มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ http://i.am/thaidoc หรือ http://hey.to/yimyam



มะเร็งจอประสาทตา

มะเร็งจอประสาทตา (Retinoblastoma) ชื่อบอกอยู่แล้วครับว่าเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้น ในจอประสาทตา ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำว่ามะเร็งมักจะตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดกับเด็กได้

แต่มะเร็งจอประสาทตานี้พบได้ในลูกตาเด็กมากที่สุด ประมาณ 1 ราย ต่อเด็กเกิดใหม่ 15,000-20,000 ราย ทั้งยังพบว่าเด็กที่เป็นโรคนี้ มีโอกาสเป็นมะเร็งทั้งสองตาได้ประมาณ 15-25%

โรคนี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่เกิดครับ มักพบในเด็กอายุระหว่าง 1-3 ปี และจะพบได้น้อยมาก ที่เริ่มเป็นมะเร็งจอประสาทตาหลังอายุ 7 ปีไปแล้ว

อาการบ่งบอก


อาการที่สำคัญและพบได้บ่อยที่สุดคือ มองเห็นจุดขาวในตาดำ หรือมองเห็นตาวาวๆ ในตอนหัวค่ำ หรือจากภาพถ่าย ฉะนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นลูกน้อยมีตาสีออกวาวๆ คล้ายตาแมว ควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์ครับ เพื่อทำการตรวจให้ละเอียดต่อไป นอกจากนี้อาการอื่นๆ ที่พบได้ก็มี
  • ตาเหล่
  • ตาอักเสบ
  • ต้อหิน
  • มีเลือดออกในช่องหน้าลูกตา
  • กระบอกตาอักเสบ
  • ลูกตาสั่น
โรคมะเร็งจอประสาทตานี้เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมด้วยครับ

ถ้ามีลูกคนแรกเป็นและมีประวัติเป็นมะเร็งชนิดนี้ในครอบครัว ลูกคนต่อไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งจอประสาทตาได้ประมาณ 45-50%
แต่ถ้าไม่มีประวัติมะเร็งชนิดนี้ในครอบครัวหรือไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม แต่มีลูกคนแรกเป็นโรคนี้ ลูกคนถัดไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งจอประสาทตาได้ 2-5% ครับ

แนวทางการรักษา


การรักษาจะต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างจักษุแพทย์ กุมารแพทย์ และรังสีแพทย์ ส่วนจะใช้วิธีไหนก็ขึ้นกับว่ามะเร็งที่เป็นนั้นมากหรือน้อย ถ้าเป็นมากจนเต็มลูกตา มักจะใช้วิธีผ่าตัดควักเอาลูกตาออก ซึ่งวิธีนี้จะทรมานใจทั้งผู้ปกครองและแพทย์ผู้รักษา มากจนผู้ปกครองบางคนปฏิเสธการรักษา และเปลี่ยนไปรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หรือนำเด็กกลับไปอยู่บ้านเฉยๆ และกลับมาพบแพทย์อีกทีเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปมาก จนอาจเสียชีวิตได้

สิ่งที่หมออยากบอกก็คือ

ถ้ามะเร็งเป็นมากจนมีข้อบ่งชี้ว่าต้องผ่าตัดควักดวงตาออก ก็ควรจะควักออกเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ ส่วนเรื่องที่ไม่มีดวงตานั้น เราสามารถใส่ตาปลอม ที่เป็นพลาสติกแทนได้ ทำให้เด็กไม่มีปัญหาเรื่องความสวยงาม อย่าพาเด็กไปอยู่บ้านเฉยๆ เลยครับ เพราะเด็กอาจจะเป็นมากจนเสียชีวิตได้ แทนที่จะเสียดวงตาเท่านั้น

ส่วนการรักษาอื่นๆ อาจใช้การฉายแสงรังสีรักษา หรือการให้ยาเคมีบำบัดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก เรามักจะรักษาดวงตาเอาไว้ได้โดยใช้การยิงเลเซอร์หรือจี้ความเย็น ทำลายเนื้อมะเร็ง โดยไม่ต้องควักดวงตาออกมาหรือในบางรายอาจจะให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับ การยิงเลเซอร์หรือจี้ความเย็นร่วมกัน

คำถามที่ตามมา


มีคำถามหนึ่งที่มักเกิดขึ้น นั่นคือ

เด็กที่เป็นมะเร็งจอประสาทตาแล้ว สามารถเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกหรือไม่

เราพบว่าเด็กที่เป็นมะเร็งจอประสาทตาและมีชีวิตเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดอื่นได้ด้วย เช่น มะเร็งที่กระดูก มะเร็งที่ผิวหนัง หรือมะเร็งที่เนื้อเยื่อต่างๆ โดยมีความเสี่ยงประมาณ 40% ภายใน 40 ปี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หมออยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคนี้เห็นความสำคัญก็คือ มะเร็งต่างๆ ถ้าเราสามารถค้นพบได้เร็ว การรักษามักจะได้ผลดีและที่สำคัญสมาชิกในครอบครัวทุกคน ไม่ควรตกใจ ควรจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจสู้กับมะเร็งนั้นต่อไปครับ

ผศ.นพ.ธรรมนูญ สุรชาติกำธรกุล

(update 4 มิถุนายน 2001)


[ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่   ปีที่ 6 ฉบับที่ 63 มกราคม 2544]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600