 |
ทำพินัยกรรมด้วยวาจา |
 |
|---|
แม้ว่ากฎหมายกำหนดแบบของพินัยกรรมไว้หลายแบบด้วยกันก็จริงอยู่
บางครั้งเจ้ามรดกอาจมีอันตรายใกล้ความตาย จะทำพินัยกรรมแบบใดแบบหนึ่งก็ไม่ทันกาล
จำเป็นต้องทำด้วยวาจาจะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ เช่น ผู้ทำพินัยกรรมเกิดป่วยหนักพูดจาไม่ได้
ลูกหลานแบกหามไปให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถพูดได้
กรณีเช่นนี้กฎหมายบัญญัติให้บุคคลนั้นจะทำพินัยกรรมด้วยวาจาก็ได้
แต่ต้องมีพยานและหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้อีกชั้นหนึ่ง
เกิดคดีความทำนองนี้ขึ้นระหว่างญาติพี่น้อง กล่าวคือ นายผวน เจ้าของสวนขนาดใหญ่ จันทบุรี
ถึงแก่กรรมลงไม่มีเมียมีลูกมีแต่หลานสองคน คือ นายสอง และ นายปอง มีน้องชายหนึ่งคน
คือ นายผาด ก่อนเสียชีวิตเจ้าของสวนรายนี้ตั้งใจอุทิศตนเองรับใช้พุทธศาสนา
ขายที่ดินได้เงินเท่าใดก็ถวายวัดซ่อมแซมโบสถ์ สร้างโรงเรียนให้ลูกชาวบ้านย่านนั้น
ก่อนล้มป่วยได้สามเดือนเขาเหลือที่สวนทุเรียนเนื้องที่ 20 ไร่ เป็นเงิน 2 ล้านบาท
ระหว่างรักษาตัวมีภาระค่ายาก็นำเงินที่เก็บไว้จ่ายเป็นค่ายาจนหมดสิ้น
ก่อนเสียชีวิตผู้ป่วยคนนี้มีอาการป่วยหนักถึงขนาดพูดจากับใครไม่ได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ศึกแย่งชิงมรดกสวนทุเรียนของเจ้ามรดกจึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น คู่กรณีคือหลานชายสองคน
และน้องชาย ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิเป็นเจ้าของที่สวนแปลงดังกล่าว
สองและปองเป็นโจทก์ ผาดตกเป็นจำเลย โจทก์ตั้งประเด็นว่าจำเลยไปร้องขอให้ศาลสั่งตั้งตนเอง
เป็นผู้จัดการมรดกไม่มีพินัยกรรมของผวนเจ้ามรดก ความจริงแล้วมรดกสวนทุเรียนจำนวน 20 ไร่
ผวนทำพินัยกรรมด้วยวาจาอ้างพฤติการณ์พิเศษยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสอง
ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าพินัยกรรมตามฟ้องเป็นพินัยกรรมปลอม เพราะสองทำขึ้นโดยพลการ
จึงเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจำเลยนั้นได้ซื้อที่ดินพิพาทจากผวนเจ้ามรดกไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมีอยู่ว่า พินัยกรรมตามที่โจทก์อ้างชอบด้วยกฎหมาย
อันจะมีผลให้โจทก์ได้รับมรดกตามพินัยกรรมหรือไม่ โจทก์อ้างพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.1
ว่าได้มีการทำขึ้นด้วยวาจาในกรณีมีพฤติการณ์พิเศษตามหลักกฎหมายบัญญัติว่า
"เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งบุคคลใดไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กำหนดไว้ได้
เช่นตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตายหรือเวลามีโรคระบาด หรือสงคราม บุคคลนั้นจะทำพินัยกรรมด้วยวาจาก็ได้..ฯลฯ"
ข้อเท็จจริงฟังว่า การทำพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.1 ดังที่โจทก์อ้างนั้น ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2
เป็นบันทึกที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2524 ใจความว่า "นายผวนมีความประสงค์ทำพินัยกรรม
แต่นายผวนผู้ทำพินัยกรรมมีอาการป่วยหนัก พูดจาไม่ได้ไม่สามารถให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ได้
แต่นายผวนเคยสั้งไว้กับนายสองและนายปองว่าให้ผู้มีรายชื่อดังกล่าวสองคนคือ นายสองและนายปอง
ได้รับที่พิพาทตามส่วนที่ระบุไว้ในบันทึกเอกสารหมาย จ.2"
ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2524 จึงได้มีการทำพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.1
ขึ้นมีข้อความอย่างเดียวกันตรงตามบันทึกเอกสารหมาย จ.2
เห็นว่า กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องทำพินัยกรรมด้วยวาจาตามบทบัญญัติของกฎหมายที่กล่าวข้างต้นนี้
การที่ผู้ตายสั่งไว้ให้แบ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินพิพาทก็มิได้ระบุว่าสั่งไว้เมื่อใด
อันหมายความว่ามิได้สั่งในวันทำพินัยกรรมด้วยวาจา แต่จะเป็นการสั่งขณะเจ้ามรดกอยู่ในอันตราย
ใกล้ความตายหรือไม่ ขณะสั่งผวนสามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ ไม่ปรากฏ
ดังนั้นเห็นว่า พินัยกรรมตามที่โจทก์อ้างไม่สมบูรณ์มีผลบังคับตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
พิพากษายกฟ้องตามศาลล่างทั้งสอง
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3460/2530
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 9 ธันวาคม 2005)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน 19 พฤศจิกายน 2548 ]
|