วัยรุ่นกับ เซ็กซ์ ทำให้ผู้ใหญ่ตาโตเท่าไข่ห่านได้เสมอ
เพราะสื่อมักจะประโคมข่าววัยรุ่นจนแหลกเหลวหาชิ้นดีไม่ได้ อาทิ เด็กนักเรียนมัธยมต้นถูกจับได้ขณะ ออรัลเซ็กซ์
กันในโรงเรียน หรือไม่ก็ในรถโดยสาร บรรดากุมารแพทย์ก็ออกมายืนยันว่า พบโรคเพศสัมพันธ์โกโนเรียระบาดในหมู่เด็กวัย 10 กว่าขวบแล้ว
ไม่นับข่าววัยรุ่นตั้งครรภ์เพิ่มจำนวนสูงขึ้น
เจอพาดหัวข่าวทำนองนี้พ่อแม่ก็แทบจะวิ่งไปล็อกประตูห้องลูกสาวล่ามโซ่
พวกวัยรุ่นเองก็ไม่ใช่ย่อย ชอบแสดงท่าแก่แดดโอ้อวดความเจนโลกเจนรักแข่งกัน
มีภาษาพูดเฉพาะเข้าใจกันเองในกลุ่มที่คนรุ่นก่อนฟังแล้วไม่รู้เรื่อง อย่างเช่นคำขวัญเกี่ยวกับเซ็กซ์ล่าสุด
"Friends with benefits - ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเซ็กซ์ ไม่มีคำมั่นสัญญา
"Rainbow parties - แฟชั่นลิปสติกหลากสีเคลือบริมฝีปากสำหรับ ออรัล ให้แฟนหนุ่ม
...เป็นรายงานข่าววัยรุ่นที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องหยุดหายใจ แม้กระทั่งรายการทอล์กโชว์ดังของ โอปร่า วินฟรีย์
ก็ประกาศก้องว่า ออรัลเซ็กซ์ กำลังเป็นโรคระบาดในหมู่วัยทีน
คนเป็นพ่อแม่คงอยากรู้ข้อเท็จจริงเบื้องหลังข่าวเหล่านี้เชื่อถือได้แค่ไหน เพื่อความกระจ่างชัด
นิตยสาร พีเพิล และสถานีข่าว เอ็นบีซี จึงร่วมมือกันสำรวจวัยรุ่นอายุระหว่าง 13-16 ปี เรื่องเพศ
ทั้งในแง่ทัศนคติและพฤติกรรม แต่ทว่าข้อมูลที่ได้กลับเป็นว่า
- วัยรุ่นเพียง 27% เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางร่างกาย
- วัยรุ่นเพียง 13% เคยมีประสบการณ์ร่วมเพศ
- วัยรุ่นเพียง 1 ใน 10 คนเคยมีประสบการณ์ออรัลเซ็กซ์ (ตัวเลขนี้จึงห่างไกลคำว่า โรคระบาด อย่างยิ่ง)
- วัยรุ่น (ส่วนใหญ่) 68% เห็นว่าควรมีความรักต่อกันก่อนมีเพศสัมพันธ์
แต่ถึงข้อมูลที่ออกมาจะไม่ใช่ปรากฏการณ์เซ็กซ์อันร้อนระอุในหมู่วัยรุ่น
แล้วมีอะไรซ่อนอยู่ในปรากฏการณ์ที่คนกล่าวถึงนิตยสารพีเพิลและเอ็นบีซีได้สัมภาษณ์เจาะจงกลุ่มวัยรุ่น
ที่ผ่านประสบการณ์ร่วมเพศหรือมีเพศสัมพันธ์แบบออรัล พบว่า การจะมีเซ็กซ์กับคนที่ต้องใจเป็นครั้งคราว
ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา และวัยรุ่นเหล่านั้นให้สัมภาษณ์ถึงความต้องการทางร่างกายอย่างเปิดเผย
ไม่มีเรื่องของความรักโรแมนติกอีกต่อไป
นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งกล่าวว่า ในปาร์ตีทุกงาน หนุ่มสาวที่ควงกันมาเป็นคู่
พร้อมจะแยกไปกับหญิงหรือชายอื่นที่พบในงานและเกิดปิ๊งกันขึ้นมา... การแสดงออกทางเพศของวัยรุ่นปัจจุบัน
มีลักษณะเปิดเผยตรงไปตรงมามากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นวัยรุ่นที่มีกิจกรรมทางเพศหรือไม่ก็ตาม
"การสื่อสารและแสดงออกเรื่องเพศอย่างเปิดเผยเช่นนี้ลุกลามเข้าไปในวิถีชีวิตของนักเรียนระดับมัธยมอย่างชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน...
