|
ปัญหาโลกแตกของคุณผู้ชายทั่วโลก ถ้าหากเขาเกิด
ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อปัญหาขัดแย้ง
ในครอบครัวอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งที่ปัจจุบันมีหนทางแก้ไขที่ปลอดภัย
และไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก
เมื่อ "สามีหย่อนสมรรถภาพทางเพศ" ผู้เป็นภรรยาหลายคนอาจไม่เข้าใจ ไม่สนใจ หรือไม่ก็ไม่รู้ว่า
ควรเริ่มต้นพูดคุยกับสามีอย่างไรดี โดยเฉพาะเมื่อยาช่วยบำบัดอาการนี้
มีจำหน่ายในเมืองไทยแล้ว เช่น ยากินไวอากร้า ยาสอดมิวซ์ เป็นต้น
แต่ในเรื่องนี้ดูเหมือนว่า เป็นการเพิ่มแรงกดดันทางลบแก่ภรรยา
กระทั่งทำอะไรไม่ถูก
ปัจจัยหลายประการที่ทำให้ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ที่ผู้เป็นภรรยาควรรู้ คือ เกิดขึ้นได้ทั้งจากปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับโรค และภาวะที่เกิดแทรกซ้อนเพราะโรคภัยไข้เจ็บ
ภาวะที่ไม่เกี่ยวกับโรค อาทิ ภาวะที่ก่อให้เกิดการขัดแย้ง
ระหว่างสามี-ภรรยา ภาวะด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึงกรณีที่ผู้หญิงไม่ดูแลตัวเอง หรือฮอร์โมนเพศเสื่อมถอย
กรณีนี้ผู้เป็นภรรยาควรต้องศึกษาทำความเข้าใจกับปัญหารอบด้าน
ของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องปากท้องในเศรษฐกิจฝืดเคือง
ยุคไอเอ็มเอฟอย่างนี้ มีโอกาสเป็นเหตุสำคัญที่เปิดปมประเด็นขัดแย้ง
ของครอบครัวได้บ่อยกว่าภาวะเศรษฐกิจปกติ
เมื่อเกิดปัญหาใดก็ตามแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย สามีภรรยา
ควรต้องปรึกษาพูดคุย ช่วยเหลือ รู้จักให้กำลังใจและให้อภัยซึ่งกันและกัน
รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา อย่าปล่อยให้ปัญหาสะสมค้างในใจเนิ่นนาน
บานปลายจนนำไปสู่ความบาดหมางใจ ทำให้สัมพันธภาพในครอบครัว
เริ่มถดถอย
ภาวะที่เกิดจากการแทรกซ้อนจากโรคต่างๆ เช่น
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด
หรือความดันโลหิตสูง ซึ่งมีโอกาสเกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีว่า มียาแผนปัจจุบันและเครื่องมือที่น่าเชื่อถือ
ช่วยบำบัดได้ โดยเฉพาะทางเลือกของการใช้ยากรักษา 2 ขนาน
คือยากินไวอากร้า (ไซติลนาฟิล) หรือยาสอดมิวซ์ (อัลพรอสตาติล)
สถานภาพของคุณผู้ชายไทยหัวเก่าส่วนมาก มักเข้าใจว่า
ตนเองคือหัวหน้าครอบครัว เขาคือช้างเท้าหน้าที่ต้องคลี่คลายปัญหา
โดยเฉพาะเรื่องรายได้ของครอบครัว คือ ความรับผิดชอบโดยตรงของเขา ส่วนภรรยาอยู่ในฐานะแค่ผู้รับฟัง และเป็นเพียงคู่คิดให้คำปรึกษา
มากกว่าร่วมการตัดสินใจ
ปัญหาครอบครัวที่ทำให้สามีภรรยาเกิดมีปากเสียงต่อกัน
อาจบานปลายจนทำให้ผู้ชายหาทางออกกับเรื่องอื่นๆ ที่ผู้หญิงรับไม่ได้
เช่น ไปเที่ยวผู้หญิง หรือแย่กว่านั้นจนยอมไม่ได้ รับไม่ไหว
ก็เรื่องที่สามีไปสร้างบ้านเล็กบ้านน้อย
เมื่อเกิดปัญหาใดก็ตามไม่ควรมองข้ามเป็นเรื่องเล็กน้อย ความรูสึกของผู้ชายและผู้หญิงค่อนข้างแตกต่างโดยธรรมชาติ
ดังนั้นสามีภรรยาควรต้องปรึกษาพูดคุย ช่วยเหลือ รู้จักให้กำลังใจ
และให้อภัยซึ่งกันและกัน รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา อย่าปล่อยให้ปัญหาสะสมตกค้างในใจเนิ่นนานเกินไป
เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศของสามีภรรยา แม้เป็นปัจจัยสำคัญน้อยกว่า
ความรักความผูกพัน แต่ความรูสึกในเรื่องเพศที่เคยมีแล้วขาดหายไป คุณผู้ชายจะมีความรู้สึกสุดแสนเสียดายรุนแรงกว่าคุณผู้หญิง
ชายหลายคนพูดกันบ่อย ๆ ในทีเล่นทีจริง ถ้าขาด
"น้องสมชาย ขอตายเสียดีกว่า" เพราะของรักของหวง
เคยใช้การใช้งานได้คล่อง แต่พูดถูกตัดขาดสะบั้นโดยไม่บอกกล่าว เรื่องอย่างนี้ผู้ชายกลัวมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า
ข้อมูลที่น่าสนใจเรื่องดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์
WWW.VIVUS.COM ของบริษัท ไววุส อิงค์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของยาบำบัดเซ็กซ์เสื่อมประเภทใช้สอด "มิวซ์" ทำการสำรวจ
"ความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" จากตัวอย่างชาย 198 คน
หญิง 200 คน อายุเกิน 50 ปีขึ้นไป และมีคู่สมรสแล้ว
โดยบริษัทวิจัยทางการตลาด ไอซีอาร์สหรัฐอเมริกาพบว่า
ชายหญิงที่สำรวจทั้งหมดมีประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น ที่เข้าใจถึงแนวใหม่ๆ
ในการรักษา แต่พอแจ้งให้ทราบว่า มียาและวิธีการบำบัด
ก็มีแนวโน้มสนใจทันที
- ผู้ชายเกือบร้อยละ 50 ตอบว่า "จะรู้สึกดี ถ้าภรรยาช่วยกระตุ้นให้เขา
เข้าพบแพทย์รับการบำบัด"
- ผู้ชายร้อยละ 80 ตอบว่า "เรื่องสมรรถภาพทางเพศ
และการตอบสนองต่อปัญหาเซ็กซ์เสื่อมค่อนข้างสำคัญและสำคัญมาก
- ฝ่ายผู้หญิงร้อยละ 40 ตอบว่า "เป็นเรื่องยากลำบาก
ที่จะเริ่มพูดกับสามีของตน โดยจำนวนนี้ยังมีความไม่เข้าใจต่อยาบำบัด"
- ผู้หญิงเกือบร้อยละ 60 ตอบว่า "คิดว่าสามีจะหัวเสีย
ถ้าชวนเขาไปพบแพทย์"
- ผู้หญิงเกือบ 1 ใน 3 ตอบว่า "เชื่อว่าสาเหตุทำให้สามี
มีความกระฉับกระเฉงทางเพศลดลง เพราะความประพฤตินอกใจ"
- ผู้หญิงร้อยละ 20 ตอบว่า "คิดว่าตนเองคงไม่น่าสนใจสำหรับสามี"
จะเห็นว่าการตัดสินใจเลือกบำบัดของผู้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ที่มีผลพวงจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างถูกต้องนั้น ถ้าจะให้ปลอดภัย
ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เนื่องจากข้อห้ามที่อาจอันตรายถึงชีวิต เพื่อแลกเปลี่ยนกับการกลับมามีเซ็กซ์เพียงครั้งเดียวถือว่าไม่คุ้มค่า
ทางที่ปลอดภัย ภรรยาควรเลียบเคียงถามไถ่สามีคนโปรด
ที่บังเอิญตกอยู่ในภาวะนี้ หรือว่าคุณไม่แน่ใจแค่ตั้งข้อสงสัย
เพราะห่างเหินวันชื่นคืนสุขเดิมๆ ไปเท่านั้น คุณอาจหยิบยกเอากรณีของข่าว
มาพูดถึงเพื่อเตือนให้ระวังบ้างก็ไม่น่าจะเป็นยากเกินไป โดยเฉพาะยากินไวอากร้าที่มีข้อห้ามเด็ดขาด สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว
ทั้งที่รูหรือยังไม่รู้เพราะยังไม่ได้รับการจากแพทย์โดยละเอียด
ข้อห้ามที่ควรรู้ของไวอากร้า คือ
- ถ้าป่วยโรคหัวใจห้ามใช้ยาในกลุ่มไนเตรต (Nitrate) เช่น
ยาไตรกลีเซอรีน (Nitroglycerine) ที่เป็นยาอมใต้ลิ้น
เพื่อขยายหลอดเลือด ถ้ากินร่วมกันจะเสริมฤทธิ์
ทำให้ความดันเลือดลดต่ำฉับพลันอาจถึงชีวิต
- ถ้าใช้ร่วมกับยาไซเมตธิดีน (Cimetidene) ซึ่งเป็นยารักษาโรค
แผลในกระเพาะอาหาร จะทำให้ความเข้มของไวอากร้า
ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น มีผลข้างเคียงได้เพราะฤทธิ์ของยา
เกินขนาดที่เป็นอันตราย
- การใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ "อีริโธมัยซิน" (Erythhromycin)
และยาฆ่าเชื้อรา คีโตคอนาโซล (Ketoconazole)
ให้ผลข้างเคียงที่อันตราย
- ห้ามใช้กับโรคบางโรคที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดภาวะ
อวัยวะเพศแข็งตัวแล้วไม่ยอมอ่อน (Priapism) เช่น
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) โรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซล
แอนีเมีย (Sickle cell anemia) หรือโรคมะเร็งไขกระดูก
(Multiple myeloma) หลอดเลือด และความดันโลหิตสูง
ส่วนยาบำบัดโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศโดยวิธีสอด "มิวซ์"
ข้อดีอยู่ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นยาใช้เฉพาะที่
ตัวยาจะกระตุ้นให้แข็งตัวอยู่ได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตัวยาดังกล่าว
จะให้ผลการแข็งตัวทันทีภายใน 10 นาทีหลังได้รับยา ทว่าก็มีข้อเสีย
ที่กรรมวิธีการใช้ คือ การสอดใส่ข้าท่อปัสสาวะของผู้ชายยุ่งยากกว่า ทำไม่เป็นก็อาจทำให้ท่อปัสสาวะเจ็บแสบได้
ไม่ว่าสามีของคุณจะตัดสินใจเลือกใช้ยาชนิดใดก็ตาม ภรรยาในฐานะคู่คิดคู่ชีวิตควรให้กำลังใจและเตือนเสมอว่า
ต้องใช้ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์ก่อน อย่าให้เขาตัดสินใจเลือก
เพราะสำคัญผิดเองว่า เขาไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ
|
