|
ในอเมริกามีเด็กๆ อย่างน้อย 1 ใน 5 เป็นเด็กที่มีสภาวะน้ำหนักเกิน
หรือเด็กอ้วนและเด็กเหล่านี้ก็ทวีจำนวนขึ้นทุก ๆ วันกว่า 20 ปีมาแล้ว แม้ว่าปัญหาสุขภาพในเด็กจะมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่เด็กที่มีสภาวะน้ำหนักเกินก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่น
และเป็นผู้ใหญ่ที่มีสภาวะน้ำหนักเกิน การมีสภาวะน้ำหนักเกินในผู้ใหญ่
ย่อมหมายถึง ผู้นั้นจะมีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้แก่
โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งบางชนิด
อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะน้ำหนักเกินในเด็ก?
สาเหตุทั่วๆ ไปได้แก่สาเหตุทางพันธุกรรม หรือขาดการออกกำลังกาย
รับประทานไม่ถูกต้อง หรือสาเหตุเหล่านี้รวมกันอาจมีบ้าง
ที่ต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ แม้ว่าสาเหตุทางกรรมพันธุ์
จะมีบทบาทสำคัญในการที่จะทำให้เด็กกลายเป็นเด็ก
มีสภาวะน้ำหนักเกิน แต่เด็กทุกคนในครอบครัวไม่จำเป็น
จะเป็นเด็กอ้วนเสมอไป พฤติกรรมของครอบครัวได้แก่
พฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายก็มีอิทธิพลอย่างสูง
ต่อน้ำหนักเด็กด้วย จำนวนอาหารทั้งหมดที่เด็กรับประทาน
อาหารและระดับการเคลื่อนไหวของร่างกายจะมีบทบาทอันสำคัญ
ต่อน้ำหนักของเด็ก ยิ่งความนิยมในหมู่เด็กในการดูทีวี
การเล่นเกมคอมพิวเตอร์และวีดีโอเกมส์สูงขึ้น
กิจกรรมการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวของเด็กก็จะลดลง
ลูกของฉันอ้วนหรือไม่?
ถ้าคิดว่าลูกของคุณอ้วน คุณควรรีบไปคุยกับหมอเด็ก
หรือนักโภชนาการของคุณ ท่านเหล่านี้จะเป็นผู้ช่วยในการตัดสินว่า
ลูกคุณมีปัญหาเรื่องน้ำหนักหรือไม่ โดยเขาจะชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง
แล้วเปรียบเทียบดูว่าลูกคุณมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ถูกต้อง
ในช่วงอายุของเขาหรือว่าเขาเป็นเด็กที่มีสภาวะน้ำหนักเกินกันแน่
ฉันจะช่วยลูกน้อยอ้วน ๆ ของฉันได้อย่างไร
- สิ่งสำคัญที่คุณแม่สามารถช่วยลูกอ้วนของคุณได้คือ
การให้กำลังใจแก่เขา
ลูกยังเป็นลูกที่รักของคุณอยู่เสมอถึงแม้เขาจะเป็นเด็กอ้วน
เด็กๆ มักจะพัฒนาพื้นฐานความรู้สึกของเขาเองมาจากความรู้สึก
ของพ่อแม่ที่มีต่อเขา ถ้าคุณยอมรับลูกคุณ ไม่ว่าเขาจะอ้วนแค่ไหน
เขาก็จะมีความรู้สึกยอมรับและมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง พูดคุยกับลูก
ของคุณเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักและปล่อยให้เขาแสดงความคิดเห็น
ในเรื่องนี้ด้วย ลูกคุณอาจจะรู้ดีกว่าทุกคนเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักของเขา
ด้วยเหตุนี้เด็กอ้วนจึงต้องการกำลังใจสนับสนุน การยอมรับ
และการกระตุ้นเตือนจากบิดามารดา
- พ่อแม่ดูแลเปลี่ยนกิจกรรมให้มีการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินทีละเล็กทีละน้อย
- ทำตัวให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกของคุณ สดชื่นมีชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน ถ้าลูกคุณเห็นว่าคุณเป็นคนมีความกระตือรือร้นต่อการออกกำลังกาย
และทำให้คุณสนุกสนาน พวกเขาก็จะทำตามอย่างและก็จะกลายเป็น
คนกระตือรือร้น ถ้าเด็กไปโรงเรียนในช่วงพักก็ควรจะเล่นสนุกสนาน
กับเพื่อนๆ ในสนามหรือไม่ก็เดินเล่นรอบ ๆ สนามเป็นการออกกำลังกาย
- วางแผนการออกกำลังกายของครอบครัวที่สนุกและง่ายๆ
ได้แก่ เดินเล่น เต้นรำ ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ
อาจเดินเล่นหลังอาหารเย็นแทนที่จะนั่งดูทีวี เป็นต้น
-
เด็กอ้วนมักจะรู้สึกไม่สะดวกสบายในการที่จะร่วมกิจกรรมบางอย่าง
การช่วยหากิจกรรมที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก
กิจกรรมนั้นต้องไม่ทำให้เขารู้สึกว่ามันยากเกินไป และทำแล้วจะรู้สึกเขินอาย
แต่ตรงกันข้ามสิ่งนั้นควรจะทำให้เขารู้สึกสนุกสนาน
