ในช่วงที่มีฝนตกเกือบทุกภูมิภาคของประเทศ บางจังหวัด
มีน้ำท่วมขังตามท้องถนนและบ้านเรือน นำความเดือดร้อน
แก่ผู้สัญจรไปมา ตลอดจนประชาชนเจ้าของบ้านเรือน ด้วยเหตุที่
ฝนตกก่อให้เกิดความชื้นแฉะทั่วๆ ไป ทำให้เชื้อไวรัสบางตัว
เจริญงอกงามก่อโรคแก่พวกเราขึ้น หนึ่งในโรคจากเชื้อไวรัส
ที่มักเกิดในหน้าฝนก็คือ ไวรัสที่ก่อให้เกิดตาแดง
อาจเรียกว่า โรคตาแดงระบาด ตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่า
Eepidermic Hemorrhagic Conjunctivitis เชื้อโรคนี้มีคนในโลก
เคยเป็นมาแล้วมากกว่าหลายร้อยล้านคน
- ตาแดงเกิดจากเชื้อไวรัส เป็นเชื้อต้นเหตุของโรคนี้
-
มีการตรวจพบเชื้อไวรัสหลายตัวด้วย กันประมาณกันว่า
2-4 ตัว ทั้ง 4 ตัวให้อาการของโรคคล้ายคลึงกัน อาศัยอาการมิอาจบอกได้ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสตัวไหน
เป็นข้ออธิบายว่า ทำไมเป็นโรคตาแดงชนิดนี้แล้วเป็นได้อีก
หรือทำไมจึงไม่มีภูมิคุ้มกันดังเช่น โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสตัวอื่น
ตัวอย่างเช่นเป็นโรคหัด หรืออีสุกอีใสในตอนเด็ก
คนนั้นจะไม่เป็นโรคอีกเลยตลอดชีวิต แต่โรคตาแดงระบาด
คนเป็นทุกครั้งที่มีการระบาด อาจจะเนื่องจากภูมิต้านทานหลังเป็นโรคนี้
จะไม่อยู่นานหรือ เป็นจากเชื้อไวรัสคนละตัวกัน
-
อาการเป็นอย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้
- ผู้ป่วยโรคนี้จะมาด้วยตาแดงฉับพลัน เคืองตาคล้ายๆ มีผงอยู่ในตา
ตาบวม น้ำตาไหล เวลาการเกิดโรคอาจจะเร็วภายใน 24 ชั่วโมง
หลังการได้รับเชื้อ บางคนที่เป็นรุนแรงจะมีอาการปวดกระบอกตาร่วมด้วย
มักเป็นข้างเดียวก่อน และอาจลามมาอีกข้างในวันเดียวกัน
ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียเข้าผสมโรง จะทำให้มีขี้ตาออกตลอดเวลา
ตามด้วยมีจุดเลือดออกที่เยื่อบุตา เป็นจุดเล็กๆ หลายๆ จุด
ซึ่งนานเข้าจะรวมกันเป็นปื้นแดงใต้เยื่อบุตา เป็นเหตุให้น้ำตาที่ไหลออกมา
มีสีแดงคล้ายๆ น้ำล้างเนื้อ หรือแดงเข้มขึ้นทำให้ผู้ป่วยมักจะตกใจ
เข้าใจว่ามีเลือดไหลออกจากตา
อาการของผู้ป่วย
โดยทั่วไปเมื่อเกิดการอักเสบของเยื่อบุตา
จะหายภายใน 4-6 วัน แต่อาการตาแดง ที่เกิดจากการอักเสบ
จากเยื่อบุตาจะค่อยๆ จางในเวลาต่อมา ผู้ป่วยบางคน
อาจมีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด มีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองหน้าหูร่วมด้วย
บางคนมีอาการอยู่ 3-4 วันหาย ผู้ป่วยบางคนโรคตาแดงจะลามเข้าตาดำ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองมากขึ้น ตาสู้แสงไม่ได้ เจ็บปวดมากขึ้น
ทำให้เป็นโรคนานกว่า 8 วันได้ แต่โดยทั่วไปประมาณไม่เกิน 10-14 วัน จะหายโดยไม่มีอาการอะไรหลงเหลือ ถ้าเกิน 10-14 วัน
