มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[ คัดลอกจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2542]

เจาะรหัส "จีเอ็มโอ" พันธุ์พืชจากน้ำมือมนุษย์

เกษตรยุคใหม่ที่ไทยต้องรับมือ

ทีมเศรษฐกิจ



"ทางเลือก ทางรอด" สินค้าเกษตรไทยบนเวทีการค้าโลกปี 2000

การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ GMOs ซึ่งเป็นพืชตัดต่อพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษเหนือพันธุ์ดั่งเดิม อันเป็นการพัฒนาที่ท้าทายธรรมชาตินี้ ประเทศที่มีเทคโนโลยีทางชีวภาพก้าวล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ ในโลกคงหนีไม่พ้นสหรัฐ ที่สามารถสร้างพืชพันธุ์ใหม่ได้ถึง 3 ใน 4 ของ GMOs โลก ซึ่งไม่เพียงผลิตเพื่อเลี้ยงประชากรจำนวน 263 ล้านคนในประเทศ แต่ยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ รวมทั้งไทยและยุโรปนี่เอง ทำให้สงครามการค้าใหม่ของโลก จุดระเบิดขึ้นเมื่อปี 2000 มาถึง


การตื่นตัวต่อสินค้าพืชผลเกษตรและอาหารที่มีการตัดต่อ ปรับปรุงทางพันธุกรรม (GMOs : Genetically Modified Organisms) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Bio-Technology) ของประชากรโลกวันนี้

ทำให้ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกพืชผลการเกษตร และผลิตภัณฑ์อาหารรายใหญ่ของโลก ไม่อาจปฏิเสธการประกาศ ใช้มาตราการดังกล่าวของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งงัดขึ้นมาเป็นเครื่องมือทำสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ในฐานะประเทศผู้เป็นเจ้าของความก้าวหน้าล้ำยุค ทางเทคโนโลยีชีวภาพดังกล่าวได้

โดยเฉพาะเมื่อตลาดส่งออกสำคัญรายใหญ่ของไทย มีอยู่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปเป็นอันดับต้นๆ

ดังนั้น ข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ จึงไม่น่าจะเป็นข้อถกเถียงเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เราจะเลือกข้างไหน ระหว่างสหรัฐกับยุโรป หรือระหว่าง กลุ่มต่อต้าน จีเอ็มโอ กับกลุ่มที่ให้การยอมรับ จีเอ็มโอ

หากแต่การตัดสินใจเพื่อดำเนินการใดๆ ก็ตามจะต้องเป็นไป เพื่อให้สินค้าไทยสามารถรักษาตลาดใหญ่ของมหาอำนาจทั้ง 2 ชาตินี้ รวมถึงกลุ่มประเทศที่ต่างเป็นพันธมิตรกันไว้ให้ได้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงการวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆ ซึ่งอาจทำให้ข้อสรุปที่ได้ไม่ชัดเจนหรือทำให้เกิดผลกระทบ ต่อพืชผลการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารส่งออกของไทยในเวทีการค้าโลก เราจึงควรศึกษาที่มา-ที่ไปและผลดี-ผลเสียของมาตราการดังกล่าวให้ถ่องแท้

...ความเป็นมาของ GMOs...

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้คำจำกัดความของ GMOs หรือในอีกชื่อ LMOS (Living Modified Organisms) ว่า สถานภาพของสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการตัดต่อสารพันธุกรรม

คำจำกัดความนี้มีความหมายถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นับแต่ที่มีขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นไปจนถึงคน สัตว์ พืช ซึ่งล้วนแต่มีหน่วยพันธุกรรมที่เรียกว่า DNA (Deoxyribonucleic acid) เป็นตัวกำหนดลักษณะเฉพาะประจำตัว เช่น ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าของมนุษย์ ดอกสีม่วงของกล้วยไม้ ขนหางสีดำของวัว เป็นต้น DNA เหล่านี้ เกาะตัวกันเป็นสายเรียกว่า โครโมโซม (Chromosome) บรรจุอยู่ในเซลล์

นักพันธุวิศวกรรมอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ ทำการตัดต่อปรับปรุงพันธุ์ของสัตว์ พืช ซึ่งมีคุณลักษณะแตกต่างกัน โดยยึดหลักปรับเปลี่ยน DNA ในโครโมโซมจากการถ่ายพันธุ์หนึ่ง ไปยังอีกพันธุ์หนึ่ง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การคัดเลือกสายพันธุ์ข้าว ที่มีทั้งคุณภาพดี และต้านทานโรคจาก 2 สายพันธุ์ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะต่างกันรวมไว้ด้วยกันในทางพันธุ์เดียว วิธีการนี้เรียกว่าการแลกเปลี่ยนพันธุ์แบบมาตรฐาน (Conventional Breeding) ซึ่งยังใช้ได้ดี แต่ต้องใช้เวลานานหลายปี ในการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์

แต่เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น ความต้องการบริโภคอาหารของโลกจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นการพัฒนาทางพันธุ์พืชและสัตว์ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จึงมุ่งเน้นไปสู่เป้าหมายเพื่อให้ได้พืชและสัตว์ที่มีสายพันธุ์ ที่สามารถให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี และต้านทานโรคแมลงหรือวัชพืชมากขึ้น ในขณะที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลงตามลำดับ

นักพันธุวิศวกรรม หรือนักปรับปรุงพันธุ์พืชจึงมีความเห็นว่า หากการปรับปรุงหรือแลกเปลี่ยน DNA กันเฉพาะในหมู่พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ หรือจุลินทรีย์ด้วยกันเอง ผลผลิตอาหารคงไม่เพิ่มมากนัก และอาจต้องใช้เวลานาน

เรื่องของนักปรับปรุงพันธุ์โดยเฉพาะของสหรัฐฯ จึงหันมาทดลองใช้ DNA จากต่างชนิดพันธุ์กัน เช่น DNA จากบักเตรีเติมเข้าไปในโครโมโซมพืชชั้นสูง เป็นต้น

การนำ DNA จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งหรือ DNA ที่ทำขึ้นใหม่เข้ามารวม หรือร่วมกันอย่างถาวรกับ DNA ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งแล้ว ทำให้เกิดลักษณะประจำตัวใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในธรรมชาติ จึงถูกเรียกว่า "การตัดต่อสารพันธุกรรม" (Genetic Engineering) ส่วน พืช สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตที่ได้มานั้นเรียกว่า "GMOs"

...ความเชื่อมั่นต่อ GMOs พันธุ์ใหม่...

ความสำเร็จจากการตัดต่อสารพันธุกรรมที่เห็นทั่วไป ตั้งแต่พืช ผัก ผลไม้ เนื้อวัวนำเข้า หรือที่เลี้ยงและเพาะอยู่ในเขต หรือแปลงทดลองพันธุ์ให้ภูมิต้านทานโรคสูง ให้เนื้อและนมมากกว่า ต้านโรคแมลงในฝ้ายที่ทนต่อหนอนสมอ มะละกอที่มีไวรัสต้านทาน โรคจุดวงแหวน มะเขือเทศที่สุกช้าเก็บไว้ได้นาน จนถึงผลิตภัณฑ์ ที่วางอยู่ตามชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งมีราคาถูกกว่า เช่น มันฝรั่งทอด ซ้อสมะเขือเทศ น้ำมันพืชจากถั่วเหลือง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม รางวัลที่ได้จากการใช้วิศวพันธุกรรม กำลังกลายเป็นปรปักษ์ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่มีต่อการสร้างพืชพันธุ์ทางพันธุ์ใหม่ และขยายวงกว้าง ไปยังประชากรในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

นับตั้งแต่ยุโรป ออสเตเลีย หรือแม้แต่ในสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งรัฐบาลแต่ละประเทศต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันคือ ทำอย่างไรให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นในการบริโภคพืชพันธุ์ใหม่ และทำอย่างไรจึงจะทำให้อาหารจากจีเอ็มโอ เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ผู้ผลิต การค้า-การส่งออก และแม้แต่สิ่งแวดล้อมโดยปราศจากอันตราย

ดิ อิโคโนมีสต์ (จากปก) ชี้ว่า การต่อต้านที่ขยายวงกว้างออกไปอาจฆ่าเจ้าพืชพันธุ์ใหม่นี้ได้ หากผู้บริโภคในโลกที่ร่ำรวยคิดว่าไม่ปลอดภัย ไม่มีความจำเป็น หรือไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