ลินดา เพิร์ลสไตน์ นักเขียนที่ไปใช้เวลาในโรงเรียนระดับมัธยมนับปี เพื่อนำมาเขียนหนังสือชื่อ
Not Much Just Chillin': The Hidden Lives of Middle Schoolers ซึ่งเป็นหนังสือขายดีระดับเบสต์ เซลเลอร์
ก็ตั้งข้องสังเกตเช่นเดียวกัน
"แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมาเสมอหลังการมีเพศสัมพันธ์กัน คือความรู้สึกถูกพันธนาการไม่จากฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
ซึ่งจะย้อนกลับมาทำร้ายความรู้สึก แม้ยุคนี้จะเป็นยุคที่มีความเสมอภาคทางเพศก็ตาม
พฤติกรรมของเด็กผู้หญิงยังคงขึ้นอยู่กับว่าพวกผู้ชายต้องการอะไรจากพวกเธออยู่นั่นเอง...
ดังเช่น เจน เด็กสาววัย 16 ปี ซึ่งสูญเสียความสาวตั้งแต่อายุเพียง 13 กับเด็กหนุ่มที่เธอเคยเดทด้วยประมาณ 4 เดือน
หนูรู้สึกผูกพันกับเขา แต่เขาไม่รู้สึกอะไร เราเลิกกันอีกสองอาทิตย์ต่อมา หนูรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทำลาย
สูญเสียและเสียใจที่สุด เพราะหนูรักเขา การมีเซ็กซ์ทำให้ผูกพันยิ่งขึ้น...
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ลินดาได้มาและจากการสำรวจ แสดงให้เห็นว่า
กระแสหลักในโรงเรียนระดับมัธยมยังไม่มีกิจกรรมร่วมเพศ
สำหรับเด็กการวางท่าคุยโตโอ้อวดเรื่องเซ็กซ์ยังคงเป็นเรื่องของนามธรรม
โจส เจอค๊อป-เฮอเรร่า วัย 14 ปี เผยว่า พวกผู้ชายที่ผมรู้จัก ชอบคุยว่าเคยมีเซ็กซ์ แต่จริงๆ แล้ว ไม่เคยหรอก
"พวกนี้ชอบพูดโกหกเรื่องเซ็กซ์เพื่อให้ตัวเองดูเท่ หรือไม่ก็อยากแสดงว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...
ซาแมนต้าสาวน้อยวัย 13 ก็บอกว่า
"ตอนที่เรียนอยู่เกรด 7 เวลาอยู่กับพวกเพื่อนๆ หนูก็พูดว่าเคยมาแล้ว แต่จริงๆ ไม่เคยหรอกค่ะ...
ถึงกระนั้นลินดาก็ยืนยันว่า แต่โลกของเด็กมัธยมก็มิได้หลุดพ้นจากการบดขยี้ทางเพศ
บรรยากาศของโรงเรียนยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของความรัก อกหัก ผิดหวัง อบอวลอยู่เหนือเซ็กซ์ที่ไม่เหมาะสม
เด็กๆ พูดคุยถึงมันเป็นประจำกระทั่งกลายเป็นเรื่องธรรมดา จนเส้นแบ่งระหว่างคำพูดและการกระทำลางเลือน
ลองตั้งคำถามเด็กวัย 13-14 ปี ที่อาศัยอยู่ชานเมืองชิคาโกว่า ออรัลเซ็กซ์กำลังนิยมในหมู่วัยรุ่นจริงหรือเปล่า...?
ทุกคนตอบพร้อมกันว่า ไม่หรอก...ไม่ทุกคน แล้วอลานา ก็พูดว่า เราก็ได้ยินเรื่องพวกนี้เยอะแยะเลย
เคลลี เสริมขึ้นว่า นักเรียนที่โรงเรียนเราก็ทำด้วยละ... ใช่...ใช่... ทุกคนยอมรับพร้อมกัน แล้วเมแกนก็แย้งว่า
แต่เราได้ยินว่าเขาทำกันเฉพาะพวกเกรด 6 ลินเซย์ พูดบ้าง เกรด 5 ไม่มีนะ ต้องเกรด 6 ขึ้นไป
แซนดี้เสริมว่า เป็นข่าวลือน่า แต่ทำไมทุกคนพูดเหมือนกันหมดก็ไม่รู้...
เคลเมนไทน์ วัย 15 ปี จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ยังเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ ท่าทางซื่อๆ คงแก่เรียน
แต่เธอสามารถพูดถึงเรื่องเซ็กซ์และกฎกติกาเรื่องเพศในหมู่วัยรุ่น ด้วยท่าทีปกติเหมือนคุยเรื่องทั่วๆ ไป
การมีเซ็กซ์แบบออรัล ดีกว่าร่วมเพศกันจริงๆ เพราะมันสามารถทำลายชีวิตของเราได้...
ยังมีอีก...
