|
นับเป็นเวลานานกว่า 100 ปีแล้วที่ผู้หญิงได้เริ่ม
เรียกร้องการมีสิทธิ์ และเสรีภาพเท่าเทียมชาย
ในขณะที่ชายไม่เคยโวยวายเรียกร้องขอสิทธิ์หนึ่งสิทธิ์ใด
ให้เท่าเทียมหญิงเลย และถ้ามีสิทธิ์บ้าง
ชายก็คงเรียกร้อง
การมีชีวิตยืนนานเท่าหรือกว่าหญิงเป็นแน่ เพราะตั้งแต่มนุษย์
ได้ถือกำเนิดมาบนโลก หญิงได้มีชีวิตยืนนานกว่าชายมาโดยตลอด โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ในสหรัฐอเมริกา
อายุเฉลี่ยของผู้ชายเป็น 73 ปี ในขณะที่อายุผู้หญิงจะยืนนานถึง 79 ปี ผู้หญิงยุโรปก็มีชีวิตยืนยาวกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย 10 ปี แต่สตรีเอเชีย
มีอายุขัยพอๆ กับชาย แม้แต่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก
สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์น้ำ เช่น ปลา เราก็มักจะพบว่า
สัตว์ตัวเมียมีชีวิตยืนนานกว่าตัวผู้เช่นกัน
นักชีววิทยาได้เห็นความแตกต่างนี้และมีความเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้หญิงมีอายุยืนกว่าชายนั้นมีสองประการ
คือ พฤติกรรมและสรีระ
ในด้านพฤติกรรมนั้น ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ชีวิตชาย
เป็นชีวิตที่ต่อสู้ เสี่ยงภัย และในบางครั้งอย่างบ้าบิ่น ดังนั้นอุบัติเหตุต่างๆ
ที่จะทำให้เกิดการเสียชีวิต และการบาดเจ็บทุพพลภาพต่อเพศชาย
จะมีมากกว่าเพศหญิง และธรรมชาติของชายนั้น ตามปกติก็กล้ากว่าผู้หญิง
นั่นหมายถึง การกล้าที่จะฆ่าตัวตายก็มากกว่าหญิงด้วย การสูบบุหรี่จัดกว่ามีโอกาสทำให้ผู้ชายเป็นมะเร็งได้มากกว่า
การดื่มสุรามากและบ่อยกว่า ก็ทำให้ร่างกายผู้ชายเป็นโรคตับวาย
ได้มากกว่า การรู้สึกห่วงใยในสุขภาพของตนเองของผู้ชายก็น้อยกว่าผู้หญิง เพราะสถิติการไปหาหมอชี้ชัดว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชาย
ไปหาหมอน้อยครั้งกว่าผู้หญิง
ส่วนในด้านสรีระนั้นเล่า ผู้หญิงก็ได้เปรียบผู้ชาย
เพราะในวัยหนุ่มสาวชายและหญิงมีโคเลสเตอรอลในร่างกายเท่าๆ กัน แต่พอย่างเข้าวัยกลางคนระดับโคเลสเตอรอลในชายจะเพิ่มสูงมาก ในขณะที่ร่างกายของฝ่ายหญิงจะมีฮอร์โมน estrogen ทำหน้าที่
ควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอล จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นหมดประจำเดือน
ดังนั้นเราจะเห็นว่าในอดีตเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เมื่อโลกยังไม่รู้จัก
วิธีคุมกำเนิด ผู้หญิงตั้งครรภ์บ่อย การคลอดลูก 7-12 คนต่อสตรีหนึ่งคน
ถือกันว่าเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นร่างกายของสตรีจึงต้องทำงานหนักมาก
สตรีจึงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ปัจจุบันเรามียาคุมกำเนิด