แต่จีเอ็มโอเป็นความหวังที่ดีที่สุดของการผลิตอาหาร ให้มีมากเพียงพอกับความต้องการและผลิตกลับมาสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว เป็นการลดต้นทุนการผลิตและเวลา ซึ่งในประเทศกำลังพัฒนา ที่ส่วนใหญ่ขาดเงินและมีอาหารจำกัด

ดังเช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวคลองหลวง 1 ที่คัดเลือกสายพันธุ์ จากข้าวขาวดอกมะลิ 105 มาพัฒนาพันธุ์ร่วมกับข้าว ก.ข. ของภาคกลาง ให้สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี มีคุณภาพและความหอมใกล้เคียง กับข้าวขาวดอกมะลิ 105 นั้น ต้องใช้เวลาสำหรับการพัฒนาตามมาตรฐานเดิม เพื่อให้ได้ข้าวที่มีความเด่นรวมอยู่ในพันธุ์เดียวกันนี้ถึง 14 ปี นับเป็นเวลาที่ยาวนาน หากนำการตัดต่อสารพันธุกรรมมาใช้ จะย่นเวลาเหลือไม่กี่ปี

ที่สำคัญ อาหารจีเอ็มโอ รุ่นต่อไป อย่างน้อยอาจนำเสนอ ต่อการบริโภคเพียงเมล็ดพืชเช่นเดียวกับผู้ปลูก ซึ่งหมายความว่า อาหารเหล่านั้นได้รับการทดลองมาดีแล้วว่า สามารถเก็บไว้ได้นานกว่า เติบโตอย่างสม่ำเสมอกว่า และยังทำให้ผู้บริโภคเข้าไปมีอาการแพ้อาหารน้อยกว่า

"ยา เป็นสิ่งที่มีความหลากหลายทางเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุด และผู้คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับในยาที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เมื่อได้พิสูจน์แล้วว่า ยาที่ดีกว่าและวินิจฉัยโรคได้ชัดเจนกว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาได้ เหตุใดจึงเกิดความแตกต่าง เมื่อนำเอาวิธีเดียวกันนี้มาใช้กับพืชผลทางการเกษตร"

คำถามนี้ ใครจะเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด ?

...ประโยชน์กับความเสี่ยง...

เทคโนโลยีเมื่อมีประโยชน์ก็อาจเป็นโทษได้ หากการพัฒนา และการนำไปใช้ ไม่เป็นไปตามวิธีการที่บ่งบอกอยู่บนฉลาก หรือไม่ระมัดระวังเท่าที่ควร

พืช สัตว์ จุลินทรีย์ ที่ได้รับการตัดต่อสารพันธุกรรม เป็นสิ่งมีชีวิตแปลงพันธุ์ที่อาจมีผลกระทบต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญๆ เช่น แหล่งสารพันธุกรรมที่ได้มา ถ้าได้มาจากสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน เช่นจากพืชถ่ายให้พืช จากสัตว์ถ่ายให้สัตว์ ย่อมมีปัญหาน้อย หรือไม่มีปัญหาเลย

ในทางตรงกันข้าม ถ้าการถ่ายสารพันธุกรรมมาจากจุลินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อและสาเหตุของโรคเข้าไป ในพืชหรือสัตว์ ก็ย่อมจะมีความเสี่ยงสูงมาก ขณะที่พืชพันธุ์ใหม่หลายตัวที่ได้มา ยังถ่ายบักเตรี ไวรัส และเชื้อราด้วย

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกปลอดภัย ที่จะรับประทานเข้าปากไป และก็นี่ไม่ใช่ "ยา" แต่เป็นวิศวพันธุกรรมที่นำ "ยีน" จากพืชหรือแมลง ไปใส่ในอาหารซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ ไม่สามารถแนะนำการผสมพันธุ์ในแบบที่เข้าใจได้ง่าย หรือในแบบธรรมดาๆ ได้ และยังทำให้เกิดความกลัวว่า จะมีผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาหารจีเอ็มโอทั้งหมด ควรมีการตรวจสอบก่อนนำอาหารดังกล่าวมาเสนอขายให้แก่ผู้บริโภค