- ลดกิจกรรมที่ทำให้ครอบครัวต้องนั่งอยู่กับที่อย่างเช่น
การนั่งดูทีวี หรือนั่งเล่นวิดีโอเกมเป็นเวลานานๆ สิ่งสำคัญก็คือ
อย่าทำให้กิจกรรมการออกกำลังกายเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ทำให้เป็น
การสร้างโอกาสที่จะทำให้ครอบครัวมีความคล่องตัวและมีชีวิตชีวามากกว่า
- สั่งสอนลูกหลานและคนในครอบครัวทำให้มีบริโภคนิสัยให้ถูกต้อง มีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องของอาหาร ควรทำตั้งแต่เขายังเด็ก ให้เขารู้ว่าอาหารนั้นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม นอกจากจะอร่อยแล้ว
ยังมีความหมายต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาการและเป็นพลังงาน
ที่จะเก็บสะสมไว้ในร่างกาย วิธีที่ดีที่สุดจะเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารสำหรับเด็กนั้น คุณควรจะต้องอ่านหรือพูดคุยกับผู้รู้จริง
-
อย่าให้ลูกกินอาหารแบบมีข้อจำกัด ไม่ควรจำกัด
ให้เด็กทานแต่อาหารเพียงบางชนิดเท่านั้นเพื่อจะเป็นการลดน้ำหนัก ยกเว้นในกรณีที่เด็กมีความเจ็บป่วย หรือจำเป็นที่จะต้องจำกัดอาหาร
- ควรพิจารณาปริมาณลดไขมันในอาหารสำหรับครอบครัวลง
โดยไม่ต้องทำให้อาหารเสียคุณค่าไป วิธีง่ายๆ ก็คือ
รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารประเภทไขมันต่ำ เนื้อเป็ดไก่ที่ไม่มีหนัง,
เนื้อวัว, หมูไม่ติดมัน ธัญพืชชนิดไม่มีไขมัน
-
อย่าจำกัดของหวานจนเกินไป การระวังในการกินไขมัน เกลือและน้ำตาล เป็นเรื่องที่สำคัญ อาหารเหล่านั้นก็สามารถรับประทานได้
ในขนาดที่พอเหมาะปานกลาง
- กระตุ้นเตือนให้เด็กรับประทานช้าๆ เด็กๆ จะแยกความหิว
และความอิ่มออกจากกันได้เมื่อพวกเขารับประทานช้าลง
- รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวให้บ่อยที่สุด
เท่าที่จะทำได้ พยายามให้เวลาอาหารเป็นเวลาที่น่ารื่นรมย์ ไม่ใช่เวลาดุด่าหรือโต้เถียงกัน ถ้าเวลาอาหารไม่น่าภิรมย์
ลูกๆ คุณก็จะพยายามกินให้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้ลุกออกจากโต๊ะ
ได้ในทันทีเมื่อทานเสร็จแล้ว
พวกเขาก็จะเรียนรู้วิธีการกินสร้างความเครียด
- ให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการไปจ่ายกับข้าวและการเตรียมอาหาร
บิดา มารดาจะได้มีโอกาสสอนลูกให้รู้จักอาหาร และคุณค่าของอาหาร
-
คุณควรจะทำให้ snack ของคุณมีคุณค่าทางอาหารให้สูงที่สุด
เท่าที่จะทำได้ โดยไม่ตัดอาหารให้พลังงานสูง
อย่างมันฝรั่งทอด หรือคุกกี้ไปเสียเลย เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่คุณ
จะได้พบเจอเสมอเมื่อคุณไปงานสังสรรค์หรือเข้าสังคม
snack ที่มีคุณค่าได้แก่ผลไม้สดแช่แข็ง หรือผลไม้กระป๋อง
ผลไม้แห้ง ถั่ว หรือเมล็ดดอกทานตะวันหรือเมล็ดฝักทอง
ขนมปังหรือแคร็กเกอร์ที่ทำจากแป้ง whole wheat ทานกับแยมผลไม้
ขนมปังกรอบเค็ม ข้าวโพดคั่ว และคุกกี้ไขมันต่ำ เมล็ดธัญพืชแห้งทานเปล่าๆ
หรือทานกับนมพร่องไขมัน ของหวานแช่แข็งเช่น ไอศกรีมไขมันต่ำ โยเกิร์ต
น้ำแข็งใส่ผลไม้ หรือน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารหรือ snack ในขณะดูทีวี การรับประทานอาหารขณะดูทีวีจะทำให้ลืมความอิ่มไป
และอาจรับประทานอาหารเกินได้
- อย่าใช้อาหารเป็นเครื่องลงโทษหรือให้รางวัลแก่เด็กๆ การให้เด็กอดอาหารเพื่อเป็นการลงโทษนั้นอาจทำให้เด็กกังวลว่า
จะรับประทานอาหารไม่พอ ผลก็คือเด็กพยายามกินมากขึ้นเท่าที่จะมีโอกาส ในทำนองเดียวกันการให้ของหวานเด็กเป็นรางวัล
จะทำให้เด็กคิดว่า ขนมและของหวานเป็นอาหารที่มีคุณค่า
เด็กๆ เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ การเรียนรู้ที่ดีที่สุด
ก็ต้องมีการให้ตัวอย่าง จงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก
ในการกินอาหารที่หลากหลายและเป็นคนสดชื่นมีชีวิตชีวา
สิ่งนี้แหละจะสอนให้ลูกคุณมีบริโภคนิสัยที่ดี มีสุขภาพดี
ซึ่งพวกเขาจะได้ทำตามสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต
|