ยามีหลายชนิดทีเดียวที่ใช้จัดการกับอาการและความเจ็บป่วยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลูก ทั้งยาน้ำ ยาทา ยาหลอด (หู ตา จมูก) ด้วยคุณสมบัตที่แตกต่างกัน ยาแต่ละประเภทจึงมีวิธีเก็บรักษาที่แตกต่างกันไป ใส่ใจกับการเก็บยาอีกสักนิด เพื่อประสิทธิภาพและอายุของยาสำหรับลูกคะ
รู้ก่อนเก็บยา
ก่อนจัดเก็บยาลูก คุณแม่ควรอ่านฉลากอย่างละเอียด รวมไปถึงคำแนะนำในการเก็บรักษา เพื่อคงประสิทธิภาพของตวยาให้เหมือนเดิม โดยควรจัดเป็นหมวดหมู่ไว้ในตู้ยา เช่น ยากิน ยาทา ยาหยอด เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้และไม่สับสน
2 วิธีเก็บยา
เก็บในตู้ยา สำหรับยาทั่วไป
หลักของการเก็บยาโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นยาสำหรับเด็กหรือยาสำหรับผู้ใหญ่ คือ เก็บให้พ้นแสง ในอุณหภูมิห้อง (ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส) และไม่ชื้น ดังนั้นจึงไม่ควรเก็ยยาไว้ในห้องน้ำ บริเวณที่อุ่นและชื้นรวมไปถึงในตู้ยา ยกเว้นยาบางชนิดที่มีการระบุไว้เท่านั้น
เก็บในตู้เย็น สำหรับกลุ่มยาหยอดและยาฆ่าเชื้อ
ยาหยอดตาและยาฆ่าเชื้อบางชนิดที่ต้องผสมน้ำ เมื่อผามน้ำหรือเปิดใช้แล้วต้องเก็บไว้ในตู้เย็น โดยเก็บไว้ในช่องปกติไม้ควรเก็บไว้ที่ชั้นใกล้ช่องแช่แข็ง เพราะอาจเย็นจัดจนเป็นน้ำแข็งได้ นอกจากนี้ไม้ควรเก็บไว้ที่ประตูตู้เย็น เพราะมีการเปิดปิดประตูตู้เย็ยบ่อยๆซึ่งอาจทำให้ความเย็นไม่คงที่
สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรเปลี่ยนภาชนะที่ใส่ยา เนื่องจากขวดหรือกล่องที่บรรจุยามานั้น เหมาะสมกับยาชนิดนั้นๆแล้ว ส่วนยาที่ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้น ควรเก็บไว้ไกล้ๆซองสารกันชื้นตลอดเวลา และปิดฝาให้แน่นเมื่อใช้ยาเสร็จแล้ว
ถึงเวลา....เก็บทิ้ง
- ยาหยอดตา เป็นยาที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น เมื่อเปิดใช้แล้วมีระยะเวลาในการใช้ไม่เกิน 1 เดือน
- ยาฆ่าเชื้อ เมื่อผสมน้ำแล้วและเก็บในตู้เย็นจะใช้ได้ 7-14 วันเท่านั้นคะ หลังจากนั้นประสิทธิภาพของยาจะลดลงเรื่อยๆ จนอาจทำให้การรักษาด้วยยาดังกล่าวไม่ได้ผล
- ยาประเภทครีมต่างๆ ควรเก็บไว้ไม่เกิน 6 เดือนเช่นเดียวกับยาน้ำ
- ยาเม็ด ถ้าไม่เบรรจุฟอยล์เก็บได้ประมาณ 6-12 เดือน หากบรรจุฟอยล์สามารถเก็บไว้ได้ถึงวันหมดอายุที่ระบุข้างฉลาก
Concern
สังเกตวันหมดอายุด้านข้างฉลากอย่างละเอียด หากไม่มีการแจ้งระบุไว้ที่ฉลาก ควรสอบถามเภสัชกรเพื่อความแน่ใจ นอกจากนี้ควรสังเกตลักษณะของยาด้วยนะคะว่ามีการเปลี่ยนอแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เช่น สีเปลี่ยน ขุ่น เนื้อยาข้น มีการตกตะกอน เนื้อยาแยกชั้นหรือผิวยาไม่เรียบแม้ยังไม้หมดอายุ ก็ต้องทิ้งเพื่อความปลอดภัยของลูกคะ
(update 27 พฤษภาคม 2009)
[ ที่มา..
นิตยสาร MODERNMOM Vol.13 No.155 September 2008 ]
|