โหระพามีชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum Linn.
วงศ์ Labiatae
ชื่อภาษาอังกฤษ Sweet Basil
โหระพามีชื่อื่น ๆ คือ อิ่มคิมขาว (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) กอมก้อ (เหนือ อีสาน) นางพญาร้อยชู้ โหระพาไทย โหระพาเทศ ห่อกวยชวย ห่อวอซู
โหระพาเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับกะเพราและแมงลักแต่กลิ่นรสต่างกัน
ชื่อโหระพาภาษาอังกฤษคำว่า Basil มาจากภาษากรีก Basileus แปลว่า ราชา หรือ ผู้นำของปวงชน ชื่อนี้เนื่องมาจากกลิ่นดุจเครื่องหอมในราชสำนักของโหระพา
ชื่ออื่นของโหระพาในภาษาแถบยุโรปมรรากศัพท์มาจากคำว่าราชานี้ทั้งสิ้น เชื่อว่าเป็นส่วนประกอบของสมุนไพรที่ราชวงศ์ยุโรปโบราณใส่ในน้ำอาบ
โหระพาเป็นไม้ล้มลุก สูง 0.5 - 1 เมตร ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม กิ่งอ่อนสีม่วงแดง
ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-4 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่าง ๆ มีขนอ่อนปกคลุมใบและต้น
ดอกสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 7-12 เซนติเสตร มีใบประดับสีเขียวอมม่วงซึ่งจะคงอยุ่เมื่อเป็นผล กลีบดอกมีโคนเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน เกสรตัวผู้ 4 อัน ผลขนาดเล็ก ผลแห้งมี 4 ผลย่อย เมล็ดเล็กเท่าเมล็ดงา สีน้ำตาลเข้ม
โหระพามีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและแอฟริกา โหระพาเป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย แต่แพร่หลายทั้งในเอเชีย และดินแดนตะวันตก
โหระพาช้าง Ocimum gratissimum Linn. หรือกะเพราญวน จันทร์หอม เนียมตัน เนียมยี่หร่า เป็นไม้พุ่มสูงคล้ายโหระพาแต่มีขนาดใหญ่กว่า
ใบโหระพาช้างมีข้อแตกต่างจากโหระพาเนื่องจาก มีสาสำคัญในน้ำมันหอมระเหยต่างกัน ใบโหระพาช้างมียูจีนอล (eugenol) เป็นสารหลักทำให้ไม่นิยมใช้ประกอบอาหารเท่าโหระพา
ประโยชน์
โหระพาเป็นพืชที่มีกลิ่นหอม นิยมนำมาประกอบอาหารหลากชนิดในประเทศไทย ช่วยปรุงแต่งกลิ่นรสของอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารหลายชนิด เช่น ผัดหอย ผัดเนื้อ ใช้ใบปรุงอาหาร ผักโรยชูรสได้หลายชนิด เช่น แกงเผ็ด แกงเลียง ผัด ทอด ใบและยอดอ่อนใช้กินเป็นผักสด เป็นเครื่องแนม อาหารคาวหรืออาหารว่างได้เป็นอย่างดี
โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีรสชาติละเอียดอ่อน ถ้าใช้ปรุงอาหารจะมส่โหระพาแล้วยกลงทันทีเพื่อไม่ให้เสียกลิ่นรสไป
ประเทศตะวันตกนิยมกินใบแห้งเป็นเครื่องเทศ น้ำสลัดที่ใช้โหระพาเป็นส่วนผสม (pesto) เป็นน้ำสลัดที่ใช้ประจำในอาหารอิตาเลียน
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็นิยมกินใบโหระพา แต่ใช้โหระพาจากอียิปต์ ฝรั่งเศส และมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีกลิ่นต่างจากโหระพาของไทย น้ำมันโหระพาใช้แต่งกลิ่นซอสมะเขือเทศ ขนมผิง ลูกอม ผักดอง ไส้กรอกและเครื่องดื่ม
ใบโหระพามีคุณค่าทางยาช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องร่วง แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน เด็กปวดท้องให้ใช้ใบโหระพา 20 ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาชงนมให้เด็กดื่ม ปลอดภัยกว่ายาขับลมที่ผสมแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ ใบโหระพามีสรรพคุณรักษาโรคหวัด รักษาอาการปวดศรีษะ โดยใช้ยอดอ่อนต้มกับน้ำดื่มเป็นชา หรือกินเป็นผักสดได้ ใช้ร่วมกับขิงแก้ไอ และช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน
เมล็ดของโหระพาเมื่อแช่น้ำจะพองตัวเป็นเมือใช้กินแก้บิด ช่วยหล่อลื่นลำไส้เป็นยาระบาย เนื่องจากไปเพิ่มจำนวนกากอาหาร (bulk laxative)
องค์ประกอบทางเคมี
วารสกัดใบโหระพาที่ได้จากการกลั่นด้วยไอน้ำ มีสีเหลืองอ่อนถึงไม่มีสี ใบโหระพามีน้ำมันหอมระเหยอยู่ประมาณร้อยละ 0.1-1.5 เมื่อทำการวิเคราะห์ด้วยวิธาสุ่มตัวอย่างจาก (headspace) และตรวจสอบด้วย gaschromatography พบว่าในน้ำมันหอมระเหยประกอบด้วยสารเมทิลชาวิคอล (methylchavicol) เป็นสารหลัก (ร้อยละ 93) และสารกลุ่มเทอร์พีน ได้แก่ ลินาโลออล (linalool) และซีนีออล (1, 8-cineol)
นอกจากนี้ยังสารยูจีนอล (eugenol) กรดกาเฟอิก (caffeic acid) และกรดโรสมารินิก (rosmarinic acid) เป็นต้น
