 |
บุคคลสาบสูญ |
 |
|---|
ขอให้ศาลจัดตั้งผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ขึ้นก็ได้
กรณีนี้ขออย่าได้สับสนกับการตั้งผู้จัดการมรดกนะครับ เนื่องจาก ผู้จัดการมรดกใช้ในกรณีเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย
แต่ผู้จัดการทรัพย์สินใช้ในกรณีสูญหาย
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ขณะที่ผมกำลังนั่งเขียนต้นฉบับนี้อยู่ ประเทศไทยของเราได้ประสบกับภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่
คือ คลื่นยักษ์สึนามิ มาได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งได้รับฟังจากข่าวทราบว่ามีผู้สันชีวิตกว่า 5,000 คน
และสูญหายอีกกว่า 3,000 คน ในขณะที่ท่านผู้อ่านได้อ่านคอลัมน์นี้อยู่คงจะมีการสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต
ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียหายอย่างเป็นทางการแล้ว
ในส่วนตัวผมเองก็เกือบไม่ได้รับใช้ท่านผู้อ่านเหมือนกัน เนื่องจากก่อนหน้าเกิดเหตุ 1 สัปดาห์
ได้ไปในงานเลี้ยงรุ่นของคุณพ่อที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งเพื่อนของคุณพ่อ คือ คุณลุงอานนท์
ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ก็ได้กรุณาชวนครอบครัวของเราไปเที่ยวเกาะพีพี ในช่วงวันคริสต์มาสด้วย
ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวกระบี่กันอย่างเต็มที่เพราะยังไม่เคยไปกันสักที
แต่บังเอิญคุณพ่อกลับติดสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนภาษาจีนของคุณพ่อในวันที่ 26 ธันวาคม 2547
ซึ่งเป็นวันปิดคอร์สพอดีพวกเราจึงยังไม่ได้ไปกัน แต่ก็ตั้งใจว่าจะไปหลังปีใหม่
แต่ก็มาประสบเหตุเสียก่อนนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับพวกเราคนไทยจริงๆ
ดังนั้นในคอลัมน์กฎหมายกับผู้หญิงฉบับนี้จะขอออกนอกเรื่องกฎหมายครอบครัวไปบ้างเล็กน้อย
เพื่อเป็นการให้ความรู้ทางด้านกฎหมายกับญาติหรือผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้สูญหายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้แทน เนื่องจากเป็นกรณีพิเศษผู้เสียหายมีจำนวนนับพัน
ทำให้มีปัญหาในทางกฎหมายอยู่หลายประการ ซึ่งหากท่านผู้อ่านได้พบกับคนที่ประสบปัญหาดังกล่าว
ก็ขอให้นำเอาข้อเขียนในบทความนี้ช่วยบอกต่อกันไปด้วยนะครับ ผมว่าจะได้บุญกุศลกันอย่างมากทีเดียว
ปกติแล้วกฎหมายในเรื่องเกี่ยวกับผู้สูญหายนั้นเราไม่ค่อยได้งัดออกมาใช้กันเท่าไรนัก
ยกเว้นก็แต่กรณีเกิดสงครามหรือมีภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงอย่างคลื่นยักษ์สึนามิเป็นต้น
ซึ่งทำให้มีผู้สูญหายเป็นจำนวนมาก การสูญหายนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าผู้ที่สูญหายยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้ว
ดังนั้นตามกฎหมายยังไม่ถือว่าตาย ทรัพย์สินของผู้สูญหายจึงยังไม่ตกทอดเป็นมรดกไปยังทายาท
และยังไม่สามารถจัดการทรัพย์สินได้
กรณีนี้จึงยังถือว่าเป็นช่องว่างทางกฎหมายอยู่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จึงได้บัญญัติกฎหมายในเรื่องบุคคลสาบสูญขึ้นมา ตั้งแต่มาตรา 48 ถึง 63
ซึ่งผมจะนำมาสรุปย่อเพื่อให้ท่านได้อ่านเข้าใจง่าย ดังนี้ครับ
หากปรากฏว่ามีบุคคลซึ่งอาจจะเป็นญาติพี่น้องของเราได้สูญหายไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นฐานที่เขาอยู่
โดยไม่มีใครรู้แน่ว่า บุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และไม่ปรากฏว่าบุคคลที่สูญหายไปนั้นได้ตั้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไปไว้
ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น สามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้องของบุคคลนั้น หรือพนักงานอัยการ
อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งไปพลางๆ ก่อนตามที่จำเป็นเพื่อจัดการทรัพย์สินของบุคคลผู้ไม่อยู่นั้นก็ได้
เช่น ภรรยาอาจจะขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนเงินจากบัญชีของสามีที่สูญหายเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว อย่างนี้เป็นต้น
หากปรากฏว่าการสูญหายนั้นได้ผ่านไปแล้วเป็นเวลา 1 ปี และไม่มีผู้ใดได้ข่าวคราวของบุคคลนั้นเลย หรือ 1 ปี
นับแต่วันที่มีผู้ได้พบเห็นหรือได้ทราบข่าวมาเป็นครั้งหลังสุด ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ
อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลตั้งผู้จัดการทรัพย์สินของผู้ไม่อยู่ขึ้นก็ได้ กรณีนี้ขออย่าได้สับสนกับการตั้งผู้จัดการมรดกนะครับ
เนื่องจากผู้จัดการมรดกใช้ในกรณีที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย แต่ผู้จัดการทรัพย์สินใช้ในกรณีสูญหาย
ผู้จัดการทรัพย์สินที่ศาลตั้งขึ้นนี้จะต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของผู้สูญหายให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
นับแต่วันรับทราบคำสั่งของศาล แต่อาจจะขอร้องให้มีการขยายระยะเวลาออกไปได้หากปรากฏว่าผู้สูญหายมีทรัพย์สินจำนวนมาก
หรือยังหาเอกสารไม่พบ
การจัดทำบัญชีทรัพย์สินนี้ต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องอย่างน้อย 2 คนด้วยครับ
และพยาน 2 คนนี้ต้องเป็นคู่สมรสหรือญาติของผู้ไม่อยู่ซึ่งได้บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ถ้าไม่มีคู่สมรส
หรือหาญาติไม่ได้ หรือคู่สมรสและญาติไม่ยอมมาเป็นพยาน จะให้ผู้อื่นซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วเป็นพยานให้ก็ได้ครับ
ผู้จัดการทรัพย์สินมีอำนาจเช่นเดียวกับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจทั่วไป แต่ไม่สามารถขายหรือจำนองอสังหาริมทรัพย์
ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 3 ปีขึ้นไป การให้ทรัพย์สิน การประนีประนอมยอมความ การยื่นฟ้องต่อศาล เป็นต้น
หากมีความจำเป็นจะต้องตัดการทรัพย์สินตามที่กล่าวมาข้างต้น ผู้จัดการทรัพย์สินจะต้องร้องขอต่อศาลก่อนครับ
เมื่อศาลอนุญาตแล้วจึงจะสามารถกระทำการได้ ความเป็นผู้จัดการทรัพย์สินนั้น ย่อมสิ้นสุดลงเมื่อมี 6 กรณีดังนี้
- ผู้ไม่อยู่นั้นกลับมา
- ผู้ไม่อยู่นั้นมิได้กลับมาแต่ได้จัดการทรัพย์สินหรือตั้งตัวแทนเพื่อจัดการทรัพย์สินนั้นแล้ว
- ผู้ไม่อยู่ถึงแก่ความตายหรือศาลมีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
- ผู้จัดการทรัพย์สินเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
- ผู้จัดการทรัพย์สินลาออกหรือถึงแก่ความตาย
- ผู้จัดการทรัพย์สินเป็นบุคคลล้มละลาย
- ศาลถอดถอนผู้จัดการทรัพย์สิน
สำหรับการขอให้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลสูญหายนี้ หากพ้นกำหนด 5 ปี
นับแต่วันที่ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เกินกว่า 5 ปีแล้ว ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ
อาจร้องขอต่อศาลให้เป็นคนสาบสูญได้ แต่ในกรณีที่เกิดสงคราม หรือเกิดอันตรายแก่ชีวิต
เช่น ภัยพิบัติที่ภาคใต้ของเราระยะเวลาดังกล่าวจะลดลงมาเหลือเพียงแค่ 2 ปีครับ
ก็สามารถยื่นคำร้องได้ และกฎหมายให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวถึงแก่ความตายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ
ท้ายสุดนี้ ผมก็ขอแสดงความเสียใจมายังญาติของผู้สูญเสียทุกท่านนะครับ และขอให้ท่านมีกำลังใจสู้กับชีวิตต่อไป
ยุวสันต์ วิเวกเมธากร
(update 17 กุมภาพันธ์ 2006)
[ ที่มา...
นิตยสารบันทึกคุณแม่ ปีที่ 10 พฤศจิกายน 2546 ]
|