|
กวาวเครือเป็นหนึ่งในจำนวนพืชสมุนไพรหลายชนิด
ที่กำลังอยู่ในความสนใจของนักวิจัยและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะนำไปใช้ขยายหน้าอกสตรีให้ใหญ่ขึ้น
บทความต่อไปนี้คัดจากหนังสือ "การประชุมวิชาการเภสัชกรรมปี 2542"
โดย ดร.สมภพ ประธานธุรารักษ์ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
ต่อผู้อ่านจำนวนมาก
กวาวเครือมีด้วยกัน 4 ชนิด กวาวเครือขาว กวาวเครือแดง
กวาวเครือดำ กวาวเครือมอ กวาวเครือที่กำลังเป็นที่สนใจคือ
กวาวเครือขาว เป็นไม้เถามีใบประกอบ 3 ใบย่อยและ
มีหัวใต้ดินที่ให้ฤทธิ์แบบฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อเอสโตรเจน
พืชสกุลนี้พบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่อินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน
มาเลเซีย โอเชีย จีน และญี่ปุ่น มีทั้งสิ้น 17 สายพันธุ์ (species)
มีรายงานที่พบในประเทศไทยอย่างน้อย 9 สายพันธุ์ เนื่องจากลักษณะที่จำแนกสายพันธุ์เป็นลักษณะของดอก ช่อดอก และฝัก ซึ่งออกปีละครั้งเดียวน่าจะยังมีความสับสนในเรื่องชื่อ
และชนิดที่ถูกต้องของกวาวเครืออยู่
องค์ประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือมีสารสำคัญ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ที่น่าสนใจมากคือ
- ไฟโตเอสโตรเจน (PHYTOESTROGEN)
- เป็นสารเคมีจากพืชที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน สารนี้สามารถพบได้
ในถั่วเหลืองด้วยและยิ่งได้รับความสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจาก
น่าจะเป็นปัจจัยต่อการลดอุบัติการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่
และต่อมลูกหมาก รวมถึงอาการเนื่องจากวัยหมดประจำเดือน
และโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งโรคดังกล่าว พบน้อยกว่าในชาวเอเชีย
เมื่อเทียบกับชาวยุโรป เพราะชาวเอเชียบริโภคอาหาร
ซึ่งผลิตจากถั่วเหลืองมากกว่าชาวยุโรปมาก
- ไมโรเอสตรอล (MIROESTROL)
- มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเหมือนฮอร์โมนเพศหญิง
ชื่อเอสตราไดออล (ESTRADIOL) ซึ่งมีฤทธิ์ค่อนข้างแรง
มีผู้รวบรวมงานวิจัยของกวาวเครือขาวระหว่างปี 2542-2541
(โดยยุทธนา สมิตะศิริ) สรุปได้ว่า ทั้งในรูปผงแห้งและ
สารสกัดหัวกวาวเครือขาวมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
ในสัตว์หลายชนิดดังกล่าวดังแสดงในตารางข้างล่างนี้
| ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา | สัตว์ทดลอง |
| 1) คุมกำเนิดสัตว์ทดลอง | นกกระทา, หนู, สุนัข |
| 2) ชักนำการทำแท้งในสัตว์ทดลอง | หนู |
| 3) ยับยั้งการให้นมในสัตว์ทดลองที่กำลังให้นมลูก | หนู |
| 4) ผลขยายขนาดเต้านม | หนู,แพะ, หมู |
5) ผลต่อระบบสืบพันธุ์ในสัตว์ทดลองเพศผู้
- ยับยั้งการสร้างสเปิร์ม - ลดจำนวนครั้งที่ผสมพันธุ์ |
หนู หนู, สุนัข |
6) ผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์เพศเมีย
- ปากช่องคลอดขยาย |
หนู, สุนัข, แพะ, สุกร |
พิษของกวาวเครือขาว
ยุทธนา สมิตะศิริ รายงานถึงพิษของกวาวเครือ
เมื่อใช้ในปริมาณสูงพบว่า ทำให้สัตว์ทดลองตายได้
ในนกกระทาพบว่า ลดภูมิคุ้มกันทำให้เกิดฝีหนองขึ้นตามตัว
กระดูกเปราะและหักง่าย
ในหนูทดลองพบว่า จำนวนเม็ดเลือดแดงลดลง
เซลล์ตับเล็กลง ขนาดและน้ำหนักของต่อมหมวกไตเพิ่มขึ้น
และมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์
เมื่อให้ MIROESTROL ในคนขนาด 1 หรือ 5 มก.ต่อวัน
พบอาการปวดศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน
แม้ว่ากวาวเครือขาวจะมีสารไฟโตเอสโตรเจนหลายชนิด
คล้ายกับที่พบในถั่วเหลือง แต่สารเหล่านี้มีฤทธิ์ ESTROGENIC ที่อ่อนมาก สารออกฤทธิ์ที่สำคัญในหัวกวาวเครือขาวน่าจะเป็น "MIROESTROL"
ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง ESTRADIOL
และมีฤทธิ์ใกล้เคียงกันมาก คือ 0.25-1.3 เท่าของ ESTRADIOL
เพราะฉะนั้นการจะนำกวาวเครือขาวมาใช้ประโยชน์เป็นยา ยังต้องการการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมทั้งในด้านเภสัชวิทยา
การทดลองในคนและที่สำคัญคือ การศึกษาทางด้านพิษวิทยา
โดยเฉพาะพิษระยะยาวของทั้งสาร MIROESTROL, สารสกัดหยาบ
และผงแห้งของกวาวเครือขาว เพื่อความเชื่อมั่นในการนำกวาวเครือขาว
มาใช้ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคอย่างปลอดภัย |