้นไป...
ทารก 6-9 เดือน จะมีการพัฒนาดีขึ้นที่สำคัญๆ หลายด้าน เช่น แม้ทารกจะมองไม่เห็นอะไรก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีของนั้น
หากทารกทำของตกแกจะมองหาว่าหายไปไหน ทารกคลานได้
แกจะไปหาของเองไม่รอให้ใครหยิบของเล่นมาให้
ควรสอนให้รู้จักของเล่น
ถ้าทารกรู้จักของเล่นต่างๆ ควรจะสอนแกว่าของสิ่งนั้นคืออะไร ทารกจะได้ฝึกใช้ศัพท์ร่วมกับของเล่น โดยเฉพาะเด็กวัย 6-9 เดือนขึ้นไป
แกจะเรียนจากการเฝ้าดู เราจึงควรใช้ดินสอลากเส้นให้ทารกดู
แล้วให้ดินสอแกสักแท่ง ไม่ว่าแกจะเขียนอย่างไรบนกระดาษหรือกระดาน
ก็อย่าไปว่าหรือดุแก แม้จะดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร หรือสอนทารก
ให้ดูภาพสวยๆ ยิ่งเป็นภาพสัตว์ที่เหมือนของจริงทารกจะได้คุ้นเคย และเมื่อพาไปดูของจริงทารกจะได้รู้และจำสัตว์ได้
หากเราช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้มากเท่าไร ทารกจะมีโอกาสพัฒนาสายตาได้มากขึ้นเท่านั้น
อย่าลืมดวงตาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต ถ้าเอาใจใส่และดูแลทารกตัวน้อยๆ ให้แกสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปกติสุข แกจะสามารถพัฒนาสายตา
ได้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ และจะได้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเป็นโรคเกี่ยวกับตา การหาลูกไปพาแพทย์ผู้ชำนาญโรคเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ทารกวัยไม่ถึงขวบยังเล็กนักความรักความเอาใจใส่ของผู้ใหญ่
เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะ "แม่" และ "พ่อ"
|