|
ปัจจุบันมีการเปลี่ยนอวัยวะได้หลายๆ อย่าง ได้แก่ หัวใจ ปอด
ตับ ไต อวัยวะที่มีการเปลี่ยนมานานสุด หรืออวัยวะผู้ป่วยที่เปลี่ยน
เป็นผลสำเร็จ ตลอดจนเป็นอวัยวะที่เปลี่ยนกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นตา
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เปลี่ยนดวงตานั้นมิใช่
เปลี่ยนดวงตาทั้งดวง แต่เป็นการเปลี่ยนเพียงกระจกตา หรือที่ชาวบ้าน
เรียกกันว่า ตาดำเท่านั้น อันที่จริงกระจกตา
เป็นส่วนที่ใสไม่มีสี แต่เนื่องจากรอบม่านตาซึ่งมีสีดำออกน้ำตาลในเมืองไทย
(ออกสีเทาอมฟ้าในฝรั่ง) จึงทำให้เข้าใจว่า กระจกตาเป็นสีดำ จึงเรียกกันว่า
ตาดำ ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นส่วนของตาที่มีสีดำ คำที่ถูกต้องน่าจะมาจาก
กระจกตา หรืออาจจะเปรียบเทียบคล้ายหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ผิวด้านหน้า
เป็นพลาสติกหรือกระจกใสวางทาบบนเข็มนาฬิกา ตลอดจนตัวเลขบอกเวลา
กระจกก็คล้ายพลาสติก ที่บอกเลขช่วงหน้าปัดนาฬิกานั่นเอง ตัวกระจกตา
มีรูปร่างเหมือนกะทะ มีความหนาประมาณ 1 มม. มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 12 มม. มีรัศมีความโค้งประมาณ 7-8 มม.
กล่าวกันว่า การเปลี่ยนตาดำทำครั้งแรกมานานกว่า 100 ปีที่ผ่านมา แต่ยังมีไม่มากจนกระทั่งมาถึงครึ่งหลังของศตวรรษนี้ จึงนิยมทำกันมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ การคิดค้นด้วยกล้องจุลทัศน์ สำหรับการผ่าตัดซึ่งให้กำลังขยายที่สูง การคิดค้นใหม่ที่ใช้ในการเย็บเครื่องมือ
ที่เยี่ยม ช่วยการผ่าตัดที่ละเอียดตลอดจนการมีสารเคมีที่ช่วยที่เก็บตาดำ
ให้คงสภาพเหมือนเดิมได้ดีที่สุด จึงทำให้การเปลี่ยนตาดำทำกันมากๆ ขึ้น และเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะที่ทำกันบ่อยที่สุด เท่าที่ทราบเห็นว่า
ในสหรัฐอเมริกามีการผ่าตัดเปลี่ยนตาดำ จำนวนปีละ 35,000 ราย สำหรับประเทศไทยมีการเปลี่ยนตาดำที่บันทึกไว้ที่ศูนย์ดวงตา
สภากาชาดไทย ปีละประมาณ 400 รายเท่านั้น ทั้งๆ ที่มีผู้ขอรับการผ่าตัด
อยู่อีกมากมาย เนื่องจากผู้บริจาคดวงตาแก่สภากาชาดยังมีน้อย
การผ่าตัดเปลี่ยนประจกตามีข้อบ่งชี้ที่สำคัญ 2 ประการ
- เพื่อช่วยในการมองเห็นดีขึ้น นำกระจกตาที่ใสมาเปลี่ยนแทน
กระจกตาซึ่งขุ่นหรือบิดเบี้ยว
- เป็นการใส่กระจกตาปิดส่วนของตาที่ฉีกขาดหรือมีรูทะลุจาก
พยาธิสภาพเพื่อให้ลูกตาคงรูปอยู่
การเปลี่ยนกระจกตามักจะทำได้ผลดีกว่าการเปลี่ยนอวัยวะอื่นๆ
เนื่องจากกระจกตาเป็นอวัยวะที่ปราศจากหลอดเลือด
ซึ่งจะรับรู้ถึงอวัยวะแปลกปลอมที่เราเปลี่ยนเข้ามาอีกทั้งไม่มีน้ำเหลือง ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิตให้ต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงจะกระทำเมื่อพยาธิสภาพ หรือสาเหตุของตามัว
อยู่ที่กระจกตา โดยที่ส่วนอื่น ๆ ของดวงตาโดยเฉพาะประสาทตาและ
จอประสาทยังอยู่ในสภาพที่ดีพอ อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้ป่วย
ที่มีความผิดปกติของกระจกตา
การผ่าตัดเปลี่ยน
จะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งตัวผู้ป่วย
และสภาพของกระจกตาที่รับบริจาค อาจแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่ได้ผลดีมากประมาณ 90% ขึ้นไป
ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของกระจกตาด้วย เป็นแผลเป็น
การบวมหรือบางลงของกระจกตา โดยไม่มีหลอดเลือดเกิดใหม่รอบๆ แผลเป็นนั้น
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ได้ผลดี ประมาณ 80-90% ได้แก่ กลุ่มที่ความผิดปกติของกระจกตา มิใช่อยู่เพียงบริเวณกระจกตาอย่างเดียว
แต่กระจายมาส่วนริมๆ ด้วย โดยที่อาจมีหลอดเลือดเกิดใหม่เพียงเล็กน้อย
อีกทั้งผิวหน้าของตายังชุ่มชื้นอยู่พอสมควร
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มได้ผลดีพอใช้ (50-80%) ได้แก่ กลุ่มที่กระจกตาที่ผิดปกติมีความหนามาก หรือมีรูทะลุ ตลอดจน
โรคของกระจกตาที่ยังมีการอักเสบอยู่ หรือเป็นโรคซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง หรือผู้ป่วยที่มีการอักเสบของกระจกตาจนมีรูทะลุเกิดขึ้น
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มที่ไม่สู้จะได้ผลนัก (0-50%) ได้แก่
กลุ่มที่กระจกตาผิดปกติ จากโดนสารเคมีอย่างรุนแรง มีการทำลาย
ทั้งกระจกตาและเยื่อบุตา มีหลอดเลือดเกิดใหม่ที่บริเวณกระจกตา
อย่างมากมาย ตาแห้ง ตลอดจนมีการผิดปกติของส่วนต่างๆ
ภายในดวงตาด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่รอความหวัง
จากการเปลี่ยนดวงตา พวกเราน่าจะบริจาคดวงตากันมาก ๆ ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เคยให้ไว้ในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยว่า
ดวงตาเราคู่นี้แสนมีค่า เกินกว่าจะทิ้งไปให้สูญเปล่า
เราไม่อยู่เราไม่ใช้ในตาเรา ให้คนเขาเก็บไว้ใช้เราได้บุญ |