-
สัปดาห์ก่อน วันพฤหัส ภายในห้องผ่าตัดได้เกิดเหตุการณ์โกลาหลขึ้น
อย่างหนึ่งคือ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังผ่าตัดเปิดหน้าท้องของคนไข้สตรีรายหนึ่ง
เพื่อตัดเนื้องอกในช่องท้อง ข้าพเจ้าต้องตกใจ และสบถคำไม่สุภาพออกมา
จนทำให้คนอื่น ๆ พลอยตกใจไปด้วย
-
"ตายละหว่า
ผ่าตัดผิด
" ข้าพเจ้าอุทาน
"มีอะไรผิดพลาดหรือ
" พยาบาลดมยาถาม
"สงสัย ผมจะเอาคนไข้ตั้งครรภ์ธรรมดามาผ่า เพราะมดลูกโตและนุ่มเหมือนคนท้องอายุครรภ์ 6 เดือนเลย"
ข้าพเจ้าตอบกลับไป
"อาจารย์
คนไข้รายนี้มีระดูทุกเดือนนะครับ จะท้องได้ยังไง" นักศึกษาแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัดเอ่ยทักขึ้น คำเอ่ยทักนี้
ทำให้ข้าพเจ้าตื่นจากความตกใจและค่อย ๆ เรียงลำดับเหตุการณ์
- คนไข้สตรีรายนี้ อายุเพียง 32 ปี แต่งงานแล้วแต่ยังไม่เคยมีลูก เธอคลำพบก้อนที่ท้องน้อยมาเมื่อ 1 ปีก่อน ก้อนที่ท้องน้อยค่อย ๆ โตขึ้นเรื่อย ๆ
ประมาณต้นเดือนเมษายน เธอได้มาตรวจโรคที่โรงพยาบาลตำรวจ
ข้าพเจ้าบอกเธอว่า น่าจะเป็นเนื้องอกรังไข่ขนาดใหญ่
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร และแนะนำให้ไปผ่าตัดยังโรงพยาบาลของคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัย
เพราะในใจข้าพเจ้าคิดว่า อาจจะเป็นมะเร็งรังไข่
คนไข้ได้รับการตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายอย่าง รวมทั้งตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ด้วย
ขณะนั้นคนไข้มีปัญหาเรื่องโลหิตจางมาก ๆ ข้าพเจ้าจึงได้ให้ยาบำรุงเลือด
ไปรับประทานประมาณ 1 เดือน แล้วค่อยมานัดผ่าตัดทีหลัง
ข้าพเจ้าถามเธอว่า
- "ทำไมถึงไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย" คนไข้ตอบว่า
"ไว้ใจหมอ หมอเป็นคนใจดี หนูอยากรักษาที่นี่"
- หลังจากนั้น 1 เดือน คนไข้มาตรวจเลือดอีกครั้ง พบว่า
ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มมากขึ้น เกือบเท่าคนปกติ
ข้าพเจ้าจึงได้นัดให้มารับการผ่าตัดในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา ดังนั้นข้าพเจ้าค่อนข้างจะลืมประวัติคนไข้ไปแล้ว มาพบกันอีกที
คือ ในห้องผ่าตัด นั่นคือที่มาของคำว่า "ตายละหว่า
"
จากนั้นข้าพเจ้าจึงพูดต่อไปว่า
-
"เดิมวินิจฉัยเป็นเนื้องอกรังไข่ คิดไม่ถึงเลยว่า พอผ่าตัดเปิดหน้าท้องออกมาจะกลายเป็นเนื้องอกมดลูก
