|
มะเร็งจอประสาทตา (Retinoblastoma) ชื่อบอกอยู่แล้วครับว่าเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้น
ในจอประสาทตา ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำว่ามะเร็งมักจะตกใจ
ไม่คิดว่าจะเกิดกับเด็กได้
แต่มะเร็งจอประสาทตานี้พบได้ในลูกตาเด็กมากที่สุด
ประมาณ 1 ราย ต่อเด็กเกิดใหม่ 15,000-20,000 ราย ทั้งยังพบว่าเด็กที่เป็นโรคนี้
มีโอกาสเป็นมะเร็งทั้งสองตาได้ประมาณ 15-25% |
โรคนี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่เกิดครับ มักพบในเด็กอายุระหว่าง 1-3 ปี และจะพบได้น้อยมาก
ที่เริ่มเป็นมะเร็งจอประสาทตาหลังอายุ 7 ปีไปแล้ว
อาการบ่งบอก
อาการที่สำคัญและพบได้บ่อยที่สุดคือ มองเห็นจุดขาวในตาดำ หรือมองเห็นตาวาวๆ ในตอนหัวค่ำ
หรือจากภาพถ่าย ฉะนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นลูกน้อยมีตาสีออกวาวๆ คล้ายตาแมว
ควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์ครับ เพื่อทำการตรวจให้ละเอียดต่อไป นอกจากนี้อาการอื่นๆ ที่พบได้ก็มี
- ตาเหล่
- ตาอักเสบ
- ต้อหิน
- มีเลือดออกในช่องหน้าลูกตา
- กระบอกตาอักเสบ
- ลูกตาสั่น
โรคมะเร็งจอประสาทตานี้เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมด้วยครับ
|
ถ้ามีลูกคนแรกเป็นและมีประวัติเป็นมะเร็งชนิดนี้ในครอบครัว
ลูกคนต่อไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งจอประสาทตาได้ประมาณ 45-50%
แต่ถ้าไม่มีประวัติมะเร็งชนิดนี้ในครอบครัวหรือไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
แต่มีลูกคนแรกเป็นโรคนี้ ลูกคนถัดไปจะมีโอกาสเป็นมะเร็งจอประสาทตาได้ 2-5% ครับ
|
แนวทางการรักษา
การรักษาจะต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างจักษุแพทย์ กุมารแพทย์ และรังสีแพทย์
ส่วนจะใช้วิธีไหนก็ขึ้นกับว่ามะเร็งที่เป็นนั้นมากหรือน้อย ถ้าเป็นมากจนเต็มลูกตา
มักจะใช้วิธีผ่าตัดควักเอาลูกตาออก ซึ่งวิธีนี้จะทรมานใจทั้งผู้ปกครองและแพทย์ผู้รักษา
มากจนผู้ปกครองบางคนปฏิเสธการรักษา และเปลี่ยนไปรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
หรือนำเด็กกลับไปอยู่บ้านเฉยๆ และกลับมาพบแพทย์อีกทีเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปมาก
จนอาจเสียชีวิตได้
สิ่งที่หมออยากบอกก็คือ
|
ถ้ามะเร็งเป็นมากจนมีข้อบ่งชี้ว่าต้องผ่าตัดควักดวงตาออก
ก็ควรจะควักออกเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ ส่วนเรื่องที่ไม่มีดวงตานั้น เราสามารถใส่ตาปลอม
ที่เป็นพลาสติกแทนได้ ทำให้เด็กไม่มีปัญหาเรื่องความสวยงาม
อย่าพาเด็กไปอยู่บ้านเฉยๆ เลยครับ เพราะเด็กอาจจะเป็นมากจนเสียชีวิตได้
แทนที่จะเสียดวงตาเท่านั้น
|
ส่วนการรักษาอื่นๆ อาจใช้การฉายแสงรังสีรักษา หรือการให้ยาเคมีบำบัดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก เรามักจะรักษาดวงตาเอาไว้ได้โดยใช้การยิงเลเซอร์หรือจี้ความเย็น
ทำลายเนื้อมะเร็ง โดยไม่ต้องควักดวงตาออกมาหรือในบางรายอาจจะให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับ
การยิงเลเซอร์หรือจี้ความเย็นร่วมกัน
คำถามที่ตามมา
มีคำถามหนึ่งที่มักเกิดขึ้น นั่นคือ
เด็กที่เป็นมะเร็งจอประสาทตาแล้ว สามารถเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกหรือไม่
เราพบว่าเด็กที่เป็นมะเร็งจอประสาทตาและมีชีวิตเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่
มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดอื่นได้ด้วย เช่น มะเร็งที่กระดูก มะเร็งที่ผิวหนัง หรือมะเร็งที่เนื้อเยื่อต่างๆ
โดยมีความเสี่ยงประมาณ 40% ภายใน 40 ปี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หมออยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคนี้เห็นความสำคัญก็คือ
มะเร็งต่างๆ ถ้าเราสามารถค้นพบได้เร็ว การรักษามักจะได้ผลดีและที่สำคัญสมาชิกในครอบครัวทุกคน
ไม่ควรตกใจ ควรจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจสู้กับมะเร็งนั้นต่อไปครับ
ผศ.นพ.ธรรมนูญ สุรชาติกำธรกุล
|