มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ i.am/thaidoc หรือ hey.to/yimyam

[คัดลอกจากเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่8 ฉบับที่ 381 วันที่ 23 - 29 กันยายน 2542 ]

ประเด็นร้อนอาหารตัดต่อ 'จีน'


จีนในที่นี้ไม่ใช่คนจีนนะครับ แต่หมายถึง หน่วยย่อยของพันธุกรรม ที่อยู่ในสายดีเอ็นเอ ทำหน้าที่แสดงลักษณะหนึ่งๆ ในสิ่งมีชีวิต หลายคนชอบเขียนคำนี้ว่า ยีน ซึ่งไม่ถูกต้อง เนื่องจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เขาแปลคำ Gene ว่า จีน ไม่ใช่ ยีน

เรื่องราวของอาหารตัดต่อจีน กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทางสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน สหรัฐ

อเมริกาเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของอาหารตัดต่อจีนเหล่านี้ นั่นคือ เป็นยักษ์ใหญ่ของการใช้เทคโนโลยีชีวภาพทางด้านการตัดต่อจีน ในการพัฒนาพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ตอนนี้ถั่วเหลืองในสหรัฐอเมริกา ที่ส่งออกมากกว่าครึ่งหนึ่งกลายเป็น ถั่วเหลืองที่ตัดต่อจีนแบคทีเรีย ใส่เข้าไป กลายเป็นถั่วเหลืองที่ทนทานต่อยากำจัดวัชพืชได้ ข้าวโพดร้อยละ 30 ในสหรัฐอเมริกา กลายเป็นข้าวโพดตัดต่อจีนแบคทีเรีย ที่เรียกว่า บีที ทำให้ข้าวโพดสร้างสารฆ่าแมลงได้ด้วยตัวของมันเอง

คนอเมริกันทุกวันนี้มีชีวิตอยู่กับอาหารตัดต่อจีน อย่างเช่น เนยแข็งในตลาดอเมริกันร้อยละ 75 เป็นเนยแข็ง ที่ใช้เอนไซม์ที่ได้จากแบคทีเรียตัดต่อจีนในการผลิต นมเกือบร้อยละ 30 ได้มาจากวัวที่ฉีดฮอร์โมนเร่งนม ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากแบคทีเรียตัดต่อจีน ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาวันนี้จึงเจออาหารตัดต่อจีนเข้าไปเต็มที่ หาทางหลบเลี่ยงไม่พ้นหรอก

แต่คนยุโรปซึ่งนำเข้าผลผลิตอเมริกันหลายรายการ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ผู้บริโภคยุโรปค่อนข้างจะเข้มแข็ง ไม่ใช่ว่าทางสหรัฐอเมริกาส่งอะไรมาคนยุโรปก็กินไม่เลือก คนยุโรปมีประสบการณ์ขมขื่นกับเรื่องเทคโนโลยีอาหาร ที่บังเอิญสร้างปัญหามามาก อย่างเช่น เรื่องของโรควัวบ้า ที่ทำเอาเกษตรกรเลี้ยงวัวของอังกฤษล่มจมไปตามๆ กัน เรื่องของการฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต คนยุโรปเขาก็ไม่รับ ยิ่งฮอร์โมนมาจากการตัดต่อจีนด้วยแล้ว ยิ่งรับไม่ได้

คนยุโรปโดยเฉพาะคนอังกฤษมองว่า เทคโนโลยีการตัดต่อจีนหากนำมาใช้กับอาหารแล้ว ยังไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยต่อสุขภาพได้ คนอังกฤษจึงพากันเรียกอาหารตัดต่อจีนพวกนี้ว่า อาหารแฟรงเก้นสไตน์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลทรงลงมาต่อต้าน ด้วยพระองค์เองเลยทีเดียว

ภายหลังต่อมามีรายงานทางวิทยาศาสตร์ออกมาว่า อาหารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดภาวะภูมิต้านทานลด อาจมีการถ่ายทอดจีนจากอาหารเข้าสู่แบคทีเรีย ในทางเดินอาหารของมนุษย์ทำให้แบคทีเรียทนทานยาปฏิชีวนะ และที่สำคัญคือ มีการพบว่าจีนสร้างสารฆ่าแมลงที่ตัดต่อใหม่เหล่านี้ สามารถทำลายแมลงที่เป็นประโยชน์อย่างเช่น ผีเสื้อโมนาร์ช ฯลฯ ผู้คนก็ยิ่งหวั่นเกรง

คนเขาไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีชีวภาพ ไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีตัดต่อจีน แต่เขากังวลการใช้เทคโนโลยีนี้ในผลผลิต การเกษตรซึ่งมีการเพาะปลูกในพื้นที่เปิด ควบคุมได้ยาก นอกจากนี้ สิ่งที่ได้คือ อาหารที่ต้องรับประทานเข้าไปโดยตรง จะปลอดภัยในระยะยาวหรือเปล่าก็ไม่รู้

กระแสต่อต้านแพร่จากยุโรปลุกลามไปทั่วโลกแล้วละครับ จากยุโรปลามเข้าอัฟริกา ข้ามไปอเมริกาใต้ รุกไปถึงญี่ปุ่น ซึ่งกรณีของญี่ปุ่นนี่เขาบอกกันมาแล้วว่า หลังจากเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นไปอาหารที่มีส่วนผสมของอาหารตัดต่อจีนทุกชนิด จะต้องติดฉลากแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ

ประเทศอัฟริกาใต้เริ่มที่จะจำกัดพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ตัดต่อจีน ส่วนบราซิลเองก็ไม่อยากจะมีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะบราซิลเกรงว่ากระแสต่อต้านอาหารตัดต่อจีน จะทำให้ผลผลิตของตนเองขายไม่ออก ขณะเดียวกันในสหรัฐอเมริกา และแคนาดาก็เจอปัญหาตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ทางแคนาดาได้ดำเนินมาตรการแยกพืชไร่ตัดต่อจีนจากพืชไร่ปกติ เพื่อป้องกันปัญหา

ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทผู้ผลิตอาหารชื่อดังหลายแห่ง เริ่มประกาศที่จะไม่ใช้วัตถุดิบที่มีองค์ประกอบของผลผลิตตัดต่อจีน อย่างเช่น Berger บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอาหาร และเครื่องใช้สำหรับเด็กและทารกของสหรัฐอเมริกา บริษัท Bodyshop รวมไปถึงยักษ์ใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์ขายตรง ต่างถอนตัวจากผลิตภัณฑ์ตัดต่อจีนกันเป็นทิวแถว

กระแสต่อต้านอาหารตัดต่อจีนแพร่สะพัดไปกว้างขวาง จนรุกเข้าไปในสหรัฐอเมริกาเสียเอง ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มเกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมตัดต่อจีนเองก็เริ่มที่จะต่อต้าน เพราะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มักจะเป็นหมัน เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ จากบริษัทในทุกฤดูการผลิต การค้าขายเมล็ดพันธุ์ถูกผูกขาด ยิ่งมีการรวมตัวของบริษัทเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เกษตรกรก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้การทำเกษตรกรรมในหลายพื้นที่ ก็มักจะถูกบรรดากลุ่มต่อต้านเข้าไปบุกรุกทำลาย ต้องใช้ตำรวจใช้ทหารเข้าไปดูแลป้องกันพื้นที่ หาความปลอดภัยในการประกอบอาชีพไม่ได้ กระแสต่อต้านในสหรัฐอเมริกาเองก็เริ่มที่จะโตขึ้นทุกวัน

ประเด็นอาหารตัดต่อจีนจึงกลายเป็นประเด็นร้อน นานวันเข้ากระแสต่อต้านก็ยิ่งลุกลาม ประเทศไทยเจอผลกระทบเข้าไปแล้ว ในเมื่อผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทยที่มีองค์ประกอบของน้ำมันถั่วเหลือง พากันถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าไปในตลาดยุโรป เพราะเขาเกรงว่า จะมีการใช้ถั่วเหลืองตัดต่อจีนในการผลิตน้ำมัน เรื่องอาหารตัดต่อจีนจึงกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเต็มๆ ทั้งยังมีความพยายามกดดันผ่านทางฝ่ายการเมือง และนักวิชาการบางกลุ่มให้มีการนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เข้ามาเพาะปลูกในประเทศของเราด้วยซ้ำ เห็นทีทางกระทรวงเกษตรฯต้องคิดให้หนักแล้วละครับ

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งกระบวนการติดฉลากอาหารตัดต่อจีนให้เร็วขึ้นสักหน่อย คนไทยรับประทานข้าวโพดตัดต่อจีน ถั่วเหลืองตัดต่อจีน ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและอาร์เจนติน่ากันอยู่ทุกวัน จะปลอดภัยหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ก็น่าที่จะติดฉลากให้ผู้บริโภค เขารู้ตัวเองไว้บ้างนะครับ

ดร. วินัย ดะห์ลัน


ขอบคุณเนชั่นสุดสัปดาห์ ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600