เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนคนทั่วไป ทั้งชายหญิงที่จะต้องเกิดอาการ "ปิ๊ง"
กับใครสักคนบนนิยามของความรัก เมื่อปิ๊งกันเสร็จสรรพ หลายคู่ก็ยอมรับความเป็นแฟนฉัน
ระหว่างที่คบหาเป็นแฟนฉันกันนานวัน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนถึงวันแต่งงาน
ในขณะที่บางคู่ก็อาจจะดูจิตดูใจกันไปจนกระทั่งถึงวันแต่งงานจึงค่อยสืบสานความสัมพันธ์ทางเพศกันอย่างลึกซึ้ง
แต่กว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะซาบซึ้งถึงขั้นตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อยู่กับใครสักคนไปจนตลอดชีวิต
ย่อมมีสิทธิเป็นไปได้ว่าคนๆ นั้นอาจจะผ่านการมีความสัมพันธ์กับใครต่อใครมาบ้างตามเส้นทางชีวิตที่ย่างก้าวมา
อาจเป็นความสัมพันธ์ที่หลากหลายระดับชั้น ว่ากันตั้งแต่เป็น เพื่อนกันธรรมดา
จนถึง ต้องตาต้องใจ หรืออาจจะก้าวล้ำไปถึงขั้น ใกล้ชิดสนิทแนบแน่น
จนใช้คำว่า แฟน เรียกขานกันได้
ในระหว่างความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะไม่มีการร่วมเพศเกิดขึ้น
บางคนคบหาสมาคมกันไม่กี่วัน ก็อาจจะชวนกันไปค้นหาความหฤหรรษ์ที่เป็นส่วนตัวระหว่างคนสองคน
แม้แต่คบหากันเพียงวันเดียวก็อาจจะเกี่ยวก้อยเดินตามต้อยๆ ไปในสถานที่ที่รู้กันแค่สองคน
ในขณะที่บางคนคบกันนานแสนนานแต่ก็มองผ่านการมีเพศสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งไปเลยก็ได้
จึงเป็นไปได้ว่า กว่าที่ใครสักคนจะตกลงปลงใจกับใครก็ตาม เขาหรือเธออาจจะมีความสัมพันธ์
และความผูกพันอย่างลึกซึ้งหรือไม่ลึกซึ้งถึงขั้นร่วมเพศกับใครมาแล้วก็ได้
ยิ่งในโลกปัจจุบัน ยิ่งนับวันจะเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นทุกที
จนอาจกล่าวได้ว่า คงหาได้น้อยลงไปทุกวันที่จะมีใครรักษา พรหมจรรย์ จนถึงวันแต่งงาน
โดยเฉพาะ ผู้ชาย ส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดยกเว้นพวกที่เป็นกะเทย
น่าจะเคยผ่านการร่วมเพศกันมาแล้วทั้งนั้น
ขณะที่ ผู้หญิง อาจจะเคยหรือไม่เคยผ่านการร่วมเพศกับใครมาก่อนก็ย่อมเป็นไปได้
เพราะในสังคมไทย ไม่ใช่สังคมที่ผู้หญิงจะเริ่มเอ่ยปากฝากความในใจว่าต้องการร่วมเพศกับใครได้ง่าย ๆ
แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่คอยมองหาและคิดคำนึงถึงเรื่อง
ความบริสุทธิ์ของหญิงสาว
ถึงแม้ปากจะบอกว่า "ไม่" แต่ภายในจิตใจก็ยังสลัดออกไม่ได้ในการคิดคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่
ขณะที่ ผู้หญิง ร้อยทั้งร้อยไม่ค่อยมีใครใส่ใจว่าผู้ชายที่เธอจะเลือกมาเป็น คู่ชีวิต
ยังมีสิทธิเรียกว่า หนุ่มบริสุทธิ์อยู่หรือไม่
มีผู้ชายไม่น้อยที่สลัดคำว่าสาวบริสุทธิ์ให้หยุดเป็นแค่ความฝันไม่ได้
และพยายามที่จะไขว่คว้าหาความจริงจากหญิงคนรักให้ได้
ผู้ชายบางคนยอมเสียมารยาท เอ่ยปากถามคนรักก่อนแต่งงานกันเลยก็มีว่า
"เธอเคยมีอะไรกับใครมาก่อนหรือเปล่า" หรือบางคนอาจจะถามเลี่ยงๆ ไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป
เพื่อดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากสาวคนรักว่า "เรื่องบนเตียงผมไม่เก่ง อาจจะสู้ผู้ชายคนอื่นๆ
ที่เธอเคยรู้จักไม่ได้นะ"
ขณะที่ผู้ชายบางคนไม่กล้าเอ่ยปากเรื่องนี้ก่อนแต่ง แต่เมื่อแต่งไปแล้วก็ยังไม่แคล้ว
อดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
ไม่ว่าจะถามตรงๆ หรือจะถามอ้อมๆ ก็ต้องบอกกันแบบไม่อ้อมค้อมว่า
"ไม่ควรถาม ไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องนี้" กับผู้หญิงคนที่เราตัดสินใจเลือกแล้ว
โดยเฉพาะ คำพูดแย่ ๆ ที่แก้จิตใต้สำนึกเรื่องนี้ไม่ได้ อย่าได้แพร่งพรายหลุดปากออกมาเด็ดขาด
เช่นคำพูดที่ว่า นี่คือคำพูดยอดแย่ ที่แม้แต่คิดก็ไม่ควรคิด
สำหรับผู้หญิงทุกคน ก็ต้องจำจนขึ้นใจไว้เลยว่า อย่าพูดความจริงเรื่องความบริสุทธิ์ของเราให้แฟนรู้
ไม่ต้องเล่าให้ฟัง ถึงจะถามก็ไม่ต้องตอบ
ถ้าจำเป็นต้องตอบก็ตอบ "ปฏิเสธ" ไปเลยว่าไม่เคยยุ่งกับใคร
ผู้หญิงบางคนมองโลกในแง่ดี เอาเรื่องส่วนตัวที่เคยเสียตัวกับใครมาเล่าให้แฟนฟัง
หวังจะให้แฟนมองว่าเป็นคนเปิดเผยและให้แฟนสบายใจ
อย่าคิดเช่นนั้นเด็ดขาด
เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนจะมีจิตใจเป็น พระ เมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องนี้แล้วจะมี
ความรู้สึกปกติสบายใจ มีแต่จะ ติดใจ มากกว่า
ถ้าพูดความจริงเรื่องนี้มีแต่จะทำให้ชีวิตรักสะดุด
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะผู้ชายไม่ควรขุดเอาเรื่อง ความบริสุทธิ์ หรือ ไม่บริสุทธิ์
ของอีกฝ่ายมาเอ่ยถึงให้เสียเวลา
ขอให้มองไปข้างหน้ามากกว่ามองไปข้างหลัง
อย่าให้บ้านพังเพราะคำว่าบริสุทธิ์กันเลย!
(update 5 มีนาคม 2004)
[ ที่มา...
กรุงเทพวันอาทิตย์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 5721 วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ]
|