|
ในโลกแห่งการวิจัย
คิดค้นและพัฒนายุคปัจจุบัน "โพลิเมอร์ชีวภาพ" นับเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำมาใช้ในการผลิตหรือดัดแปลงเป็นวัสดุต่าง
ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ ซึ่งโดยทั่วไป "โพลิเมอร์" คือ สิ่งที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น
เช่น พลาสติก ยางสังเคราะห์ ฯลฯ แต่สำหรับโพลิเมอร์ชีวภาพแล้วถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติรอบตัวเรา
และจัดว่ามีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตอย่างมาก ตัวอย่างโพลิเมอร์ชีวภาพที่น่าสนใจ
ได้แก่ เซลลูโลสที่อยู่ในโครงสร้างของพืช แป้งที่เราใช้เป็นอาหาร
ยางพารา โปรตีน สารไคตินและไคโตซานที่มีอยู่ในเปลือกปูเปลือกกุ้ง
และแกนปลาหมึก
ปัจจุบันศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือเอ็มเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
นับเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับโพลิเมอร์ชีวภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำกากของเสียที่เหลือจากอุตสาหกรรมส่งออกอาหารแปรรูป
ซึ่งมีเป็นจำนวนมากมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพหลายชนิดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น
ๆ
ตัวอย่างงานวิจัยที่ทางเอ็มเทคสนใจทำในขณะนี้ก็คือ การศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตผิวหนังเทียมจากไคติน-ไคโตซาน
สำหรับรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก สารไคติน-ไคโตซานมีคุณสมบัติคือ
ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย เป็นคาร์โบไฮเดรต จะสลายตัวอย่างช้า
ๆ และถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายในที่สุด และงานวิจัยเกี่ยวกับการนำเอาแป้งมันสำปะหลังมาปรับปรุง
และเปลี่ยนแปลงเกิดประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงวัสดุ เช่น ทำแผ่นฟิล์มหรือแผ่นพลาสติกคลุมแปลงพืชผักทางการเกษตร
ทำหมึกพิมพ์สกรีนระบบน้ำ ทำโพลิเมอร์ดูดน้ำที่ใช้ในการบำบัดน้ำทิ้ง
ทำเป็นอาหารเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช หรือเป็นวัสดุเพื่อการบรรจุ เช่น
ถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เป็นต้น
ไคตินและไคโตซาน เป็นสารธรรมชาติที่มีในเปลือกสัตว์จำพวก กุ้ง ปูและแมลง
นอกจากนี้ยังพบในผนังเซลล์ของเชื้อราและสาหร่ายบางชนิด ไคตินและไคโตซานสามารถนำมาใช้งานได้แพร่หลาย
ทั้งด้านวัสดุทางการแพทย์และเภสัช ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเกษตร
โดยได้มาจากแหล่งใหญ่คือ ได้จากการสกัดของเปลือกกุ้งและปู ได้มีการนำไคตินมาใช้เพื่อทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับดื่ม
รวมถึงใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยาบางชนิด สำหรับในอุตสาหกรรมกระดาษไคโตซานได้ถูกใช้เพื่อเป็นสารช่วยการยึดติดโดยใช้เพียง
1% โดยน้ำหนัก กระดาษที่ได้จะมีความทนทานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะขณะเปียก
ซึ่งเหมาะสำหรับทำผ้าอ้อมแบบใช้แล้วทิ้ง หรือทำกระดาษเช็ดมือ

ในส่วนของไคโตซานนั้น
ได้จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของไคติน และมีการนำไปใช้หลายด้านเช่นเดียวกัน
เช่น ในระบบบำบัดน้ำทิ้ง เนื่องจากไคโตซานสามารถจับของแข็งที่แขวนลอยได้ดี
และจับกับอะตอมโลหะหนักเช่น ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม นอกจากนี้ยังได้มีการนำไคโตซานไปช่วยจับสารกัมมันตรังสีพวกพลูโตเนียม
ยูเรเนียมด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำไคโตซานมาผสมกับพลาสติก เพื่อใช้ในการผลิตพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้
ไคโตซานเป็นสารโพลิเมอร์ที่อุ้มน้ำ นำมาห่อหุ้มต้นอ่อน ช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี
ในอุตสาหกรรมอาหารมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ไคโตซานเป็นวัสดุห่อหุ้มอาหาร
หรือยืดอายุของผลไม้ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลินทรีย์
ส่วนในเครื่องสำอางไคโตซานได้ถูกนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์หลายอย่าง
เช่น เป็นสารเพิ่มความข้นเหนียวในคอนดิชันเนอร์และครีม เป็นส่วนผสมในโลชั่น
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในขณะใช้ เป็นต้น
ในด้านการแพทย์ ในต่างประเทศได้มีการใช้งานกันอย่างกว้างขวาง โดยใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผิวหนังเทียม
เพื่อใช้ในการรักษาแผลผ่าตัดและไฟไหม้ ซึ่งจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ทำผลิตภัณฑ์ตกแต่งแผล ด้ายเย็บแผล ซึ่งข้อดีของมันก็คือจะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านร่างกาย
และจะสลายตัวอย่างช้า ๆ เป็นคาร์โบ ไฮเดรตและถูกดูดซับในร่างกาย
สำหรับในส่วนของงานวิจัยเกี่ยวกับแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังได้ในปริมาณมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ซึ่งส่วนใหญ่มักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อเป็นอาหารต่าง
ๆ ปัจจุบันเอ็มเทคได้ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการนำเอาแป้งมันสำปะหลังมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงวัสดุ ที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนการทำแผ่นฟิล์มหรือแผ่นพลาสติกเพื่อใช้ในการเกษตร
เช่น เป็นถุงเพาะชำพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ ทำหมึกพิมพ์สกรีนระบบน้ำ
หรือการนำแป้งมันสำปะหลังมาเป็นวัตถุดิบในการทำเป็นโพลิเมอร์ดูดน้ำ
ที่ใช้ในการบำบัดน้ำทิ้ง หรือทำเป็นอาหารในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช
เช่น กล้วยไม้ พืชสมุนไพรหรือพืชหายาก เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าของแป้งมันสำปะหลังในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับยางพารา ซึ่งจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของประเทศ
เช่น การทำถุงมือยางเพื่อใช้ในทางการแพทย์ การทำเป็นแบริ่งเรือประมง
ยางรองคอสะพาน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่โพลิเมอร์ชีวภาพ เช่น เปลือกกุ้ง แป้งมันสำปะหลัง
รวมทั้งยางพารา สามารถหาได้ง่ายและมีคุณสมบัติเฉพาะที่น่าสนใจ จึงอาจกล่าวได้ว่าการวิจัยและพัฒนาโพลิเมอร์ชีวภาพในเมืองไทย
น่าจะทำได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ส่วนผลดีที่จะได้รับนั้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มแนวทางในการนำผลิตผลทางการเกษตรหรือกากของเสียไปใช้แล้ว
ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อีกด้วย.
|