"ก็ดีหรอกถ้าจะมีอะไรกับใครสักคนหนึ่ง แต่ไม่ควรมีกับคนทั่วไปหมด
เพราะคนก็จะรู้ว่าเราเป็นอย่างไร แล้วก็เอาไปพูดลับหลังได้...
...ฟังแล้วเย็นสันหลังวาบเลย
ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมสมัยใหม่พากันอัดฉีดเรื่องเซ็กซ์ใส่ทุกสิ่งทุกอย่างชนิดไม่เคยปรากมาก่อน
วัยรุ่น 51% ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเซ็กซ์จากทีวีและภาพยนตร์
เมื่อตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วอะไรทำให้เด็กวัยรุ่นเปลี่ยนจากการพูดคุยเรื่องเซ็กซ์เป็นการกระทำ ร้อยละ 62 ตอบว่า
เมื่อได้พบคนที่ถูกใจ 36% ตอบว่า เป็นความอยากรู้อยากเห็น ส่วนอีก 34% เกิดความรู้สึกทางเพศ
การสำรวจพบว่า เด็กๆ ใช้ออรัลเซ็กซ์ เป็นการปลดปล่อยความต้องการทางเพศและหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์
วัยรุ่น 4 ใน 10 คนบอกว่า มีออรัลเซ็กซ์ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการร่วมเพศจริงๆ และ 54% พูดถึงออรัลเซ็กซ์ว่า
มันทำให้พวกเธอไม่สูญเสียพรหมจรรย์
ถ้ามองสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน
นั่นคือความไม่เท่าเทียมทางเพศระหว่างหญิงและชาย เมื่อเด็กผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ พวกเธอจะกลายเป็นผู้หญิงไม่ดี
แต่ผู้ชายจะถูกมองว่าเยี่ยม ได้รับความชื่นชมอีกต่างหาก... ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจว่า วัยรุ่นหญิงที่มีกิจกรรมทางเพศ 22%
(มากว่าผู้ชาย 5%) ให้สัมภาษณ์ว่าคู่นอนไม่เคยออรัลเซ็กซ์ให้เธอหรือเด็กผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกต้องการร่วมเพศ
เพื่อสนองความต้องการทางเพศของตัวเอง และเด็กผู้หญิงที่ยินยอมก็เพื่อเอาชนะหัวใจแฟนหนุ่ม
"สำหรับผู้ชายแล้ว ต้องการแค่ออแกสซั่มเท่านั้น
แล้วบรรดาพ่อแม่ล่ะ เข้ามาดูแลพฤติกรรมเหล่านี้ของลูกๆ วัยรุ่นแค่ไหน ?
พีเพิลและเอ็นบีซี รายงานว่าพ่อแม่จำนวนมากถึง 91% คิดว่าสำคัญมากที่จะเข้ามามีส่วนรับรู้ความสัมพันธ์ทางเพศของลูก
และดูว่าจะช่วยเหลืออะไรลูกได้บ้าง ทั้งพ่อแม่และลูกวัยรุ่นต่างบอกว่า มีการพูดกันตัวต่อตัวเรื่องเพศและความสัมพันธ์ทางเพศบ่อยๆ
แต่ก็ยังมีพ่อแม่ที่คิดไม่ถึงว่าลูกๆ วัยรุ่นจะมีพฤติกรรมทางเพศเกินเลยหรือโลดโผนดังที่เป็นข่าว
ไม่ว่าจะอย่างไร ข่าวคราววัยรุ่นที่น่าตกใจก็ทำให้พ่อแม่หัวใจสลายทั้งสิ้น เซ็กซ์บัดซบพวกนี้ทำให้เด็กๆ
สูญเสียความไร้เดียงสาไปก่อนวัยอันควร
ถ้ามองโลกในแง่ดี พ่อแม่คงทำใจว่าพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นที่โลดโผนดังกล่าว
เกิดขึ้นกับวัยรุ่นจำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นวัยรุ่นกลุ่มเล็กๆ เมื่อเทียบกับภาพรวมของวัยรุ่นทั่วไป
ซึ่งยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงการร่วมเพศ แม้จะมีกระแสยั่วยุจากเพื่อนฝูงรอบข้าง
เด็กๆ ยังพา แฟน ไปดูหนังและซื้อตุ๊กตาหมีให้กันและเมื่อถามถึงช่วงเวลาอันแสนโรแมนติก
ของพวกเขาเป็นอย่างไร คำตอบก็ยังไม่เลวร้ายอย่างที่พ่อแม่หวาดกลัว
"เรานอนคุยกันบนหิมะ หรือไม่ก็จ้องมองสระน้ำ แล้วก็ปั้นตุ๊กตาหิมะ...
...เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้คนมีลูกสาว...ค่ะ
(update 24 มีนาคม 2006)
[ ที่มา..
นิตยสาร teen&family ปีที่ 10 ฉบับที่ 118 มกราคม 2006]
|