| ในสภาวะความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งสภาพสังคมและเศรษฐกิจ หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า คนส่วนใหญ่มีสภาพจิตใจที่หดหู่ และรู้สึกเครียด ซึ่งเราได้ทราบข่าวจากสื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอมาโดยตลอด ผู้ที่มีงานทำและมีรายได้ ส่วนใหญ่มักจะมีความกังวลอยู่ในใจ เพราะไม่มั่นใจกับสถานภาพของตนเอง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถเตรียมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ การหางานเสริมรายได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้รายได้ที่เคยมีอยู่นั้นไม่ลดลงจนไม่สามารถแบกภาระที่มีอยู่ได้ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับคนทั่วไปในสังคมปัจจุบัน ผลกระทบต่าง ๆ มีผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากเวลาพักผ่อนที่เคยมีก็จะลดน้อยลง ความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ ก็จะลดลงตามไปด้วย หลายคนมีความรู้สึกเหนื่อยล้า บางคนถึงขั้นถอดใจไม่อยากต่อสู้ ซึ่งเป็นการนำพาไปสู่การกระทำที่ไม่สมควร เช่น การทำร้ายตัวเอง การพึ่งสิ่งเสพติดเพื่อหนีสภาพความเป็นจริง ดังนั้นเราควรช่วยกันหาวิธีผ่อนคลายความเครียดอย่างง่าย ๆ และไม่สิ้นเปลืองเงินทองมากมาย โดยทั่วไปแล้วการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การทำร่างกายให้ร่าเริงแจ่มใส การคิดและการมองโลกในแง่ดี ยึดถือแนวทางการประหยัดและการกินอยู่ง่าย สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความตึงเครียด ได้เป็นอย่างดี บางท่านอาจแย้งว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะมีภาระหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว หากเป็นเช่นนั้นแล้วหลายท่านคงอยากทราบว่าควรทำอย่างไร จึงจะมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง เพื่อให้สามารถทำงานให้ได้มากขึ้น และได้รับรายได้ที่ดีขึ้นด้วย โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ จะนิยมดื่มเครื่องดื่มที่มีแคฟเฟอีนผสมอยู่ เพราะทราบว่าจะทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ตลอดวัน ชา กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดของคนทำงานทั่วไป หลายคนเคยตั้งข้อสงสัยว่า ปริมาณที่เหมาะสมในการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดโทษต่อร่างกายควรจะเป็นปริมาณเท่าใด และหากรับประทานเกินกำหนด จะทำให้เกิดการติดสารแคฟเฟอีนหรือไม่ มีข้อมูลมากมายที่ผ่านการวิจัยจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถตอบข้อสงสัยต่าง ๆ เหล่านี้ โดยได้รวบรวมในเอกสาร "ข้อควรรู้เกี่ยวกับแคฟเฟอีน" ดังนี้
แคฟเฟอีนเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นอย่างอ่อน ความไวต่อฤทธิ์ของแคฟเฟอีนจะต่างกันมากในแต่ละบุคคล บางคนสามารถดื่มกาแฟได้หลายถ้วยใน 1 ชั่วโดยไม่รู้สึกอะไร แต่บางคนจะรู้สึกถึงผลของแคฟเฟอีนแม้ดื่มกาแฟเพียงถ้วยเดียว แคฟเฟอีนไม่สะสมในเลือดและในร่างกาย ซึ่งปกติจะถูกขับออกจากร่างกายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการบริโภค บุคคลที่ไวต่อแคฟเฟอีน การทดสอบจะแสดงให้เห็นว่า แคฟเฟอีนทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองไวขึ้น และทำให้สามารถคงความตื่นตัวตลอดระยะเวลาปฏิบัติงานที่เคร่งเครียดได้ คนจำนวนมาก เช่น ผู้ที่ทำงานเป็นกะหรือนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ต้องอ่านหนังสือจนดึก จะมีความรู้สึกว่าเครื่องดื่มที่มีแคฟเฟอีน ช่วยให้สามารถปฏิบัติภารกิจนั้น ๆ ลุล่วงไปได้
ข้อสงสัยที่ว่าแคฟเฟอีนอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง ไม่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยทางระบาดวิทยาหลายงาน ที่ศึกษาถึงการเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ หลายแห่งในร่างกาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ มี 2 การศึกษาที่ครอบคลุมประชากร 16,600 คนในประเทศนอร์เวย์ และ 7,350 คนในมลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มกาแฟและเกิดมะเร็ง การศึกษาทั้งสองนี้ สนับสนุนจุดยืนของสมาคมโรคมะเร็ง แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) ซึ่งกล่าวว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถออกคำแนะนะต่อต้านการดื่มกาแฟในปริมาณพอสมควรได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานชี้ได้ว่า แคฟเฟอีนซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในกาแฟหรือชา เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งในคน |
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|
vote ให้กำลังใจด้วยครับ