แต่มดลูกนุ่มมากเหลือเกิน ลักษณะเหมือนคนท้องเลย เพื่อความไม่ประมาทให้ใครช่วยไปเอาเครื่องอัลตราซาวนด์
มาตรวจดูมดลูกรายนี้ว่า ไม่มีเด็กอยู่ข้างใน"
ในระหว่างนั้น ข้าพเจ้าพยายามทบทวนความจำว่า เคยทำการตรวจอัลตราซาวนด์หน้าท้องคนไข้ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนก่อนและพบเนื้องอกซึ่งขณะนั้นนึกว่าเป็นเนื้องอกรังไข่
-
ข้าพเจ้าหยิบเอามดลูกขนาดใหญ่เท่ากับที่ตั้งครรภ์ 6 เดือน
ออกมาจากในช่องท้อง แล้วเอาแผ่นพลาสติกใสปราศจากเชื้อโรค ปิดคลุมตัวมดลูกและบริเวณผ่าตัดใกล้เคียง
จากนั้นจึงใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจดูอย่างละเอียด
- "ไม่มีตัวเด็ก
ข้างในมองเห็นเป็นสีดำ ๆ น่าจะเป็นเนื้อมากกว่าน้ำ" ข้าพเจ้าอธิบายให้กับพยาบาลหลาย ๆ คนภายในห้องผ่าตัดฟัง ขณะที่ใช้หัวตรวจอัลตราซาวนด์เคลื่อนไปบนก้อนมดลูก
"สรุปว่า เป็นเนื้องอกมดลูก ค่อยสบายใจหน่อย แต่ข้างในมีลักษณะแปลก ๆ นะ" ข้าพเจ้าดูไปก็แสดงความไม่แน่ใจออกมาว่า จะทำอะไรต่อไป
พยาบาลคนหนึ่งในที่นั้นบอกว่า "ทำไมหมอไม่ลองเอาเข็มเจาะดูดดูละ
เผื่อว่าจะมีน้ำอยู่ภายใน แต่
ไม่มีเด็กแน่นะ"
"ไม่มีเด็กแน่นอน ดูจากภาพบนจอเครื่องอัลตราซาวนด์ซิ"
ข้าพเจ้าย้อนตอบกลับไป เพราะยังมีคนไม่เชื่อว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดเป็นความจริง
- จากนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเข็มฉีดยาพร้อมกับกระบอกฉีดยา
ขนาด 20 มิลลิลิตร มาเจาะลงบนเนื้องอกมดลูกนั้น
- "ไม่ได้อะไรออกมาเลย
"
ข้าพเจ้าอธิบายไปด้วยขณะที่เจาะดูดเนื้องอกมดลูก
ข้าพเจ้าเจาะดูดไปหลายครั้งจนแน่ใจว่า เป็นเนื้องอกมดลูกจริง ๆ
จึงลงมือผ่าตัดต่อไป
ข้าพเจ้า ลงมีดที่ส่วนบนบริเวณกึ่งกลางตัวมดลูก ค่อย ๆ กรีดตรงลงมา
เลือดออกเพียงเล็กน้อย ค่อย ๆ แหวกรอยกรีดออก ข้าพเจ้ามองเห็น
"เนื้อ" ลักษณะเหมือนเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (MYOMA) อยู่ข้างล่าง จึงใช้นิ้วมือลงไปเซาะลอกเอาเนื้องอกออกมา
"สงสัยเป็นก้อนเนื้องอกมดลูก (MYOMA) ธรรมดา"
ข้าพเจ้าพูดไปก็ใช้มือเซาะไป ปกติเนื้องอกชนิดนี้
สามารถเอามือเซาะลอกเอาออกมาเป็นก้อนได้เลย เพราะก้อนเนื้องอกมีลักษณะเหมือนลูกบอลที่ซ่อนอยู่ภายในตัวมดลูก
ยิ่งเซาะมือลงไปเลาะ ยิ่งรู้สึกว่าก้อนเนื้องอกใหญ่มาก
นอกจากนั้น รูปร่างยังดูแปลก ๆ อีกด้วย รอยแผลที่ลงมีดบนตัวมดลูก
กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ตามขนาดของเนื้องอก
- ในที่สุดข้าพเจ้าสามารถลอกเอาเฉพาะเนื้องอกออกมาจากตัวมดลูกได้ แต่ข้าพเจ้าต้องอุทานเป็นครั้งที่ 2
-
"ตายแล้ว
หน้าตาเนื้องอกทำไมน่าเกลียดอย่างนั้น
ลักษณะเหมือนกับสมองคนเลย มะเร็งแน่นอน
"
ข้าพเจ้าเริ่มไม่สบายใจกับสิ่งที่พบ พลางชี้ให้พยาบาลในห้องผ่าตัดนั้นดูเนื้องอกมดลูกก้อนใหญ่
่ที่ลอกเอาออกมา ทุกคนที่เห็นต่างอุทานเหมือน ๆ กันคือ
"สงสัย มะเร็งมดลูก
"
"คนไข้ยังสาวอยู่เลย เรียกหัวหน้าแผนกให้หน่อย
ช่วยมาพิจารณาอีกคนว่า จะทำยังไงดี"
ข้าพเจ้าบอกกับพยาบาลในห้องนั้น ขณะเดียวกันก็ลงมือตัดมดลูกไปเลย
เพราะยังไง ๆ คงไม่สามารถเก็บรักษาตัวมดลูกไว้ได้แล้ว เพียงแต่รังไข่ซึ่งมีเซลล์สืบพันธุ์จำนวนมากและเป็นอวัยวะที่สร้างฮอร์โมนเพศ
เราจะเก็บไว้ดีไหม
- หัวหน้าแผนกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลตำรวจเข้ามามอง ๆ สักครู่
ท่านจึงบอกว่า
- "มะเร็งมดลูกแน่นอนตัดหมดเลยนะ ไม่ต้องเหลือรังไข่ไว้เลย และตัดเอาเยื่อบุลำไส้บางส่วนตรวจไปด้วย
เพียงดูการกระจายของมะเร็ง แต่เออ! ลองตัดชิ้นเนื้อบางส่วน
ส่งไปห้องพยาธิวิทยาดูก่อนดีไหม เพื่อยืนยันการวินิจฉัยของเรา"
ข้าพเจ้าทำตามคำแนะนำ ตัดชิ้นเนื้อของเนื้องอกมดลูกบางส่วนส่งไปตรวจ พร้อมกับบอกพยาบาลที่นำชิ้นเนื้อไปส่งว่า "ขอผลด่วนนะครับ"
ผลที่ว่านี้ คือ ผลการตรวจทางพยาธิวิทยา
ไม่รอช้าข้าพเจ้าทำการตัดมดลูกออกพร้อมกับเนื้องอกไปเรื่อย ๆ
ขณะที่รอผลชิ้นเนื้อตอนนั้น ข้าพเจ้าเหลือรังไข่ด้านซ้ายไว้ข้างหนึ่ง
เผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ คือ ผลการตรวจทางพยาธิวิทยา
ไม่เป็นมะเร็งอย่างที่พวกเราเข้าใจกัน
- ข้าพเจ้าใช้เวลาผ่าตัดเอามดลูกพร้อมกับรังไข่ด้านขวาและเยื่อบุลำไส้ออก
ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และรอว่า หากผลชิ้นเนื้อที่ส่งไปตรวจเป็นมะเร็ง
ก็จดตัดรังไข่ด้านซ้ายไปด้วย สักครู่หนึ่งพยาธิโทรศัพท์กลับมาบอกเองว่า
-
"เป็นเนื้องอกมดลูก (MYOMA) ธรรมดา
เพียงแต่มีลักษณะเซลล์บวมน้ำไปหน่อย"
"โชคดีเป็นของคนไข้ รังไข่ที่เหลือไว้ในตอนแรก ไม่ต้องตัดออกไปด้วย"
ข้าพเจ้าพูดอธิบายต่อ "แต่อย่าไปวางใจมากนัก ชิ้นเนื้อที่ส่งไปตรวจเป็นเพียงส่วนน้อยของเนื้องอกเท่านั้น
