|
ลอนดอน - นักวิทยาศาสตร์อังกฤษ เตือนผลกระทบอาหารตัดต่อยีน เรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งวิจัย-ทดสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอมากกว่านี้ ขณะที่หน่วยงานยูเอ็นโต้ เป็นแค่อาการวิตกจริตไปเอง
ดร.อาร์แพด พัสทาย ให้สัมภาษณ์วิทยุบีบีซี เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ว่า ความวิตกของเขา เกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัย รวมทั้งผลกระทบจากการบริโภคอาหาร ที่มาจากผลิตภัณฑ์ปรับแต่งพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ได้รับการยอมรับมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่วารสารแลนเซต ซึ่งเป็นวารสารการแพทย์ชั้นนำของโลก ตัดสินใจตีพิมพ์ข้อมูลงานวิจัยของเขา
ดร.พัสทาย คาดหวังว่า การตีพิมพ์ผลงานวิจัยของเขา จะช่วยจุดกระแสให้นักวิชาการทั่วโลก หันหน้าไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง นั่นคือ ควรจะมีการวิจัยหาข้อมูลให้มากกว่านี้ ก่อนที่จะมีการยอมรับอาหารจีเอ็มโอ
ทั้งนี้ ดร.พัสทาย ถูกปลดจากตำแหน่งงานที่สถาบันโรเวตต์ สกอตแลนด์ และถูกนักวิทยาศาสตร์หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ จากการที่เขาเคลื่อนไหวต่อต้านอาหารจีเอ็มโอ ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
สำหรับผลงานการวิจัยของ ดร.พัสทาย ซึ่งได้รับการยอมรับตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ เป็นการวิจัยร่วมกับนายสแตนลีย์ อีเวน นักพยาธิวิทยา จากมหาวิทยาลัยอาเบอร์ดีน สกอตแลนด์ โดยสาระสำคัญของผลงานการวิจัย ระบุว่า หนูที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยป้อนมันฝรั่งตัดต่อยีน เกิดอาการผิดปกติที่อวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของหนูได้
ก่อนที่วารสารแลนเซตจะยอมรับผลงานของ ดร.พัสทาย คณะผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ 6 คน ได้ตรวจสอบผลงานวิจัยดังกล่าวแล้ว ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เป็นงานที่น่าเชื่อถือและสมควรที่จะลงตีพิมพ์ แต่ก็มีนักวิชาการ 2 คนในคณะ ที่ไม่ยอมรับงานวิจัยของเขา โดยกล่าวว่า เป็นงานวิจัยที่ไม่สมบูรณ์ ขาดการควบคุมปัจจัยแวดล้อม และไม่สอดคล้องกับข้อสรุปที่กล่าวอ้าง
นายแฮร์รี คูเปอร์ และคณะนักวิจัยจากสถาบันควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์การเกษตรของเนเธอร์แลนด์ วิจารณ์ผลงานวิจัยของ ดร.พัสทายว่า ไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่า การปรับแต่งพันธุกรรมของมันฝรั่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบในสัตว์ทดลอง
อย่างไรก็ดี นายริชาร์ด ฮอร์ตัน บรรณาธิการวารสารแลนเซต ปกป้องการตัดสินใจตีพิมพ์งานวิจัยของ ดร.พัสทาย แต่ก็เสริมว่า การตีพิมพ์ผลงานของเขา ไม่ได้ถือเป็นการรับรองความเชื่อของ ดร.พัสทาย
นายฮอร์ตันยังแสดงความเห็นด้วยว่า ควรจะมีการวิจัยถึงผลกระทบของอาหารจีเอ็มโอมากกว่านี้ ก่อนที่จะมีการตัดสินใจว่า อาหารตัดต่อยีนมีอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่
ขณะเดียวกัน สถาบันรอแยล โซไซเอตี สถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ ดร.พัสทายมาโดยตลอด ยังคงยืนยันไม่ยอมรับผลงานวิจัยของ ดร.พัสทาย พร้อมกล่าวว่า หากทางสถาบันมีอำนาจตัดสินใจ จะไม่สั่งตีพิมพ์ผลงานวิจัยของ ดร.พัสทายเป็นอันขาด
ในวันเดียวกัน นายจอห์น ลูเปียน ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและโภชนาการ ขององค์การอาหารและเกษตรกรรม (เอฟเอโอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสหประชาชาติ กล่าวถึงกระแสความวิตกของชาวยุโรป ต่อผลิตภัณฑ์อาหารตัดต่อยีนว่า เป็นอาการวิตกจริต ที่เป็นผลมาจากการเกิดวิกฤติด้านอาหารหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโรควัวบ้า หรือปัญหาไดออกซินปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เนื้อ นม ไข่
นายลูเปียนกล่าวว่า การที่ชาวยุโรปออกมาลุกฮือต่อต้านอาหารจีเอ็มโอ เป็นเพราะไม่มีการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตั้งแต่เมื่อแรกที่มีการวางจำหน่ายอาหารชนิดนี้ ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐ แสดงความไม่พอใจที่สินค้าส่งออกของพวกเขา ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงในยุโรป เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับอาหารจีเอ็มโอ
นายลูเปียนยืนยันว่า ทั้งเอฟเอโอ และองค์การอนามัยโลก (ฮู) ยังไม่พบหลักฐานที่ชี้ว่า อาหารตัดต่อยีนมีปัญหาด้านความปลอดภัย พร้อมเผยว่า เอฟเอโอได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อดูแลปัญหาอาหารจีเอ็มโอเป็นพิเศษ โดยคณะทำงานชุดนี้ จะเริ่มงานในปีหน้า
|