และสตรีรู้จักป้องกันตัวเอง ดังนั้น เมื่อครอบครัวหนึ่งๆ มีสมาชิก
จำนวนไม่เกิน 4 คน สุขภาพและชีวิตของผู้เป็นแม่ปัจจุบันจึงดี
และยืนนานกว่าแม่ในอดีตมาก
ส่วนในมุมมองของนักชีววิทยานั้น เซลล์เพศหญิง
มี chromosome ชนิด x อยู่ 2 ตัว แต่เซลล์เพศชายมี
chromosome x เพียงตัวเดียว ดังนั้น
เมื่อเกิดมีอะไรผิดปกติกับ chromsome x ตัวหนึ่งในเซลล์เพศหญิง
ผู้หญิงก็จะมี chromosome x เหลือเป็นปกติอีกตัว แต่สำหรับผู้ชาย
หาก chromosome x ถูกทำลายไป เซลล์ผู้ชายก็จะไม่มีใหม่
่ให้ทำงานแทน ความผิดปกติทางพันธุกรรมจึงมักจะเกิดในผู้ชาย
เช่น คนที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด (hemophilia) จึงมักจะเป็นผู้ชาย
เป็นต้น
นอกจากนี้ นักชีววิทยายังมีความเห็นอีกว่า ธรรมชาติได้สร้าง
ให้ผู้ชายต้องต่อสู้กับภายนอก ผู้ชายจึงต้องมีร่างกายที่ใหญ่และแข็งแรง แต่การที่จะให้ร่างกายสมบูรณ์นั้น ร่างกายต้องการพลังงาน
และเวลาในการพัฒนามาก ดังนั้น ร่างกายผู้ชายที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่
เวลาถูกเชื้อโรครบกวนจึงเจ็บป่วยและเสียชีวิตเร็ว
นอกจากนี้ สถิติการคลอดของทารกก็ยังแสดงให้เห็นชัดเจนว่า
ทารกที่เป็นเพศชายเสียชีวิตง่ายกว่าทารกที่เป็นเพศหญิง
และถึงแม้อัตราส่วนไปในครรภ์ที่จะพัฒนาไปเป็นเด็กผู้ชายต่อเด็กผู้หญิง
จะเท่ากับ 115:110 ก็ตามแต่เมื่อถึงเวลาคลอด อัตราส่วนทารกเพศชายต่อหญิง
จะเป็นประมาณ 99:100 และเมื่อย่างเข้าวัยชรา จำนวนชายต่อหญิง
วัย 65ปีเดียวกัน จะลดลงเป็น 83:100 เท่านั้นเอง
ในวารสาร Proceeding of the National Adademy of Sciences
ฉบับเมื่อเร็วๆ นี้ J.Allman แห่ง California Institute of
Technology ได้ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า การที่ผู้ชายตายเร็วกว่าผู้หญิง
เพราะผู้ชายใช้เวลาในการดูแลลูกของตนน้อยกว่าผู้หญิง
Allman ได้สังเกตเห็นว่า การที่ชายมีอายุสั้นกว่าหญิง และในขณะเดียวกัน
ชายก็ดูแลลูกน้อยกว่าหญิง ดังนั้น ความจริงสองประการนี้น่าจะมีอะไรๆ
ที่สัมพันธ์กัน เขาจึงได้ศึกษาสัตว์ต่างๆ หลายชนิด และก็ได้พบว่า
ความแตกต่างระหว่างอายุขัยของสัตว์เพศผู้และเพศเมีย ขึ้นกับเวลาที่พ่อหรือแม่สัตว์ทุ่มเทไปในการเลี้ยงลูกของมันเองจริงๆ
ตามความเข้าใจของคนทั่วไป การเลี้ยงดูเด็กเล็กๆ เป็นงานหนัก
ดังนั้น พ่อแม่คนใดที่ต้องใช้เวลาเลี้ยงดูดลูกมากและนาน
จะเหนื่อยล้า และเครียด ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้ชีวิตของพ่อหรือแม่สั้น
แต่ Allman ได้พบว่า ความจริงหาได้เป็นดังที่เราๆ คิดไม่
นักชีววิทยาทุกคนได้รู้มานานแล้วว่า สัตว์ใดที่สามารถมีลูก