ถึงแม้ในวงการวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ จะมีฉันทามติ อย่างกว้างขวางว่า พืชตัดต่อสารพันธุกรรมในปัจจุบันปลอดภัย แต่กลุ่มต่อสู้เพื่ออาหารในยุโรปเรียกเจ้าพืชพันธุ์จีเอ็มโอนี้ว่า "แฟรงเกนสไตน์" หรือ พืชผีดิบ

แม้จะไม่ปฏิเสธว่า การตัดต่อทางพันธุกรรมดังกล่าว เป็นประโยชน์หลายทาง ทั้งทนต่อแมลง เชื้อรา เชื้อไวรัสในสัตว์ รวมถึงทนต่อยาฆ่าพืช หรือทำให้หนอนเจาะสมอฝ้ายเบื่ออาหาร ไม่มากัดกินดอกฝ้ายจนตายไป ไม่ต้องใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลงที่เกิดการสะสมจนเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นและราคาจำหน่ายถูกกว่ามาก

แต่จีเอ็มโอก็ยังถูกต่อต้านและถูกปฏิเสธ ดิ อิโนโนมิสต์ ยังระบุด้วยว่า ผู้คนมากมายเกลียดเจ้าพืชผีดิบตัวนี้ ไม่เฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป แต่ยังไม่เป็นที่นิยมบริโภคทั่วไป

ไม่ใช่แค่เหตุผลที่พวกมันไม่ปลอดภัย แต่ความกังวลว่า DNA ที่ได้จากจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรค จะมีโอกาสกลายเป็น DNA ที่เกิดโรคหรือไม่ ที่สำคัญปัญหาการผูกขาดพันธุ์พืชหรือพันธุ์สัตว์ ที่คิดค้นขึ้นมาได้โดยมีสหรัฐฯ เป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีชีวภาพนี้ ย่อมเสียเปรียบอย่างยิ่งแก่ประเทศอื่นๆ บนเวทีการค้าโลก ที่ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้ทัน

...ให้ผู้บริโภคตัดสิน GMOs...

การใช้วิธีปิดฉลากประทับตราสินค้าจีเอ็มโอ และสินค้าปลอดจีเอ็มโอ (NOM-GMOs) จึงเป็นทางออกหนึ่ง ที่สหภาพยุโรปนำมาใช้ โดยวิธีให้ผู้บริโภคเลือกเอาเอง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดขององค์กรการการค้าโลก (WTO) ที่ห้ามประเทศหนึ่งประเทศใดออกมาตรการกีดกันทางการค้า หรือปิดประตูใส่หน้าสินค้าจากประเทศอื่น

ขณะที่คณะกรรมธิการสหภาพยุโรป ประกาศว่า ประเทศต่างๆ สามารถปฏิเสธที่จะรับอาหารจีเอ็มโอได้ หากมีหลักฐานยืนยันว่า พวกมันก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และมาตรฐานสุขอนามัย

เพราะการเพิกเฉยไม่มีรายการแสดงส่วนประกอบ ของอาหารและคุณค่าทางโภชนาการใดๆ ที่ติดอยู่ข้างกระป๋อง สินค้าจีเอ็มโอเลยขององค์การอาหารและยา สหรัฐฯ ซึ่งประกาศไปตั้งแต่ปี 1992 ว่า ตราบใดสินค้าดังกล่าว ไม่เป็นพิษต่อร่างกายหรือไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ก็ไม่จำเป็นต้องติดฉลากนั้น ได้สร้างความขัดแย้งรุนแรงขึ้น กับกฎหมายของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้ติดสลาก

ไม่นานมานี้ ฝรั่งเศส ออสเตเลีย ลักแซมเบิร์ก ก็ได้ปฏิเสธอาหารจีเอ็มโอบางชนิด เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำมันไปแล้ว

แต่เกษตรกรในอาร์เจนตินา แคนาดา ชิลี และเม็กซิโก ซึ่งปลูกตัดต่อยีนเป็นส่วนใหญ่ ยังคงนิยมปลูกเมล็ดถั่วเหลือง จากวิธีการนี้อย่างกว้างขวาง จนแทบจะหาเมล็ดถั่วเหลือง ที่ไม่ได้ตัดต่อยีนไม่ได้เลย และประเทศที่มีความจำเป็นต้องสะสม เป็นวัตถุดิบก็ยังต้องสั่งนำเข้าตลอด

โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในพลังของผู้บริโภค ดิ อิโคโนมิสต์ เชื่อว่า คนอเมริกันอาจรู้สึกเป็นบวกกับเทคโนโลยีโดยทั่วไป มากกว่าและเต็มใจยอมรับพืชพันธุ์ทางชีวภาพมากกว่า เพราะคนอเมริกัน กำหนดให้พื้นที่เพาะปลูกจีเอ็มโอแยกออกจากพื้นที่ชนบทอย่างชัดเจน ความกังวลต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมจึงอาจรุนแรงน้อยกว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของที่นี่แข็งแกร่งกว่าสหภาพยุโรปมาก สหรัฐฯ จึงมีบริษัทผู้ผลิตและเกษตรกรผู้ปลูกจีเอ็มโอมาก

...กับท่าทีและจุดยืนของไทย...

ประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ ที่เป็นจีเอ็มโอในเชิงพาณิชย์ นอกจากอนุญาตให้นำเข้ามา เป็นพันธุ์ทดลองเพื่อการทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพ ซึ่งต้องไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของคน สัตว์และพืช เช่นเดียวกันกับที่ไม่อนุญาตให้นำไปปลูกในพื้นที่การเกษตรใดๆ จำนวน 40 รายการ

เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ในฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง แตงไทย ถั่วลันเตา ยาสูบ มะเขือเทศ แอปเปิ้ล หรือมะละกอ เป็นต้น จากทุกแหล่ง ยกเว้นอาหารสำเร็จรูป นับเป็นสิ่งต้องห้าม ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและภายหลังออกประกาศ ในปี 2538 มีผู้ขออนุญาตนำเข้ามาทดลองและทดสอบ 8 รายการได้แก่

ฝ้าย 3 รายการจากบริษัทมอนซานโต้, มะเขือเทศ 3 พันธุ์ 1 รายการ จากบริษัทอัพจอห์น, ข้าวโพดบีที 1 รายการจากบริษัทไพโอเนียร์ ส่วนอีก 3 รายการคือ พืชตระกูลแตง 1 รายการ มะละกอ 1 รายการ และ ต้นอ่อนข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่นำไปถ่ายฝากยีนในสหรัฐฯ อีก 1 รายการเป็นของกรมวิชาการเกษตร

ประเด็นสำคัญต่อท่าทีไทย นอกจากจะเพิ่มขีดความสามารถ ในการตรวจวิเคราะห์จีเอ็มโอในพืช และผลิตภัณฑ์ของพืชเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเป็นความร่วมกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์แล้ว

ทั้ง 2 กระทรวง ยังวางเป้าหมายเพื่อดำเนินการขั้นต่อไปอย่างจริงจัง ต่อการใช้เงื่อนไขความปลอดภัยทางชีวภาพของประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มาเป็นเครื่องมือกีดกันการค้า ซึ่งทำให้เกิดเป็นข้อขัดแย้งที่จะส่งผลกระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจของไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ

เพราะบางประเทศปฏิเสธสินค้าจีเอ็มโอและหลายประเทศ ขอให้ติดฉลากผลิตภัณฑ์ทั้งที่มาจากจีเอ็มโอ รวมทั้งที่ปลอดจากจีเอ็มโอ

ดังนั้น การกำหนดนโยบายและท่าทีของไทยในฐานะ ผู้ส่งออกสินค้าเกษตร จึงมีแนวคิดเป็น 3 ทางคือ แบ่งเขตปลอด จีเอ็มโอ, จีเอ็มโอ และเขตเกษตรอินทรีย์อย่างชัดเจน เพื่อให้การส่งออกสินค้า พืชผลการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารของไทยมีความคล่องตัวตลอดเวลา และสามารถรักษาตลาดสำคัญ ๆ ไว้ได้

บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า จีเอ็มโอมีทั้งคุณและโทษนั้น หากไทยสามารถผสมผสาน และประยุกต์ความเชื่อนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ โอกาสของสินค้าเกษตรไทยก็จะยืนยง รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง และสามารถพัฒนารูปแบบของตนบนเวทีการค้าของโลกต่อไป ในในวันข้างหน้า

ทีมเศรษฐกิจ


ขอบคุณหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600