ก่อนที่จะพิจารณาดูความเหมาะสมของร่างกฎหมายดังกล่าว เห็นเป็นการสมควรที่จะทราบว่า ในอดีตบ้านเมืองเราได้เคยมีกฎหมายลบล้างมลทินโทษมาแล้วกี่ครั้ง กี่หน และขอบเขตมีแค่ไหนเพียงใด
นับแต่ปี 2475 จนถึงปัจจุบัน เราได้เคยมีกฎหมายล้างมลทินโทษมาแล้ว 6 ครั้งคือ
- พ.ร.บ. ล้างมลทินผู้กระทำผิดทางการเมือง ร.ศ. 130 พ.ศ.2475
- พ.ร.บ. ล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในกรณีเกณฑ์แรงงานหรือทรัพย์สินในระหว่างมหาสงครมเอเชียบูรพา พ.ศ.2489
- พ.ร.บ. ล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499
- พ.ร.บ. ล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502
- พ.ร.บ. ล้างมลทินโทษในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2526
- พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530
พ.ร.บ. ฉบับที่ 3 ถึงที่ 6 มีเนื้อหาตรงกันที่ว่า ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ทุกประเภทและได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. ดังกล่าวใช้บังคับ และล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ และได้รับโทษหรือรับทัณฑ์ทั้งหมดหรือบางส่วนไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. ใช้บังคับโดยถือว่าบุคคลดังกล่าวได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้น ๆ
ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คงถือเป็นเหตุผลเดียวกับฉบับที่ 5 ที่เห็นควรให้มีการล้างมลทินแก่ผู้ต้องโทษทางอาญาและทางวินัยที่พ้นโทษมาแล้ว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลกาลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษา 72 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2542
เจตนารมณ์ในการเสนอ พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็เป็นเจตนารมณ์เดียวกับกฎหมายล้างมลทินโทษเดิม ๆ ที่ต้องการให้ผู้ถูกลงโทษทางอาญาหรือทางวินัย และได้รับโทษมาจนพ้นโทษแล้วได้มีโอกาสล้างมลทินของตน เพื่อประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป เพราะตามหลักอาชญาวิทยานั้น ควรให้โอกาสผู้กระทำผิดได้มีโอกาสสำนึกตนและประพฤติตนในทางที่ชอบต่อไป ประเด็นที่มีผู้คัดค้านว่าไม่ควรล้างมลทินให้แก่ข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และผู้พ้นโทษจากคดีเสพย์ติดให้โทษ จะเป็นการสมควรหรือไม่
ในประเด็นดังกล่าว ถ้ามองในแง่อาชญาวิทยาและการให้อภัยต่อกันก็อาจเป็นเรื่องสมควร แต่ถ้ามองในแง่ความมั่นคงของบ้านเมืองและปัญหาสังคมก็น่าพิจารณาอยู่ไม่น้อย ผู้เขียนมีความเห็นดังนี้
- ประเด็นที่เกี่ยวกับการล้างมลทินให้แก่ข้าราชการกระทำผิดทางวินัยและได้รับการลงโทษแล้วผู้เขียนเห็นว่า ควรล้างมลทินให้ทุกกรณี เพราะถึงแม้เป็นผู้ที่เคยทุจริตมาแล้วแม้จะได้การลบล้างมลทินโทษแล้วก็ไม่อาจจะกลับเข้ารับราชการได้โดยง่าย เพราะต้องได้รับการกลั่นกรองจากหน่วยราชการนั้น ๆ อย่างรอบคอบทั้งต้องมีตำแหน่งหรืออัตราว่าง ในทางการเมืองพรรคการเมืองใดจะรับบุคคลประเภทนี้ไว้ในพรรค ย่อมจะไม่เกิดประโยชน์ใดในทางการเมือง
- สำหรับผู้พ้นโทษในคดียาเสพย์ติดให้โทษนี้ ผู้เขียนเห็นด้วยตามกระแสสังคมว่า ไม่ควรได้รับการล้างมลทินโทษ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่จะกระทำผิดในประเภทนี้ต่อไป
รุจิระ บุนนาค
[ BACK TO LIST]
ห้องสมุด E-LIB[ hey.to/yimyam ][ pantip.com/ELIB ]
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]