 |
เจ้ามรดกตาย-สิทธิเรียกร้อง |
 |
|---|
อาจเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กรณีผู้ทำสัญญาขายที่ดินตายไล่เลี่ยกับผู้จะซื้อที่ดินดังกล่าว เกิดปัญหาในทางกฎหมายว่า
สิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายของเจ้าของมรดกในฐานะผู้ซื้อนั้นเป็นทรัพย์สินที่เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท
ถ้าตกทอดได้ ทายาทสามารถโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายนี้ให้แก่บุคคลได้หรือไม่
มีประเด็นสองประเด็นที่ค้างคาใจของทายาททั้งสองฝ่าย ฝ่ายทายาทผู้จะซื้อเห็นว่า
สิทธิจะซื้อเป็นมรดกตกทอด ในเมื่อเป็นมรดกตกทอดก็ย่อมที่จะโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาได้
ฝ่ายทายาทเจ้าของทรัพย์มีความเห็นขัดแย้งกันคนละขั้วอ้างว่า
ฝ่ายนั้นไม่มีอำนาจโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายอีกแล้ว และไม่มีอำนาจฟ้อง
ที่ไหนได้ เกิดเป็นคดีความฟ้องร้องสู้กันถึงสามศาล จึงมีประเด็นทั้งทางกฎหมาย
และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตประจำวัน
ข้อเท็จจริงตามฟ้องมีว่า นายสุ่ย แซ่ต่วน ได้ทำสัญญาขายที่ดินแถวทุ่งสองห้อง ดอนเมือง
จำนวน 2 ไร่เศษ ให้แก่นายมีชัย เป็นเงิน 1 ล้าน 5 แสนบาท โดยวางมัดจำไว้ 3 แสนบาท
ที่เหลือจะชำระในวันนัดโอนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาอีก 8 เดือนข้างหน้า
นายมีชัยตายด้วยวัยชราอีก 2 เดือนต่อมา ส่วนนายสุ่ยลื่นล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้นตายในเวลาไล่เลี่ยกัน
นายมนต์ชัย ทายาทคนเดียวของนายมีชัยได้โอนสิทธิเรียกร้องให้นายสาม
และได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่นายสุจริตทายาทของนายสุ่ยทราบแล้ว
ทายาทผู้ขายที่ดินดังกล่าวทำเฉยๆ ไม่สนใจเงินที่จะได้รับส่วนที่เหลือจากวันทำนิติกรรมซื้อขายกัน
นายสามจึงตัดสินใจฟ้องศาล ให้นายสุจริตทายาททรัพย์มรดกปฏิบัติตามสัญญา
หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของนายสุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า หนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์กล่าวอ้างมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่า
หนังสือสัญญาจะซื้อขายของจำเลย แต่ฟังว่านายมีชัยผิดสัญญาและมีการบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายรายนี้แล้ว
โจทก์นำสัญญาดังกล่าวมาฟ้องร้องอีกไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของนายสุ่ยทำนิติกรรม
จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญา และรับเงินค่าที่ดินที่ค้างอยู่อีก 1 ล้าน 2 แสนบาท
ไปจากโจทก์ในวันที่ทำนิติกรรมโอนทรัพย์พิพาท
หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา ให้รู้แพ้ชนะคดีกันไปข้างหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่า นายสุ่ยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้แก่นายมีชัยตามที่โจทก์ฟ้องจริง
พิเคราะห์ดูแล้วนายมีชัยมิได้ผิดสัญญา สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทยังมีผลบังคับอยู่ จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญานั้น
ปัญหาข้อกฎหมายมีว่า นายมีชัยตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ นายมนต์ชัยบุตรชายทายาทคนเดียว
จึงเป็นผู้รับมรดกของนายมีชัยรวมทั้งสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่พิพาทด้วย
จึงมีอำนาจที่จะโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้ให้แก่โจทก์ได้
ได้ความว่า นายมนต์ชัยผู้เป็นทายาทได้ทำหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์
และโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว
ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาโดยชอบแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 2964/2530
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 9 ธันวาคม 2005)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน 12 พฤศจิกายน 2548 ]
|