"วิสามัญฆาตกรรม" ได้แก่ ในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่า ปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานที่อ้างว่า ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามหน้าที่ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะต้องมีการชันสูตรพลิกศพไว้เป็นหลักฐาน
การชันสูตรพลิกศพตามกฎหมายปัจจุบันนั้น เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักกฎหมายและบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายว่า ยังมีข้อบกพร่องอยู่หลายประการทำให้เกิดความผิดพลาดในการวินิจฉัยถึงสาเหตุการตายของผู้ถูกควบคุมของเจ้าพนักงาน หรือรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างผู้ตายกับเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่า ปฏิบัติการตามหน้าที่โดยชอบ วิธีการในการชันสูตรพลิกศพและการไต่สวนการตายเป็นไปอย่างล่าช้า มิได้คุ้มครองสิทธิ์ของผู้เกี่ยวข้องที่เป็นญาติของผู้ตายอย่างเพียงพอ บางคดีมีการทำลายหลักฐานการตายของผู้ตาย และยังมีข้อบกพร่องอื่น ๆ อีกหลายประการ
ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของรัฐบาลที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและอยู่ในระหว่างการพิจารณาขั้นแปรญัติติของคณะกรรมาธิการวิสามัญนั้น ได้มีบทบัญญัติที่แก้ไขข้อความบกพร่องต่างๆ ไว้อย่างรัดกุมถึง 8 ประการ เช่น นอกจากญาติของผู้ตายแล้ว ยังให้สภาทนายความซึ่งเป็นคนกลางมีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอซักถามพยานของพนักงานอัยการและมีสิทธิ์นำพยานของตนมาสืบได้ด้วย กำหนดให้พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายแผ่นดินได้มีส่วนร่วมในการชันสูตรพลิกศพตั้งแต่ต้น มีบทกำหนดโทษแก่บุคคลผู้กระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนทำการชันสูตรพลิกศพเสร็จ ในประการที่จะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป โดยถือว่าเป็นการกระทำทุจริตเพื่ออำพรางคดี ให้ต้องโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ประเด็นเกี่ยวกับการให้พนักงานอัยการเข้าร่วมทำการชันสูตรพลิกศพตั้งแต่เริ่มแรกนั้น นับว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะก่อให้เกิดความถูกต้องและความยุติธรรมแก่บุคคลทุกฝ่าย แต่ในขณะนี้ได้ปรากฏข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางคนได้แสดงความเห็นไว้ว่า พนักงานอัยการจะไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะร่วมชันสูตรพลิกศพกับเจ้าพนักงานสอบสวนได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และทุกสถานที่ เช่น ในถิ่นทุรกันดาร หรือในชายแดนที่มีอันตราย เกรงว่าพนักงานอัยการจะไม่สามารถร่วมชันสูตรพลิกศพได้ทุกคดี แต่จะเพียงอาศัยชื่อร่วมชันสูตรพลิกศพเท่านั้น ซึ่งจะไม่เกิดผลดีอย่างใด ทั้งในอดีตกฎหมายได้เคยกำหนดให้พนักงานอัยการร่วมชันสูตรพลิกศพมาแล้ว แต่ไม่อาจปฏิบัติได้จึงได้ยกเลิกไป
ผู้เขียนเห็นว่า ข้อท้วงติงของฝ่ายตำรวจนั้นน่ารับฟัง ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องหาทางแก้ไขเสีย แต่ผู้เขียนไม่เห็นด้วยที่จะได้ยกเลิกเสีย เพราะการที่พนักงานอัยการได้เข้าร่วมในการชันสูตรพลิกศพจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย กล่าวคือ
1. พนักงานอัยการจะเป็นคนกลางที่ให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนที่จะเชื่อได้ว่า การวิสามัญฆาตกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ เพราะประชาชนที่เข้าใจถึงความเสียสละชีวิตและร่างกายในการป้องกันและปราบปรามอาชาญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความคุ้มครองในเรื่องนี้ ประชาชนไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขาดกำลังใจ เมื่อได้ปฏิบัติหน้าที่ไปโดยชอบแต่กลับถูกกล่าวหากระทำการเกินกว่าเหตุ 2. ปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุดมีภาระหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพประชาชนอยู่เป็นประจำ มีพนักงานอัยการกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงเชื่อได้ว่าจะสามารถจัดสรรพนักงานอัยการเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพได้พอ เพราะการวิสามัญฆาตกรรมไม่ได้มีอยู่ทุกวันและทุกสถานที่ 3. สิทธิ์ของความเป็นมนุษย์ไม่ควรจะถูกย่ำยี ไม่ว่าผู้ตายจะเป็นอาชญากรที่ร้ายแรงเพียงใด การตายของเขาก็ควรได้รับความคุ้มครองในฐานะที่เป็นมนุษย์
รุจิระ บุนนาค
| main | ![]() |
![]() |
|
|
![]() |
|