มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ คัดลอกจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2542]

ไคโตซาน สารแห่งยุค 2000 [Chitosan, Kytosan]


ชื่อของ "ไคโตซาน" เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าวงการไหน ก็ต้องมีชื่อของไคโตซานเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอๆ เพื่อความกระจ่างว่าเจ้าไคโตซานที่หลายๆ คน เอ่ยถึงนั่นคืออะไร ทางสถาบันเทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ ชมรมไคติน ไคโตซาน จัดบรรยายพิเศษทางวิชาการเรื่อง "The Application of Chitosan in the past, present and future" โดยการเชิญ ศาสตราจารย์ ดร.ชิกิฮิโร่ ฮิราโน่ จากหน่วยวิจัย และพัฒนาสารไคติน-ไคโตซาน มหาวิทยาลัยต็อตโตริ ประเทศญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญและทำการศึกษาเรื่องไคติน-ไคโตซาน มานานหลายปี มีผลงานวิจัยมากกว่า 200 ชิ้น เดินทางมาให้ความรู้กับผู้ที่สนใจ และอยากจะหาคำตอบในเรื่องนี้

ดร.ฮิราโน่ ปูพื้นความเข้าใจให้กับผู้เข้าฟังการบรรยายว่า สารไคตินเป็นสารที่อยู่ในส่วนเปลือกแข็งของสัตว์ และคนเราค้นพบที่จะเอาสิ่งที่มีประโยชน์ของสัตว์มาสกัด ให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์

"เราเอาเปลือกกุ้งหรือกระดองปูหรือแกนปลาหมึกมาแยกโปรตีน และเกลือแร่ออกไปจะได้สารที่เรียกว่า "ไคติน" และไคตินนี่เองหากนำมาผ่านขบวนการทางเคมีเรียกว่า ดีอะเซทิลเลชั่น ก็จะได้ไคโตซานออกมาเป็นสารธรรมชาติมีคุณสมบัติที่โดดเด่นทางเคมี เพราะเป็นสารที่มีประจุบวกสูงมีโครงสร้างเหมือนตาข่ายหรือคล้ายฟองน้ำ ที่มีช่องว่างเล็กๆ จึงสามารถดูดซับน้ำและสะท้อนรังสียูวีจากแสงแดดได้ และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรียด้วย เพราะคุณสมบัติที่มากมายเหล่านี้ทำให้ไคโตซานเป็นที่ต้องการในหลายวงการ"

เอกสารที่ ดร.ฮิราโน่ เอามาให้ดูทำให้รู้ว่าในปัจจุบันมีหลายวงการ หยิบเอาไคโตซานไปใช้ทั้งในเรื่องของสุขภาพ อาทิ การลดระดับ คอเลสเตอรอล ไตรกรีเซอไรด์ในเลือด ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้เป็นอาหารเสริมลดน้ำหนัก ในส่วนของวงการอุตสาหกรรม ก็ยังสามารถนำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสียได้ หรือแม้แต่ในด้านเวชสำอาง ไคโตซานก็ยังถูกนำเอามาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตด้วย

"อย่างด้านอุตสาหกรรมเดิมทีเดียว ใช้ผงไคโตซาน ดักจับคราบไขมันหรือโลหะหนักบางส่วนจากน้ำเหลือทิ้ง ของโรงงานอุตสาหกรรมเพราะประจุบวกของไคโตซาน สามารถจับคราบไขมันที่มีประจุลบได้ จึงทำให้น้ำมีความสะอาด ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรืออุตสาหกรรมกระดาษและสิ่งทอ ก็นิยมใช้ไคติน-ไคโตซานเข้ามาผสม เพื่อเสริมความเหนียว ให้กับเส้นใย ทางด้านการเกษตร สารนี้ยังทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต และยังช่วยกำจัดวัชพืชที่มารบกวนอีกทางด้วย ในเรื่องของอาหาร ขบวนการเก็บถนอมอาหารอย่างผัก ผลไม้ที่ต้องอาศัยการเก็บไว้ เป็นระยะเวลานานๆ ระหว่างการขนส่ง สารไคติน-ไคโตซาน สามารถใช้เคลือบผัก ผลไม้ให้คงความสดได้นาน"

"ด้านสุขภาพ ในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก เพราะประจุบวกของไคโตซานสามารถจับกรดไขมันอิสระ ซึ่งมีประจุลบในระบบทางเดินอาหาร ป้องกันการดูดซึม ของไขมันส่วนเกินจึงมีผลลดและควบคุมน้ำหนักได้ จากงานวิจัยที่น่าทึ่งที่สุดเห็นจะเป็นการพูดถึงการรับไคโตซาน วันละ 1,350 มิลลิกรัมต่อวัน ในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 80 ราย พบว่าระดับของของเสียในเลือดลดลงหลังรับประทานเพียง 4 สัปดาห์ ระดับไขมันในเลือดลดลง และหลังจากรับประทาน 12 สัปดาห์ ผู้ป่วยมีเรี่ยวแรงและอาการทั่วไปดีขึ้น"

ในการบรรยายยังมีการหยิบยกเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียง ในปัจจุบันนั้นมีหลายชนิดที่ส่วนผสมประกอบด้วยไคโตซาน ในหัวข้อนี้ได้สร้างความสนใจให้กับสุภาพสตรีที่มาร่วมฟังบรรยาย เป็นอย่างมาก

"สารไคติน-ไคโตซาน มักจะผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพูสระผม ยาสีฟัน และอีกหลายชนิด จากการวิจัยพบว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องสำอางกว่า 16 แห่ง ทั่วโลกต้องมีอย่างน้อย 7 บริษัทที่ใช้สารตัวนี้ อย่างในปี 1981-1988 ผลิตภัณฑ์เวลล่ามีรูปแบบของไคติน ไคโตซานผสมอยู่ในเครื่องสำอาง ถึง 15 ชนิด ขณะที่ซิเซโด้ มีถึง 13 ชนิด ที่สำคัญไคโตซาน กำลังเป็นสารที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในทั่วโลก เพราะมันสามารถจับกักไขมันบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติของประจุตามธรรมชาติ"

ก่อนปิดการบรรยาย ดร.ฮิราโน่ ยังกล่าวว่า เมืองไทยยังรู้จักไคติน ไคโตซานน้อยมากแต่เขาเชื่อว่า นับจากนี้ คนไทยคงได้คำตอบแล้วว่า ทำไมยุคนี้ผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดต้องมีชื่อของไคตินและไคโตซาน เป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น

"ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะตัดสินเลือกบริโภคหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ อาหารที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตนเอง ผมอยากให้ทุกคนทั่วโลก ที่ยังมีคำถามในใจเกี่ยวกับเรื่องไคติน ไคโตซานมีคำตอบ เช่นเดียวกับคนไทยที่ได้รับคำตอบไปแล้วในวันนี้" ดร.ฮิราโน่กล่าวปิดท้ายการบรรยาย

หลังจากเสร็จสิ้นการบรรยายที่เมืองไทยแล้ว ดร.ชิกิ ฮิโร ฮิราโน่ ก็เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำการวิจัยในเรื่องไคติน ไคโตซานต่อไป


ขอบคุณหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600