ได้หลายตัวมักจะรีบมีลูกตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ และในการคลอดลูก
แต่ละครั้ง สัตว์ที่เป็นแม่ต้องสูญเสียทรัพยากรในร่างกายมากคือ แทนที่จะเอาพลังงานส่วนนี้ไปเติมเต็มส่วนที่บกพร่องในร่างกายตน
แม่กลับเอาไปสร้างลูกแทน ดังนั้น แม่สัตว์มีลูกหลายตัว จึงต้อง
สูญเสียพลังงานมาก ทำให้มันมีอายุสั้น แต่สัตว์ใดที่มีลูกน้อยตัว จะสามารถใช้เวลาดูแลลูกของตัวเองได้มากและในขณะเดียวกัน
ก็สูญเสียพลังงานในการสร้างลูกน้อยด้วย มันจึงมีชีวิตยืนนาน
เมื่อ Allman ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการดูแลลูกกับอายุขัยของสัตว์ เขาจึงตั้งสมมติฐานว่า สัตว์ที่ใช้เวลาดูแลลูกมากจะมีอายุยืน
ในการทดสอบสมมติฐานนี้ว่าจริงหรือไม่ เขาได้เก็บ
รวบรวมข้อมูลชีววิทยาของสัตว์ประเภทลิง (ซึ่งรวมทั้งคนด้วย) 10 ชนิด
และได้พบว่า สัตว์เหล่านี้คลอดลูกได้ครั้งละตัว และลูกอ่อนของมัน
ต้องพึ่งพาอาศัยพ่อ แม่ นานหลายปี อนึ่ง พ่อแม่สัตว์ที่ Allman เลือกมาศึกษา สัตว์เหล่านี้ใช้เวลาในการเลี้ยงดูลูกไม่เท่ากัน ขึ้นกับว่า
สัตว์พ่อมั่นใจเพียงใดหรือไม่ว่าลูกที่ตนกำลังดูแลอยู่นั้น
เป็นลูกของตนจริงๆ และเขาได้พบว่า ลิงชิมแปนซีตัวผู้
มักไม่สนใจไยดีในตัวลูกลิงเลย ทั้งนี้เพราะลิงชิมแปนซีตัวเมีย
สำส่อนมาก จนพ่อลิงไม่มั่นใจเลยว่า ลูกลิงที่ตนกำลังเลี้ยงนั้น
เป็นลูกจริงของตัวหรือไม่ มันจึงไม่ดูแลลูกเลย ผลก็คือ อายุเฉลี่ยของลิงตัวผู้น้อยกว่าตัวเมียถึง 40%
ส่วนลิงกอริล่าตัวผู้นั้น มีคู่มั่นเหมาะ (เหมือนคน) มั่นจึงมั่นใจมากว่าทารกที่มันดูแลนั้นเป็นลูกของมันจริงๆ
มันจะคอยปกป้องลูกให้รอดพ้นอันตรายต่างๆ แต่ก็ยังให้เวลาเลี้ยงดู
ลูกน้อยกว่าตัวเมียอยู่นั่นเอง ผลปรากฏว่า ลิงกอริล่าตัวเมีย
มีอายุยืนกว่าตัวผู้ 12.5% และในกรณีของคนผู้หญิงมีอายุยืนกว่าผู้ชาย 8%
และเพื่อยืนยันความคิดของเขาว่าถูก Allman ได้พบว่า
มีลิงอยู่ 2 ชนิด คือ ลิง titi และลิงนกเค้าแมว (owl monkey)
ที่ตัวผู้และตัวเมียมีความสัมพันธ์แนบแน่นถึงระดับที่ตัวผู้รู้ว่า
ตนเป็นพ่อของลูกที่ตัวเมียคลอดแน่ๆ และในการเลี้ยงดู
ลูกนั้นลิงตัวผู้ทั้งสองชนิดจะให้ลูกเกาะหลังโหนหาอาหารตามต้นไม้
จนกระทั่งลูกมันโตพอจะหาอาหารได้เอง ส่วนแม่ลิงนั้น
ก็ทำหน้าที่เพียงให้นมลูกเท่านั้นเอง ลิงตัวผู้จึงมีเวลา
ให้ลูกมากกว่าตัวเมียมาก แม้ถึงเวลาพ่อลิงล้มตาย
แม่ลิงก็ยังไม่สนใจลูกเลย มันจะปล่อยลูกให้ตายตามพ่อไป
ในกรณีนี้ Allman ได้พบว่าลิงตัวผู้มีอายุยืนกว่าลิงตัวเมียถึง 20%
ความจริงนี้ คงทำให้คนหลายคนชื่นใจที่รู้ว่า
ธรรมชาติก็มีรางวัลสำหรับพ่อ และแม่ที่แคร์ลูก
โดยการมอบการมีอายุยืนให้ครับ |