เพราะหน้าตาเนื้องอกหน้าเกลียดมาก ลักษณะคล้ายกับมะเร็งเลย คงต้องรอผลทางพยาธิวิทยาในขั้นสุดท้ายอีกที
แล้วจึงค่อยสบายใจว่า ไม่ใช่มะเร็ง"
"คนไข้รายนี้ตลกดี" ข้าพเจ้าสรุปตอนท้าย
"เหตุการณ์พลิกกลับไปกลับมา ตอนแรกคิดว่าเป็นเนื้องอกรังไข่
พอผ่าตัดเปิดหน้าท้องลงไป กลายเป็นเนื้องอกมดลูก
พอยกมดลูกขึ้นมาเหนือหน้าท้องก็ต้องตกใจและคิดว่าผ่าตัดผิด เพราะมดลูกโตและนุ่มมากเหมือนกับของสตรีตั้งครรภ์
พอเลาะเอาเนื้องอกออกมาก็คิดว่า เป็นมะเร็ง
แต่ผลชิ้นเนื้อกลับเป็นเนื้องอกมดลูกธรรมดา ไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าผลชิ้นเนื้อจริง ๆ จะพลิกกลับมาเป็นมะเร็งอีกหรือเปล่า ถ้าเป็นมะเร็งละก็
มะเร็งมดลูกชนิดนี้การพยากรณ์โรคจะไม่ดี แต่คิดในทางที่ดีไว้ก่อนดีกว่า
ขออย่าให้เป็นมะเร็งเลย" ก่อนออกจากห้องผ่าตัด ข้าพเจ้าได้ขอให้ช่างภาพของโรงพยาบาลถ่ายรูปเนื้องอกมดลูก
ที่ตัดออกมาไว้เพื่อการศึกษาด้วย
- ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมคนไข้ทุกวัน และบอกคนไข้กับสามีว่า
- "เป็นเนื้องอกมดลูกขนาดใหญ่มาก ตอนแรกพยายามเก็บตัวมดลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ แต่ไม่สามารถเก็บมดลูกไว้ได้จริง ๆ
ต้องตัดออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ได้ส่งตรวจชิ้นเนื้อระหว่างผ่าตัด ผลคือไม่เป็นมะเร็งขอให้สบายใจหากต้องการจะมีลูกของตัวเองละก็
เก็บเงินไว้เยอะ ๆ วันหลังค่อยมารักษาด้วยวิธีอุ้มบุญ"
คนไข้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ด้วยความดีใจที่ไม่เป็นมะเร็ง
ช่วงนี้ข้าพเจ้าเพิ่มจะสังเกตว่า เธอเป็นสตรีที่สวยงามมากคนหนึ่ง เรียกว่าสามารถส่งเข้าประกวดนางสาวไทยได้ทีเดียว
สัปดาห์ถัดมา ผลชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาส่งกลับมาว่า
"เป็นเนื้องอกมดลูกธรรมดา"
โชคดีที่ตอนแรกผ่าตัดเหลือรังไข่เอาไว้ข้างหนึ่ง
ข้าพเจ้าเหลือไว้อย่างนั้นเอง เผื่อไว้ว่าจะมีปฏิหาริย์เกิดขึ้น
เพราะว่าหน้าตาของเนื้องอกเหมือนกับ "มะเร็ง" มากเหลือเกิน
ขนาดหัวหน้าแผนอกยังบอกเลยว่า
"ตัดออกให้หมดเถอะ มะเร็งแน่นอน"
สิ่งนี้ช่วยให้ข้อคิดว่า "อะไรก็ตามที่หน้าตาดุร้ายไม่ได้หมายความว่า จะเลวร้ายตามใบหน้าไปด้วย แต่หญิงสาวที่หน้าตาดี ๆ
แล้วไม่มีมดลูกนี่สิ มันรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล
" |