หากเอ่ยถึงโรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะมี่ค่อยคุ้นเคยมากนัก แต่จริงๆแล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับลูกตั้งแต่วัยเบบี๋จนถึงวัยอนุบาล อาการจะเริ่มต้นจากการเป็นหวัดธรรมดาๆ ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการตรวจหูร่วมด้วย ลูกอาจมีโอกาสเป็นหูน้ำหนวกหรือกลายเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบแบบมีน้ำขังหรือเรื้อรัง
หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นในเด็กเพราะหูและรูหูมีขนาดเล็กทำให้เกิดการอุดตันจนทำให้อักเสบได้ง่าย มักเกิดหลังเป็นหวัดแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งเชื้อที่ก่อโรคก็คือเชื้อแบคทีเรีย โดยคนไข้จะมีน้ำหนองเกิดขึ้นที่หูชั้นกลาง มีลักษณะโปร่ง บวม แดง แต่แก้วหูไม่ทะลุค่ะ
ลักษณะอาการ
อาการเริ่มต้นเป็นหวัดมาแล้ว 1 สัปดาห์ มีอาการปวดหู และเป็นไข้ร่วมด้วย เพราะแก้วหูบวมแดง ซึ่งส่วนใหญ่พบในเด็กอายุตั้งแต่ 1-6 ขวบ หรือในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ตรวจเจอได้ตั้งแต่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ
แก้วหูที่บวมสามารถแตกออกและมีน้ำไหลได้ คนทั่วไปอาจเข้าใจว่าเป็นหูน้ำหนวกได้ แต่จริงๆ แล้ว หูน้ำหนวกเกิดจากการที่หูชั้นกลางอักเสบเป็นเวลานาน จนมีหนองไหล แต่จะไม่มีอาการปวดและไม่มีไข้ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จะต้องสังเกตอาการลูกให้ดี เพื่อทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนพาลูกไปพบแพทย์ค่ะ
รักษาตามอาการ
ด้วยยาปฏิชีวนะ : ซึ่งอาการอักเสบเฉียบพลันจะเป็นได้เร็ว หากแพทย์ตรวจร่างกายลูกแล้วเห็นชัดเจนว่าแก้วหูโปร่งบวมแดง มีของเหลวในหู ก็จะฟันธงว่าเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน จากนั้นก็อาจจะนัดมาตรวจเป็นระยะๆ และให้ยาปฏิชีวนะ ในช่วงที่เด็กมีไข้หรือปวด พร้อมกับนัดมาดูอีกครั้งว่ามีการตอบสนองที่ดีกับยาที่กินหรือไม่ ถ้ายาปฏิชีวนะถูกกับเชื้อที่เกิดขึ้น ก็จะปวดและไข้น้อยลง
หลังจากนั้นต้องกินยานี้อีกประมาณ 10 วันแล้วจึงนัดมาตรวจดูว่าน้ำในหูใสขึ้นและแห้งไปหรือไม่ หากพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับก็แสดงว่าหายเป็นปกติ แต่ถ้าดูแล้วยังมีน้ำขังโดยที่ไข้ลงและไม่มีอาการปวดแล้ว ก็แสดงว่าลูกเป็นหูชั้นกลางอักเสบแบบมีน้ำขัง
ให้ยาหยอด : ในกรณีที่หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันและมีน้ำขังมากๆ น้ำที่ขังอยู่อาจมีโอกาสแตกออกมาได้ ต้องคอยบอกลูกไม่ให้ตกใจนะคะ เพราะถ้าหากแตกออกแล้วก็จะไม่ปวด หลังจากนั้นก็พาลูกมาตรวจอีก เพื่อที่แพทย์จะได้ดูว่าควรจะใช้ยาตัวเดิมต่อหรือให้ยาหยอดหูเสริมค่ะ
ป้องกันหวัด=ป้องกันหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
การป้องกันลูกจาก โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันก็คือการป้องกันหวัดค่ะ ซึ่งทำได้โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกเล่นคลุกคลีกับคนที่เป็นไข้หวัด และไม่พาลูกไปในที่ชุมชนหรือที่มีคนเยอะๆ ซึ่งในเบื้องต้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่รู้ว่าลูกจะเริ่มเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันหรือไม่ ฉะนั้นหากลูกมีอาการเป็นไข้ เป็นหวัดก็ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
หากตรวจพบว่าเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน สามารถป้องกันไม่ให้ลูกเป็นมากขึ้นด้วยการไม่ให้ลูกว่ายน้ำ เล่นน้ำ แคะหู ปั่นหู เพราะแก้วหูบวมแดงและโปร่งอยู่แล้ว ถ้าเอาอะไรเข้าไปปั่นหูก็จะยิ่งทำให้แก้วหูทะลุได้ง่าย
สังเกตลูกวัยเบบี๋
หากเป็นลูกในวัยเบบี๋คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ดังนี้ค่ะ
1. มีไข้สูง ร้องไห้ งอแงไม่ทราบสาเหตุ
2. เอามือจับหูไว้หรือเอานิ้วจิ้มไชที่ใบหูตลอดเวลา
ถ้ามีอาการตามข้อ 2 ข้อนี้ร่วมกับเคยเป็นหวัดมาก่อน สามารถสันนิษฐานเบื้องต้นได้เลยว่า ลูกอาจเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบ ก็คือเมื่อไหร่ที่ควรพาลูกมาพบแพทย์ โดยให้สังเกตเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น น้ำมูกเริ่มเขียว เริ่มกินไม่ได้ น้ำลายไหล อาจแสดงว่าเขาเจ็บคอหรือมีอาการไอ และมีเสมหะพร้อมกับมีน้ำมูกด้วย ก็ควรรีบพามาพบแพทย์ หากปล่อยไว้นานๆ หรือไม่ได้ตรวจหูด้วย ก็อาจทำให้เป็นเรื้อรังจนเป็นหูน้ำหนวกได้
(update 8 พฤษภาคม 2011)
[ ที่มา..
นิตยสารรักลูก ปีที่ 26 ฉบับที่ 335 ธันวาคม 2553 ]
|