ใครที่เป็นพ่อเป็นแม่คงยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า มีความกังวลเรื่องลูกสาวมากกว่าลูกชาย
มีความรู้สึกว่าลูกชายยังไงก็ได้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงมาก
ความกังวลเรื่องลูกสาว ก็ไม่ใช่เพราะกังวลที่มีลูกสาว
แต่คนเป็นพ่อแม่มักกังวลเรื่องของลูกสาวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ
กังวลประการแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ กังวลว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัยในเรื่องเพศ เช่น ถูกข่มขืน
ความกังวลจากข้อนี้ดูได้จากบ้านใดที่อยู่ในซอยแล้วมีลูกสาวต้องกลับบ้านมืดค่ำคนเดียว
พ่อแม่มักเป็นห่วงกังวล จนต้องออกไปรอรับลูกสาวที่หน้าปากซอย
จะดึกดื่นมืดค่ำยังไงก็คอยจนกว่าลูกสาวจะกลับ และพร้อมจะรับเข้าบ้านอย่างมีความสุข
ความทุกข์ของพ่อแม่นั้น มีความกังวลกลัวถูกข่มขืนมากกว่าถูกทำร้ายร่างกายซะอีก
การกลัวถูกข่มขืนจากบุคคลนิรนามแปลกหน้าหรืออาจจะเรียกว่า "วายร้าย" นี้ เป็นสิ่งที่พอป้องกันได้
เพราะทั้งพ่อแม่ลูกก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่ความกังวลของพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศของลูกสาวอีกประการหนึ่ง ซึ่งป้องกันยากคือ
การมีเพศสัมพันธ์ หรือมี เซ็กซ์
ที่บอกว่าป้องกันยาก เพราะลูกสาวก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เมื่อถึงวัยถึงเวลาที่ธรรมชาติกำหนดให้มีเพศสัมพันธ์ได้
ก็ย่อมต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์
แน่นอนว่า การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของธรรมชาติ เมื่อถึงเวลามีได้ก็ต้องมี คงจะไปฝืนธรรมชาติไม่ได้
แต่ที่พ่อแม่กังวลคือ เกรงว่าลูกสาวจะปล่อยให้ความต้องการทางเพศเป็นไปตามธรรมชาติจนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
ที่พ่อแม่กังวลเรื่องนี้เพราะรู้ดีว่าลูกสาวยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ควรเอาเวลาไปใส่ใจในเรื่องการศึกษา
จะดีกว่าเสียเวลากับเรื่องเพศ และหลายครั้งพบว่า พอมีเรื่องเซ็กซ์หรือมีเพศสัมพันธ์มาเกี่ยวข้องก็มักจะหมกมุ่นกับเรื่องนี้
และที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ เกรงว่าเมื่อมีเซ็กซ์แล้วจะมีท้องตามมา
คนเป็นพ่อแม่ทุกคนรู้ดีว่าถ้าลูกสาวมีท้องในวัยอันไม่สมควรนั้น จะบั่นทอนชีวิตที่สดใสของลูกสาวอย่างไร
พ่อแม่จึงกังวลใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษกับลูกสาว โดยเฉพาะสมัยนี้พ่อแม่ทราบดีว่าป้องกันยาก
แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้ซะเลย
การป้องกันที่ดีที่สุดอยู่ที่การป้องกันตัวเราไม่ให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์
และโอกาสที่จะทำให้พลาดพลั้งจนมีความสัมพันธ์ทางเพศได้
สถานการณ์และโอกาสที่จะมีเรื่องเซ็กซ์ได้ คือ สถานที่
