|
"หวัดหรือโรคหวัด" ไม่ใช่โรคธรรมดาๆ อย่างที่คิด
เพราะเมื่อเป็นแล้วถ้าดูแลรักษาไม่ดีก็จะมีโรคอื่นที่หนักกว่า
แทรกซ้อนขึ้นมาได้ เช่น คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซินอักเสบ
หูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งอาการดังกล่าวต้องอาศัยยาปฏิชีวนะและต้องกินให้ครบ การกินยาไม่ครบจะเกิดเชื้อดื้อยาและเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้
ที่พบบ่อยๆ ได้แก่โรคปอดบวมและโรคกรวยไตอักเสบ ฉะนั้นการรักษาหวัดตั้งแต่เริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ถึงแม้ว่ายังไม่มีใครรู้ถึงการรักษาและวิธีป้องกันหวัดได้อย่างแน่นอน แต่วิธีที่ทำให้การเป็นหวัดยากขึ้น มีทางเป็นไปได้ และทำได้ไม่ยากนัก คือ "การเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยเน้น
ผักผลไม้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
และระมัดระวังความสะอาดอุปกรณ์การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ"
สำหรับอาหารต้านหวัดที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
ที่รวบรวมได้มีดังนี้
1. เอชินาซีย (Echinaecea)
เป็นอาหารสมุนไพรที่นิยมและได้รับการยอมรับ
ในประเทศเยอรมนีสำหรับใช้ในการรักษาหวัด ไข้หวัดใหญ่
และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ จากข้อมูลการวิจัยพบว่า
อาหารสมุนไพรนี้จะทำให้เพิ่มภูมิต้านทาน แต่ควรใช้ในระยะสั้นๆ
ตั้งแต่สองสามวันถึง 2 สัปดาห์ที่เริ่มต้นเป็นหวัดจะได้ผลดีที่สุด
2. ยาอมเสริมสังกะสี
มีข้อมูลการวิจัยพบว่า ยาอมที่มีส่วนผสมของสังกะสีกลูโคเนตไกลซีน
(Zinc-gluconate-glycine) นั้น จะสามารถลดระยะการเป็นหวัด
รวมถึงความรุนแรงของอาการหวัดได้ แต่บางข้อมูลการวิจัยบอกว่า
ไม่มีผลช่วยลดอาการหวัดได้
3. วิตามินซี
การรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงๆ ไม่สามารถป้องกันหวัดได้
ถ้ารับประทานวันละ 2,000 มิลลิกรัม จะช่วยลดความรุนแรงของอาการหวัด
และระยะการเป็นหวัดได้เท่านั้น แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก หญิงตั้งครรภ์
และให้นมลูก แต่ถ้าหากดื่มน้ำส้มคั้นมากๆ ก็จะได้ทั้งน้ำและวิตามินซี
ที่จะช่วยลดอาการหวัดได้เช่นเดียวกัน
4. ชาเปปเปอร์มินต์
ในชาเปปเปอร์มินต์มีสารเมททอล ดังนั้นการดื่มชาเปปเปอร์มินต์
จะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลเมื่อเป็นหวัดได้ สำหรับเคล็ดลับ
ในการชงชาชนิดนี้ ขณะแช่ชาควรปิดฝาด้วยเพราะจะทำให้
สารที่ออกมาระเหยไปเสียก่อนที่จะดื่ม
5. ซุปไก่ตุ๋น
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "เพนนิซิลิน จากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ"
จากข้อมูลการวิจัยพบว่า ซุปไก่ตุ๋นร้อนๆ จะลดน้ำมูก ลดอาการคัดจมูก
ทำให้หายใจคล่องขึ้น รวมทั้งช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อได้
6. ผลไม้
การรับประทานผลไม้ที่พอเพียงก็เป็นวิธีหนึ่ง
ที่ทำให้เป็นหวัดยากขึ้น เพราะในผลไม้จะมีสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการต้านหวัดได้สูง
จากข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกา ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์วิตามินและเกลือแร่ 8 ชนิด คือ วิตามินเอ
ไทอะมิน ไรโบเฟลวิน ไนอะซิน โฟเลท วิตามินซี แคลเซียมและธาตุเหล็ก ในผลไม้ที่นิยมรับประทานในเขตอากาศร้อน จำนวน 31 ชนิด พบว่า
"ฝรั่งครองอันดับ 1 วิตามินซีสูง ติดตามด้วยผลกีวีและมะละกอ"
(ผลไม้ที่ติด 10 อันดับ : 1. ฝรั่ง 2. ผลกีวี 3. มะละกอ 4. แคนตาลูป
5. สตรอเบอรี่ 6. มะม่วง 7. มะนาว 8. ส้ม 9. แพชชันฟรุ๊ต
10. ผลเคอเร้นสีแดง) ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ผลไม้อื่นๆ ที่ไม่ติดอันดับจะไม่มีประโยชน์ต่อการป้องกันโรค
และช่วยให้สุขภาพปลอดภัยจากหลาย ๆ โรค
โดยสรุปแล้ว "อาหารต้านหวัด" มีอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเราเอง ผลไม้ไม่นับได้ว่าเป็นอาหารที่มีรสอาหารวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสูง ที่สามารถทำให้การเป็นหวัดยากขึ้นจึงควรรับประทานเป็นประจำ เพียงแต่ว่าควรรับประทานผลไม้ให้หลากหลายและรวมถึงผลไม้
10 อันดับดังกล่าวด้วย
|