ฟันของหนูกับฟลูออไรด์


ฟันน้ำนมของเจ้าหนูจะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน แต่คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตเห็นฟันผุได้ชัดเจน เมื่อเจ้าหนูอายุประมาณ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี และมักจะเข้าใจว่า “รอให้หลุดเอง” ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เพราะถ้าปล่อยให้ฟันของเจ้าหนูผุมากๆ นอกจากทำให้เจ้าหนูเจ็บปวดทรมานไปถึงรากฟันแล้ว ยังส่งผลให้เจ้าหนูรับประทานอาหารไม่ได้ ผอม ขาดสารอาหาร ร้องไห้โยเย และอาจสร้างปัญหาในการเรียนรู้ของเจ้าหนูอีกนานัปการด้วย ในเรื่องนี้ทันตแพทย์ส่วนใหญ่ มักแนะนำให้ใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกัน และต่อต้านฟันผุในเด็ก ก่อนที่จะสายเกินไป แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก และเข้าใจสารฟลูออไรด์กันไหมค่ะ


ฟลูออไรด์คืออะไร

ฟลูออไรด์ เป็นสารประกอบของ “ฟลูออรีน” มีมากเป็นอันดับที่ 17 ของโลกในจำนวนธาตุต่างๆ ที่พบบนโลก เราสามารถพบฟลูออไรด์ได้ตามธรรมชาติ เช่น ในหิน ซึ่งส่วนมาเป็นฟลูออไรด์ในรูปของแคลเซียม นอกจากนั้นแล้วในชีวิตประจำวันเราสามารถได้รับฟลูออไรด์จากน้ำดื่ม อากาศที่เราหายใจ และยังพบฟลูออไรด์ได้ในอาหาร เช่น ในอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาที่เรากินได้ทั้งตัว ทั้งหนังและกระดูก ส่วนในพืชผักก็มีฟลูออไรด์อยู่บ้าง เช่น ในผักกุยช่าย ตั้งโอ๋ มะระ ผักบุ้ง และกะหล่ำปลี เป็นต้น และพบมากที่สุดคือ ใบชา หรือใบเมี่ยง เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วฟลูออไรด์จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสโลหิต แล้วกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น เลือด หัวใจ ของเหลวที่บริเวณไขสันหลัง กระดูก และฟัน เป็นต้น


ความสัมพันธ์ระหว่างฟลูออไรด์กับฟัน

ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุช่วยต่อต้านโรคฟันผุ มีการศึกษาวิจัยว่า เจ้าหนูที่ได้รับฟลูออไรด์จะเกิดโรคฟันผุ น้อยกว่าเจ้าหนูที่ไม่ได้รับฟลูออไรด์ และพบว่ามีอัตราฟันผุลดลง 60% เลยทีเดียว กลไลการทำงานของฟลูออไรด์จะช่วยยับยั้งการทำงานของจุลินทรีย์และเอนไซม์ที่ทำให้เกิดกรด ที่จะทำลายฟันได้ช้าลงหรือน้อยลง และช่วยสร้างเสริมแร่ธาตุให้กับผิวเคลือบฟันที่มีการเสื่อมสลาย และลดการทำลายตัวของชั้นเคลือบฟัน


วิธีใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ

1. โดยการกิน
  • การเติมฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลดีที่สุด ทั้งฟันน้ำนมและฟันแท้ แต่มีข้อจำกัดว่าต้องมีระบบการประปาที่ดีเท่านั้น ควรเติมฟลูออไรด์ในน้ำดื่มประมาณ 0.7 มิลลิกรัม
  • ฟลูออไรด์ มีทั้งที่เป็นเม็ดและหยด ทันตแพทย์อาจเริ่มให้ฟลูออไรด์ชนิดหยด ตั้งแต่เจ้าหนูอายุ 1 เดือน จนอายุ 3 ปี การใช้ฟลูออไรด์นี้จะให้ประโยชน์มากในช่วงอายุ 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสร้างเสริมฟันแท้ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เหงือกน้อยๆ นั้น เมื่ออายุ 6-8 ปี ทันตแพทย์จะเริ่มให้ฟลูออไรด์ชนิดเม็ด โดยให้เจ้าหนูกินและเคี้ยวช้าๆ แล้วจึงค่อยกลืนจะมีประโยชน์มากกว่าการกลืนลงไปเลย ซึ่งขนาดการใช้ยามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก การใช้ฟลูออไรด์ชนิดนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง จนถึงอายุประมาณ 12 ปี จึงจะได้ผลเต็มที่
2. โดยการใช้เฉพาะที่