น้ำมันหอมระเหยจากโหระพาช่วยการย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยการย่อยอาหาร
ขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ลดการปวดเกร็งในระบบทางเดินอาหาร และแก้หวัด น้ำมันโหระพามีกลิ่นหอมหวาน เมื่อสูดดมมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดความสงบ
มีสมาธิ ลดอาการซึมเศร้า มีข้อควรระวังในการใช้ในสปาคือ ทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
องค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญของใบโหระพา พันธุ์ไทย คือเมทิลชาวิคอล สกัดได้จากการกลั่นด้วยไอน้ำ มีลักษณะเป็นของเหลวใสเหลืองอ่อน หรือเหลืองอมน้ำตาลปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกชั้นของน้ำ มีกลิ่นเฉพาะตัว มีคุณสมบัติแก้จุกเสียดแน่นท้อง
ใบโหระพามีเบต้าเคโรทีนสูง สามารถป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็งได้ โหระพา 1 ขีด มีบีตาเคโรทีน 452.16 ไมโครกรัม ร่างกายผู้ใหญ่ต้องการบีตาเคโรทีนวันละ 800 ไมโครกรัม บีตาเคโรทีนมีอยู่ในผักใบเขียวเข้มทุกชนิด เมื่อกินโหระพาไปด้วยจะได้มีบีตาเคโรทีนเพียงพอใน 1 วัน
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของโหระพาและการทดสอบทางคลินิก
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
เมื่อสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบโหระพาด้วยเมทานอล พบว่ากรดโรสมารินิกในใบโหระพามีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบโดยวิธี DPPH scavenging activity
นอกจากนี้การทดสอบน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดด้วยน้ำจากใบโหระพาจ่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจที่ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระในห้องทดลอง พบว่าสารสกัดน้ำมันและน้ำมันหอมระเหยจากโหระพามีฤทธิ์ป้องกันความเสียหายจากการทำลายของอนุมูลอิสระได้
งานวิจัยของตุรกีพบว่า ชาโหระพามีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสูงกว่าชาเขียวที่จำหน่ายในตุรกี
ฤทธิ์ลดคอเสลเตอรอลและแผ่นคราบ (พลัค) ในกระแสเลือด
งานวิจัยการใช้ใบโหระพาเป็นยาลดคอเลสเตอรอลในเลือดของสัตว์ทดลองที่ประเทศโมร็อกโกพบว่า
สารสกัดโหระพามีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูทดลองที่ถูกทำให้มีปริมาณไขมันสูง
เนื่องจากสะสมไขมันของแม็กโครฟาจที่เหนี่ยวนำโดยแอลดีแอลคอเลาเตอรอล (LDL-C) หรือไขมันไม่ดี มีบทบาทสำคัญในการเกิดแผ่นคราบ (พลัค) ของโรคหลอดเลือดอุดตัน
คณะทำงานที่ประเทศอิตาลีจึงทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดกับการต้านออกซิเดชันของไขมันไม่ดี
งานวิจัยพบว่าสารสกัดเอทานอลของโหระพามีฤทธิ์ต้านไขมันไม่ดีออกซิเดชันจากการเหนี่ยวนำของ Cu (2+)
นอกจากนี้สารสกัดโหระพาลดการรวมตัวสะสมของหยดไขมันแม็กโครฟาจที่เกิดจากไขมันไม่ดีที่เปลั่ยนไป สารสกัดโหระพาไม่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอร์ของคอเลสเตอรอลและการสังเคราะห์ไตรกลีเซอรอลในเซลล์แต่อย่างใด แม็กโครฟาจที่ได้รับสารสกัดจากโหระพาลดการสังเคราะห์คอเลสเตอรอลในสภาพที่ไม่ใช่เอสเทอร์และลดอัตราการทำงานของ surface scavenger receptor
สรุปได้ว่าสารสกัดเอทานอลของโหระพาสามารถลดการสร้างโฟมเซลล์ โดยลดการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล และเปลี่ยนแปลงการทำงานของ surface scavenger receptor
ฤทธิ์ต้านจุลชีพ
ฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย : สารสกัดจากโหระพามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่ก่อโรค เช่น Staphylococcus, Enterococcus และ Pseudomonas น้ำมันหอมระเหยจากโหระพาที่สกัดด้วยวิธี hydrodistillation มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียแกรมบวก แกรมลบ
ฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อสิว : นอกจากนี้งานวิจัยของมหาวิทยาลัยนเรศวรพบว่า สารสกัดเอทานอลของใบโหระพามีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว Propionibacterium acnes ได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับสารสกัดจากพืชร่วมตระกูลโหระพาอื่น ๆ เช่น กะเพรา