ยังมีอาการ ควรสงสัยว่ามีโรคแทรกซ้อน มีอาการอักเสบของตาดำมากขึ้น
ควรปรึกษาจักษุแพทย์
หากมีผู้ป่วยในบ้าน หรือบุคคลใกล้เคียง เช่น เพื่อนที่โรงเรียน
ที่ทำงาน เพื่อนบ้าน กำลังเป็นโรคนี้ ซึ่งสังเกตเห็นได้ว่าตาแดง
น้ำตาเยิ้ม แล้วเราก็มีอาการระคายเคืองตา เจ็บตา
ก็ให้สงสัยว่าตัวเองจะติดโรคนี้แล้ว
-
แม้ว่าโรคนี้ จะไม่ทำให้เกิดผลเสียอะไรมากนัก
- แต่เนื่องจากการระบาดเป็นไปอยางรวดเร็ว ผู้เป็น
จะมีอาการระคายเคือง ทำงานไม่ได้เต็มที่บั่นทอนเศรษฐกิจโดยรวม จึงควรจะสะกัดกั้นมิให้โรคลุกลามไป
โดยแยกผู้ป่วย
ที่เป็นโรคออกจากชุมชน เช่น นักเรียนก็ควรให้หยุดโรงเรียน โดยเฉพาะนักเรียนประจำด้วยการกลับบ้าน หลายๆ ปี ที่ผ่านมาที่จำได้มีนักเรียนประจำในโรงเรียนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง มีโรคนี้ระบาดถึงต้องปิดโรงเรียนเพื่อสกัดกั้นโรคนี้ คนทำงานก็ควรหยุดงาน ทหารในกรมกองก็ควรแยกตัวให้อยู่บ้าน ผู้เป็นโรคนี้
ควรหลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำ ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
หากมีอาการเคืองน้ำตาไหลใช้กระดาษซับและทิ้งลงถังขยะ
คุณแม่ที่ต้องหยอดยาให้ลูก ควรล้างมือทุกครั้งหลังหยอดยาให้ผู้ป่วย ไม่ควรนำยาหยอดของคนที่เป็นมาหยอด โดยหวังว่า
จะป้องกันโรคได้ โดยความเป็นจริงก็คือ ไม่มียาที่จะป้องกันโรคนี้ การใช้ยาหยอดตาของคนเป็นโรคอาจทำให้เราเป็นโรคได้
การติดโรคเป็นโดยสัมผัสเชื้อโดยตรงและเชื้อจะอยู่ในน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วย
- เคยมีรายงานว่าประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีโรคนี้ระบาด
- พบผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศในช่วงเวลา 2 เดือน
เรียกว่า มีการระบาดอย่างรุนแรง บั่นทอนเศรษฐกิจของชาติโดยรวม จึงควรอย่างยิ่งที่เรามาช่วยกันจำกัดมิให้โรคระบาดมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานในต่างประเทศที่ด้อยพัฒนาเมื่อมีโรคนี้นะบาด
ชาวบ้านในชนบทซึ่งมีความเชื่ออย่างผิดๆ ใช้ปัสสาวะหยอดตา
ทำให้เกิดโรคหนองในอักเสบภายในดวงตา รุนแรงกว่าโรคที่เกิดจากไวรัสหลายเท่า
ประเทศเราคงไม่มีความเชื่อผิดๆ อย่างนี้ มีบ้างที่เชื่อว่า
ใช้กระชาย ก้านกระเทียม ใช้น้ำนมหยอด ซึ่งก็ไม่ควรทำเช่นกัน
ท้ายสุดที่โรคตาแดงระบาดนี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะหาย
โดยไม่มีโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ก็มีรายงานประชากร
ในประเทศอินเดีย ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศไทย
ที่ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการระบาด ของโรคทางระบบประสาทคล้ายๆ โรคโปลิโอร่วมด้วย