วินัย ดะห์ลัน
|
ขณะที่ ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรียุครัฐธรรมนูญใหม่ของไทย ให้สัมภาษ์นักข่าวได้ทุกวัน ถึงเรื่องคอร์รับปชั่นในแวดวงการเมืองบ้าง เรื่องเลขาฯหน้าห้องรัฐมนตรีบางคนบ้าง เรื่องราวความขัดแย้ง
ระหว่างพรรคการเมืองบ้าง เรื่องวงจรน้ำเน่าทางการเมืองบ้าง นายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญใช้ อย่างอังกฤษ กลับให้สัมภาษณ์นักข่าวในประเด็นของสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุกรรม โดยพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า อาหารที่ผลิตออกมาจากชีวิตแปลงพันธุกรรม หากจะออกมาวางขายกันในท้องตลาด ต้องได้รับความมั่นใจเสียก่อนว่า ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคจริง ๆ นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้นี้ยืนยันว่า เรื่องที่ลือกันในทำนองว่ารัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปอยู่เบื้องหลังบริษัทผู้ผลิตอาหารแปลงพันธุกรรม สร้างแรงกดดันให้กับนักวิทยาศาสตร์ บางคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับบริษัทนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ความแตกต่างกันทำนองนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณชวนของเราด้อยกว่าคุณแบลร์นะครับแต่แสดงให้เห็นว่า พื้นฐานความสนใจเรื่องราวรอบตัวของประชาชนในสองสังคมนั้นต่างกัน คนในชาติพัฒนาแล้วเขาให้ความสนใจในประเด็นกว้าง ๆ อย่างเช่น สิทธิ กฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค ขณะที่คนในสังคมชาติกำลังพัฒนา สนใจในประเด็นแคบ ๆ อย่างเช่นเรื่องส่วนตัวของนักการเมืองบ้าง ดารานักร้องบ้าง คนดังในสังคมบ้างมากกว่า
แต่ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ความสนใจในเรื่องสิทธิตามรัฐธรรมนูญใหม่มีค่อนข้างมาก
ประเด็นของสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุกรรม ที่กำลังกลายเป็นข่าวได้รับความสนใจในหมู่ประชาชนชาติพัฒนาทั่วโลก คนไทยเริ่มที่จะเปิดหูเปิดตารับรู้มากขึ้นแล้วครับ
มีการนำเอา GMO มาใช้เป็นอาหารค่อนข้างมาก และใช้กันมานานพอสมควรแล้วอย่างเช่น การแปรพันธุกรรมของตันเรพสีด ให้ผลิตน้ำมันพืชชนิดใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า คาโนล่า ที่มีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่าน้ำมันเรพสีด เดิมที่เชื่อกันว่า อาจจะสร้างปัญหาต่อสุขภาพนั่นเป็นหนึ่งตัวอย่าง ถึงวันนี้ในตลาดต่างประเทศ มีถั่วเหลืองที่ผ่านการแปลงพันธุ์ ให้สุกช้าลง ความสำเร็จเหล่านี้หากเป็นยุคก่อนเขาใช้การผสมเกสร ตัดต่อกิ่งที่ให้ผลดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ปัจจุบันใช้วิธีการตัดต่อยีน ได้ผลสำเร็จสูงและรวดเร็วชั่วลัดนิ้วมือเดียว ในอนาคตเราจะมีนมวัวที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโตส ให้คนเอเชียต้องท้องเสียเวลาดื่มในปริมาณมาก เราจะมีนมวัวที่มีคุณค่าเหมือนมนุษย์เพราะวัวมียีนสร้างนมมนุษย์ เข้าไปติดไว้ในสายพันธุกรรมของมัน เป็นเทคโนโลยีใหม่ของการตัดต่อยีน อย่าได้คิดพิเรนว่า มีการเอามนุษย์พ่อพันธุ์ไปผสมกับวัวแม่พันธุ์ ให้น่าหวาดเสียวอย่างเด็ดขาด อาหารในยุคใหม่จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ครบถ้วนขึ้น อาหารชนิดไหนที่เคยเป็นปัญหามีสารพิษบ้าง มีสารกดคุณค่าโภชนาการบ้าง นักวิทยาศาสตร์จะตัดแต่งต่อเติม ให้ได้สายพันธุ์ที่ดี ความเชื่อที่ว่า ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ หรือ Nobody perfect ลืมเลือนกันไปได้เลย ในโลกอนาคต แต่เรื่องราวความดีงามหลากหลายของอาหาร หรือสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุกรรมเป็นเรื่องของคนมองโลกในแง่ดี ซึ่งคงต้องยอมรับว่าโลกจริง ๆ จะมองกันอย่างนั้นด้านเดียวคงไม่ได้ คงต้องช่วยกันมองปัญหาอีกด้านหนึ่งให้ครบถ้วนด้วย เรียกว่า ต้องมองเหรียญทั้งสองด้าน เรื่องราวของฝ้ายบีทีที่เคยคิดจะเอามาปลูกในประเทศไทย จนกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งน่าจะเป็นหนึ่งตัวอย่าง ของการมองเหรียญสองด้าน ขณะที่บริษัทมอนซานโต้เจ้าของโครงการ ยืนยันว่า ฝ้ายบีทีได้รับการปรับปรุงยีนให้สามารถสร้างสารพิษ ทำลายหมอนฝ้ายได้ด้วยตัวของมันเอง ช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลงในไร่ฝ้ายได้เป็นจำนวนมาก ทางกลุ่มต่อต้านดาหน้าออกมาให้ข้อมูลว่า สายพันธุ์ฝ้ายบีที ซึ่งได้รับการตัดต่อยีนจากแบคทีเรียเข้าไปไว้ในตัวมัน อาจทำลายพืชพันธุ์พื้นเมือง อาจมีผลต่อระบบนิเวศ รวมทั้งเป็นอันตราย เพราะคนไทยบางกลุ่ม นิยมกินใบฝ้ายอ่อน ลูกฝ้ายอ่อน ในอังกฤษเรื่องราวของอาหารแปลงพันธุกรรม กลายเป็นประเด็นใหญ่โตเมื่อ ดร.อาร์พัด พุซตัย (Arpad Pusztai) แห่งสถาบันโรเวตต์ เมืองอะเบอร์ดีน สกอตแลนด์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกทางด้านโปรตีนพืชคนหนึ่ง ออกมาเปิดเผยผลการทดสอบหนู ทดลองให้กินมันฝรั่งแปลงพันธุกรรม ผลปรากฏว่า หนูทดลองมีภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง ทีนี้ก็เป็นเรื่องนะซีครับ ดร.พุซตัย ถูกบีบให้ลาออกจากสถาบัน ว่ากันว่าเป็นแรงกดดันผ่านมาจากบริษัทผู้ผลิตมันฝรั่ง และถือกันว่ามีนักการเมืองระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลอังกฤษ เกี่ยวข้องอยู่ด้วยดังที่เกริ่นไว้ตอนแรก เรื่องอย่างนี้บานปลายใหญ่โต เพราะมีนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในยุโรป 21 คน ออกแถลงการณ์ยืนยันในทำนองสนับสนุนผลการทดลองของ ดร.พุซตัย ข้อคิดในเรื่องนี้คือ รัฐบาลยุโรปต้องเข้มงวด กับบรรดาอาหารแปลงพันธุกรรมให้มากขึ้น คล้ายกับที่นักวิชาการเมืองไทย หลายคนร้องขอให้ทาง อย.ของไทยเข้มงวดกับบรรดาอาหารเสริมสุขภาพ รวมทั้งอาหารปกติบางยี่ห้อที่โฆษณากันเกินเหตุเกินผลทางทีวีวิทยุ เป็นต้นว่าเรื่องกินปลาและน้ำมันปลาเสริมสมอง ทำให้ลูกชายกลายเป็นนักบินไปได้อย่างน่าอัศจรรย์นั่นแหละครับ เรื่องราวของอาหารแปลงพันธุกรรมยังมีอีกมากอย่างเช่น ผลการทดลองด้วยคอมพิวเตอร์ของนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ที่ว่ายีนต้านยาปฏิชีวนะที่มักจะแฝงในอาหารแปลงพันธุกรรม อาจจะแปรเปลี่ยนยีนของแบคทีเรียในลำไส้ ให้กลายเป็นเชื้อที่ทนต่อยาปฏิชีวนะ ก่อให้เกิดโรคใหม่ ๆ ขึ้นได้ บางศาสนาเริ่มที่จะต่อต้านสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุกรรม ในทำนองที่ว่ามนุษย์กำลังท้าทายพระผู้เป็นเจ้า การแปรเปลี่ยนสายพันธุ์ในลักษณะนี้กำลังจะทำลายสายพันธุ์ของมนุษย์เอง ต่างฝ่ายต่างก็หาเหตุผลถล่มอีกฝ่ายหนึ่ง เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุกรรมในยุโรป จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่รู้จบ จนก้าวล่วงเข้าสู่ประเด็นการร่างกฎหมาย ว่าด้วย การคุ้มครองพันธุ์พืชและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่เพิ่งจบไปสด ๆ ร้อน ๆ ในการประชุมที่เมืองคาร์ตาจีน่า ของประเทศโคลัมเบีย โลกข้างนอกเขาวิ่งกันไปไหนถึงต่อไหน นักการเมืองไทย จะมัวสนใจกันเฉพาะเรื่องแคบ ๆ แค่ประเด็นของนายโวล์ฟกัง อุลริค กับเรื่องใบปลดทหารของแกนนำฝ่ายค้าน เพียงเท่านั้น เห็นทีจะไม่พอแล้วละครับ |
วินัย ดะห์ลัน
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|
vote ให้กำลังใจด้วยครับ