ฤทธิ์ต้านเชื้อรา : น้ำมันโหระพามีสารสำคัญคือ linalool eugenol Sclerolinia sclerotiorum, Rhizopus stolonifer and Mucos spp. น้ำมันโหระพาในขนาด 1.5 ml/l มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของไมซีเลียมเชื้อรา 22 ชนิด
รวมถึงสายพันธุ์ที่สร้างไมโคท็อกซินของ Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ด้วย
ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส : โหระพามีการใช้งานมานานในการแพทย์แผนจีน การศึกษาฤทธิ์สารสกัดโหระพาและสารสำคัญในการต้านไวรัสพบวาสสารสกัดน้ำและเอทานอลของโหระพา และสารสำคัญคือเอพิจีนินลินาโลออล และกรดเออเซลิกมีฤมธิ์ต้านไวรัสแบบ broad sprectrum (herpes viruses (HSV), adenoviruses (ADV) hepatitis B virus) และ RNA ไวรัส (coxsackievirus B1 (CVB1) and anterrovirus 71 (EV71)
ฤทธิ์ต้านปรสิต : น้ำมันโหระพามีฤทธิ์ต้านปรสิต Giardia lamblia สารออกฤทธิ์ต้าน G. lamblia คือ ลินา ดลออล
ฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็ง
น้ำมันโหระพาสามารถเพิ่มฤทธิ์ของเอนไซม์ glutathione-S-transferase มากกว่าร้อยละ 78 ในกระเพาะตับ และหลอดอาหารของหนูทดลองและสามารถต้านการก่อมะเร็งของหนูได้ โดยมีฤทธิ์ยับยนั้งการทำงานของสารซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิด squamous cell carcinoma ในกระเพาะอาหารของหนูทดลอง และพบว่าน้ำมันโหระพามีพิษต่อเซลล์มะเร็งเมื่อทดสอบด้วยวิธี MTT ในเซลล์มะเร็ง murine leukemia และ human mouth epidermal carcinoma
ฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์
น้ำมันสกัดจากใบโหระพามีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของ Samonella typhimurium มีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ได้ดีใกล้เคียงกับฤทธิ์ของวิตามินอี
ฤทธิ์ดังกล่าวเกิดจากฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของน้ำมันหอมโหระพา
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
สารสกัดจากใบโหระพามีฤทธิ์การยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ cyclooxygenase lipoxygenase ซึ่งไปเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบในเมตาบอลิกของกรดอาราซิโดนิก (arachidonic acid) พบว่าสารกลุ่มเทอร์พีนที่แยกได้จากรากและลำต้นของโหระพามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
การศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบของทิงเจอร์โหระพา พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยออกฤทธิ์ที่ไขกระดูกอย่างเฉียบพลัน การศึกษาผลของทิงเจอร์โหระพา (1 : 10) ในการลดการอักเสบที่เกิดจากเทอร์เพนไทน์ของหนู เทียบกับการใช้ไดโคลฟีแนก (30 มก./100 ก.) โดยการวัดเม็ดเลือดขาวโดยรวมและแยกชนิด ทอสอบโกไซซิสในหลอดทดลอง และการวัดการสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์ พบว่าทิงเจอร์โหระพา ลดปริมาณเม็ดเลือดขาวสุทธิปริมาณโมโนไซต์ ลดการกระตุ้นฟาโกไซต์ แต่ลดการสร้างไนตริกออกไซด์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทิงเจอร์โหระพา ให้ผลน้อยกว่าการใช้ไดโคลฟีแนกเล็กน้อย
ฤทธิ์รักษาแผลกระเพาะอาหาร
น้ำมันโหระพามีฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของแสไพรินที่เหรี่ยวนำให้เกิดแผลกระเพาะอาหาร โดยยับยั้งเอนไซม์ lipoxygenase และต้านฮิสทามีนที่ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดแผล
ฤทธิ์ฆ่าไรและแมลง
สารสกัดจากใบโหระพามีฤทธิ์ฆ่าไร Tetranychid mites (Tetranychus urticae) และ Eutetranychus orientalis ฆ่าแมลงวันบ้าน แมลงวันปากคมที่ตอมกินเลือดปศุสัตว์ และยุงพาหะโรคชนิดต่าง ๆ น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากโหระพามีฤทธิ์ฆ่ายุงและลูกน้ำยุงหลายชนิด รวมถึงยุงั้เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าพืชพื้น ๆ เช่น โหระพาจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากถึงเพียงนี้ เมื่อส่งต้นฉบับนี้แล้วคงต้องไปซื้อก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมาจากตลสดนัด ขอโหระพาเขาแถมมาหน่อย เป็นอาหารว่างจานผักเพื่อสุขภาพไงค่ะ
(update 5 มกราคม 2010)
[ ที่มา..
นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 30 ฉบับที่ 356 ธันวาคม 2551]
|