สถานที่ที่เอื้ออำนวยมากที่สุด คือ ที่ บ้าน ที่ หอพัก และที่ ต่างจังหวัด
เพราะเป็นสถานที่ที่ลูกสาวมีโอกาสจะอยู่สองต่อสองกับผู้ชายสักคนหนึ่งจนถึงขั้นมีอะไรกันได้
บ้านในที่นี้รวมถึงบ้านของเรา หรือบ้านของเขา และอาจจะเป็นบ้านของใครก็ได้ที่อยู่กันส่วนตัวสองต่อสอง
รวมถึงหอพักก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะหอพักที่ไม่ได้แยกชายหญิง
ต่างจังหวัดยิ่งชัดเจนว่า เป็นสถานการณ์ที่ง่ายต่อการมีเพศสัมพันธ์
เพราะเป็นส่วนตัวและห่างไกลจากสายตาผู้ใหญ่
เมื่อรู้ดังนี้ ว่าสถานการณ์และสถานที่แบบไหนที่จะเอื้ออำนวยช่วยกระพือให้เกิดมีเซ็กซ์ได้ง่าย
สิ่งที่ควรทำประการแรกคือ
ควรจะปฏิเสธตั้งแต่ถูกชวนให้ไปในสถานการณ์ที่ไม่ควรไปซะตั้งแต่ต้น
การปฏิเสธตั้งแต่ต้นจะทำให้โอกาสที่จะมีเซ็กซ์ยากขึ้นหรือไม่มีโอกาสเลย
วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลม
แต่ก็เป็นวิธีที่ลูกสาวหลายคนทำไม่ค่อยได้
เพราะคนที่ชวนให้ไปในสถานที่หรือสถานการณ์ที่ไม่ควรไปก็มักจะเป็นคนที่ลูกสาวไว้วางใจ คือ
ผู้ชายที่อยู่ในหัวใจหรือที่หมายปองไว้ หรือผู้ชายที่เป็น แฟน นั่นเอง
ตอนที่ชวน ผู้ชายก็อาจจะไม่คิดอะไร ลูกสาวก็อาจจะไม่คิดอะไร แต่พอไปอยู่ในสถานที่
และสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว บรรยากาศมักจะเอื้ออำนวยให้มีเซ็กซ์กันจนได้
จึงไม่มีอะไรดีกว่าคำปฏิเสธ
แต่อาจมีบางกรณีที่ต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการมีเซ็กซ์ และกำลังมีลางบอกเหตุว่าอีกไม่นาน
สถานการณ์จะคับขันขึ้นเรื่อยๆ
ลูกสาวต้องรวบรวมความกล้าหาญพูดจาพาทีให้สถานการณ์คลี่คลาย สถานการณ์จะคลี่คลาย
หรือไม่อยู่ที่คำพูดคำจาของเรา
ในสถานการณ์เช่นนี้ควรเริ่มต้นที่จะพูดบอกความรู้สึกมากกว่าพูดบอกเหตุผล
ยิ่งถ้าเป็นแฟนกัน การพูดจาอย่างรุนแรง จนอาจทำให้เกิดอารมณ์โกรธ
ซึ่งอาจจะนำไปสู่อารมณ์ชั่ววูบ ควรจะพูดบอกอย่าง รักษาน้ำใจ
เช่น อาจจะพูดว่า........
" เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าจะรอไปก่อน จนกว่าเราจะพร้อมกว่านี้"
ประโยคนี้เป็นประโยคที่บอกความรู้สึกมากกว่าเหตุผล
เป็นประโยคที่บอกความรู้สึกของเรา ถ้าแฟนเขารักเรา เขาควรจะแคร์ความรู้สึกของเรา
แต่ถ้าบอกเหตุผล ฝ่ายชายก็จะยกเหตุผลมาลบล้าง จนลูกสาวเราอาจยอมจำนนต่อเหตุผลจนต้องมีเซ็กซ์กันในที่สุด
โดยเฉพาะถ้อยคำที่ว่า " เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม" เป็นประโยคชี้นำให้ฝ่ายชายบอกว่า
"ใช่" ซึ่งก็จะเป็นไปอย่างที่เราต้องการ คือ ผ่านเหตุการณ์ที่จะมีเซ็กซ์ไปได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ คือ หัวใจสำคัญที่จะช่วยสกัดกั้นไม่ให้ลูกสาวมีเซ็กซ์ก่อนวัยและเวลาอันควร
พ่อแม่ควรชวนคุยให้ลูกรู้เป็นแนวทางไว้บ้าง อย่างน้อยก็สร้างเกราะคุ้มกันไว้ชั้นหนึ่งก่อน
ก่อนที่สายเกินไป...
(update 21 กุมภาพันธ์ 2003)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2546 ]
|