ทางเลือกใหม่ รอแค่ 16 นาที


เดือนมีนาคม 2547 รศ.นพ.อภิชาติ กงกะนันท์ นายกสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ เปิดเผยยาใหม่ชื่อ 'วาร์ดีนาฟิล' เป็นยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่ออกฤทธิ์รวดเร็ว เป็นทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการรักษา 'โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ'

โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED-Erectile Dysfunction) หรือที่เพศชายคนไทยเรียกกัน ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งว่า "โรคนกเขาไม่ขัน" จริงๆ แล้วกินความหมายถึง การที่องคชาตไม่แข็งตัว หรือ คงความแข็งตัวไม่นานเพียงพอ สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบั่นทอนจิตใจสุภาพบุรุษแสนสาหัส

โรคชนิดนี้พบว่า มีผลกระทบต่อผู้ชายอายุเกิน 40 ปี กว่าร้อยละ 50 ทั่วโลก
จากการคาดการณ์พบด้วยว่า อัตราการเป็น โรคอีดีของผู้ชายทั่วโลก อาจเพิ่มเป็น 322 ล้านคน ภายในปีพ.ศ.2568 โดยจะมีผู้ ชายชาวเอเชีย ประมาณ 113 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากโรคนี้
แล้วผู้ชายไทยจะเข้าไปมีส่วนอยู่ด้วยจำนวนเท่าใด!

จากผลการศึกษาอัตราความชุกของโรคอีดีในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ในปี พ.ศ.2546 ซึ่งนำเสนอโดย รศ.นพ.อภิชาติ กงกะนันท์ นายกสมาศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ (ประเทศไทย) ในการประชุมโรคของชายสูงวัยนานาชาติ ที่กรุงปราก ประเทศเชโกสโลวะเกีย ใช้กลุ่มตัวอย่าง ชายไทย อายุระหว่าง 40-70 ปี จำนวน 2,269 คน ใน 13 จังหวัด (ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ)
พบว่า อัตราการชุกชุมของโรคอีดีในผู้ชายไทย คิดเป็นร้อยละ 42 และมีเพียงผู้ป่วยร้อยละ 3 ที่ได้รับการบำบัดรักษา

นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่างเด่นชัดระหว่าง โรคอีดี และ โรคแอบแฝงอื่น
" ปัจจุบันเราทราบแล้วว่า โรคอีดีเป็นสัญญาณเตือนภัย ว่าผู้ป่วยมักจะมีอาการของโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า อาทิ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน แอบแฝงอยู่" น.พ.อภิชาติ กล่าว

ถ้าสาเหตุที่ นกเขาไม่ขัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางจิตวิทยา ในวงการแพทย์เชื่อว่า การแก้ไขโรคอีดีที่ได้ผลน่าพึงพอใจอย่างยิ่ง คือ การรับประทานยา ที่ไปออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์พีดีอี 5 ซึ่งจะทำให้มีเลือดไหลเวียนไปยังองคชาตเพิ่มขึ้น
จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการแข็งตัวขององคชาตได้นั่นเอง

เดือนมิถุนายน 2546 น.พ.แฮริน พัทมานาธาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ ประเทศสหรัฐอเมริกา นำเสนอผลการศึกษาใน งานประชุมนานาชาติด้านโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ณ กรุงปารีส พบตัวยาชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์เร็ว โดยทำให้องคชาตแข็งตัวได้ภายใน 16 นาทีหลังจากกลืนยาลงท้อง
ยาตัวนี้ชื่อ วาร์ดีนาฟีล

นอกจากนี้ น.พ.ฟรานเซสโก มอนโตชี่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ จากประเทศอิตาลี ยังได้รายงานถึงการศึกษาการใช้ยาวาร์ดีนาฟีลกับผู้ป่วยโรคอีดีจำนวน 1,479 คน เป็นเวลา 12 สัปดาห์

น.พ.ฟรานเซสโก พบว่า ประมาณร้อยละ 76 ของผู้ป่วยที่ได้รับยาวาร์ดีนาฟีล ขนาด 10-20 มิลลิกรัม ประสบความสำเร็จในการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่รับยาครั้งแรก (เทียบกับร้อยละ 44 ของผู้ป่วยที่รับยาหลอก)
และผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวยังใช้ยาวาร์ดีนาฟีลได้ผล ในการใช้ยาครั้งถัดๆ ไป
โดยสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนสำเร็จประมาณร้อยละ 86-91 (เทียบกับร้อยละ 74 ของผู้ที่รับยาหลอก)
และจากงานประชุมเดียวกันนั้น น.พ.คริสเตียน สติฟ จากประเทศเยอรมนี ยังได้นำเสนอผลการศึกษาที่ติดตามผู้ป่วยซึ่งใช้ยาตัวนี้นานเป็นเวลาถึง 2 ปีอีกด้วย

น.พ.คริสเตียน พบว่า ร้อยละ 90-92 ของผู้ป่วย ยังใช้ยานี้ได้ผล สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนบรรลุจุดประสงค์ แต่ก็มีอาการข้างเคียงอยู่บ้าง ที่พบบ่อยแต่ไม่รุนแรง คือ ปวดศีรษะ และ อาการหน้าแดง

นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาหลายชิ้น แสดงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาวาร์ดีนาฟีล ซึ่งรายงานว่าออกฤทธิ์เร็วและมีประสิทธิผล แม้แต่กับผู้ป่วยที่รักษายาก เช่น ผู้ป่วยที่ตัดต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยเบาหวาน

วารสารศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2546 รายงานผลการศึกษาทางคลินิกกับผู้ป่วย 440 คนที่ผ่านการ ผ่าตัดต่อมลูกหมาก มาก่อน และ เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อายุระหว่าง 44-70 ปี เมื่อรับประทานวาร์ดีนาฟีล ขนาด 20 มิลลิกรัม คนไข้จำนวนร้อยละ 71 มีการแข็งตัวขององคชาตดีขึ้น

ยังมีผลการศึกษาซึ่งเสนอในที่ประชุมสมาคมการแพทย์ด้านเพศสัมพันธ์แห่งอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2546 น.พ.ดิมิทริส แฮทซิไครตู หัวหน้าคณะวิจัยจากประเทศกรีซ รายงานผลการวิจัยในผู้ป่วยโรคอีดี 463 คนที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล พบว่า มีผู้ป่วยร้อยละ 61 ในจำนวนดังกล่าว ที่ใช้ยาวาร์ดีนาฟีล มีการแข็งตัวขององคชาตดีขึ้น

นับเป็นทางเลือกและความก้าวหน้าอีกขั้นของวงการศึกษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ยาตัวนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ประเทศทางยุโรป สิงคโปร์ และไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือคลินิกคุณภาพเพื่อตรวจร่างกาย ว่ามีโรคอื่นแอบแฝงหรือไม่ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
เพื่อป้องกันและดำเนินการรักษาแต่เนิ่นๆ


(update 30 เมษายน 2004)
[ ที่มา... กรุงเทพวันอาทิตย์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 5762 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2547 ]


[ BACK TO LIST]

main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุด E-LIB
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600