เป็นการเคลือบฟันด้วยน้ำยาฟลูออไรด์ แต่การใช้ค่อนข้างยุ่งยาก เสียเวลา ได้ผลน้อย และต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้ทำให้ แต่ปัจจุบันมีสารเคลือบฟันด้วยตนเอง เรียกว่า ฟลูออไรด์เจล แต่ยังไม่แพร่หลายและราคาค่อนข้างแพง ซึ่งการใช้ฟลูออไรด์เฉพาะที่ ที่ใช้ในประเทศไทย มีดังนี้
  • การอมบ้วนปากด้วยน้ำยาโซเดียมฟลูออไรด์ การใช้ฟลูออไรด์วิธีนี้ค่อนข้างแพร่หลายในประเทศไทย โดยทันตแพทย์แนะนำว่าควรผสมฟลูออไรด์ร้อยละ 0.2 การใช้วิธีนี้สามารถลดฟันผุได้ ประมาณร้อยละ 20

  • การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ มีการศึกษาถึงผลของยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในการควบคุมป้องกันโรคฟันผุพบว่า ปริมาณฟลูออไรด์ของยาสีฟันที่แนะนำคือ 1 มิลลิกรัมต่อยาสีฟัน 1 กรัม และจากการศึกษายังพบว่า การใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ช่วยลดฟันผุได้ประมาณร้อยละ 25-30

  • การใช้ยาขัดฟันผสมฟลูออไรด์ ในการขูดหินปูนหรือทำความสะอาดฟันจะมีการขัดฟันให้สะอาดด้วยยาหรือผงขัดฟันด้วย ซึ่งมีผู้แนะนำให้นำผงขัดฟันมาผสมกับโซเดียมฟลูออไรด์ในการขัดฟัน ในรายงานยังบอกว่า สามารถช่วยลดฟันผุได้ร้อยละ 30-40

อันตรายจากการใช้ฟลูออไรด์

  • ฟลูออไรด์ก็เช่นเดียวกับสารจำเป็นประเภทอื่นๆ ในร่างกาย ถ้าใช้เกินขนาดหรือไม่ถูกต้องก็จะมีผลต่อฟัน ทำให้เกิดฟันตกกระ (mottled enamel) ซึ่งมักจะเกิดกับฟันแท้ ทำให้ฟันมีจุดสีขาวขุ่น เหลืองน้ำตาล หรือดำ กระจายทั่วผิวฟัน และสามารกินลึกถึงเนื้อฟัน ไม่สามารถแปรงหรือขัดออกไปได้ นอกจากผลต่อฟันแล้วยังส่งผลต่อกระดูก ทำให้กระดูกงอก กระดูกพิการ ตามแขน ขา กะโหลกศีรษะ ฯลฯ ทำให้ขาโกง หลังงอ และอาจมีอาการชา เจ็บปวด และเป็นอัมพาตได้

  • ปัจจุบันยาสีฟันสำหรับเด็กส่วนใหญ่ผสมฟลูออไรด์อยู่แล้ว คุณหมอเกรงว่าเจ้าหนูที่ชอบกินยาสีฟันเป็นประจำ จะมีปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไป เพราะยาสีฟันสมัยนี้ทำเป็นเจลรสผลไม้ กลิ่นหอม ชวนรับประทาน หากเจ้าหนูได้รับฟลูออไรด์ครั้งเดียวเป็นจำนวนมากเริ่มตั้งแต่ 250 มิลลิกรัม จะไปรบกวนการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือถ้าเกินขนาดมากกว่านั้นจะมีผลต่อระบบหมุนเวียนโลหิตและระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้เด็กบีบยาสีฟันกันเอง ทันตแพทย์ใจดีแนะนำให้บีบยาสีฟันเท่าเม็ดถั่วเขียว 1 เม็ด บนแปรงแล้วก็แปรงให้ถูกวิธี โดยยึดหลักว่าต้องแปรงให้สะอาดโดยไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือผลเสีย เช่น เหงือกร่น เหงือกอักเสบ หรือฟันสึก เท่านี้ฟันของเจ้าหนูก็จะสะอาด สดใส และแข็งแรง
ดังนั้นก่อนที่จะใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุโดยวิธีการต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วคุณแม่ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนใช้ และเลือกใช้ให้ถูกวิธี นอกจากนั้นการกินอาหารที่ดี และการดูแลรักษาฟันด้วยตนเอง ก็เป็นหัวใจสำคัญยิ่งในการควบคุมฟันผุอย่างถูกต้อง แต่ถ้าเจ้าหนูยังคงกินของหวานอยู่ และไม่ยอมแปรงฟัน เจ้าหนูก็ยังคงเป็นโรค ฟ.ฟันผุอยู่ดี


(update 8 กันยายน 2004)
[ ที่มา... นิตยสารบันทึกคุณแม่ ปีที่ 10 มิถุนายน 2547 ]


[ BACK TO LIST]

main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุด E-LIB
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600