 |
สะใภ้ไม่แบ่งทรัพย์มรดก |
 |
|---|
คนก็ตายไปแล้วแต่คนที่มีชีวิตอยู่ไม่อาจทำใจได้ในเรื่องการแบ่งทรัพย์มรดก
การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งสิทธิอันชอบธรรมกับการสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอาจพึ่งพิงต่อกันในภายภาคหน้าเป็นอันหมดสิ้น
บางครั้งมนุษย์เราต้องคิดให้หนักแน่นที่จะต้องแลกกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
มีบางประเด็นน่าคิดระหว่างความสัมพันธ์ของพ่อสามีและลูกสะใภ้อาจมีช่องว่าง
หรือความรู้สึกที่แอบซ่อนความไม่พอใจไว้เงียบๆ หรือไม่อาจรับฟังความคิดเห็นกันได้ในทางความคิด
จนกระทั่งมีการตายเกิดขึ้นของสามีจนเกิดปัญหาความเห็นไม่ลงตัวเรื่องการแบ่งปันทรัพย์สินหรือใบหุ้น
ลูกสะใภ้และพ่อสามีต่างฝ่ายต่างขอเป็นผู้กำหนดการแบ่งปัน แต่ไม่อาจตกลงกันได้
ฝ่ายลูกสะใภ้ในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ยอมแบ่งให้จึงเกิดปัญหาฟ้องร้องกันเกิดขึ้น
ฟองจันทร์แต่งงานกับสุวิทย์และอยู่ด้วยกันฉันสามีภริยา มีทายาท 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน
หลังจากมีลูกคนแรกสามีภริยาคู่นี้แยกจากครอบครัวของบิดาสามีมาอยู่บ้านของตัวเอง บิดาของสุวิทย์มีอาชีพค้าพืชไร่
สุวิทย์และฟองจันทร์เปิดบริษัทค้าปุ๋ย ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยหน้าใคร หลังจากเศรษฐกิจตกต่ำ
ห้าเดือนต่อมาสุวิทย์ถึงแก่กรรมสาเหตุคิดมากจนเส้นโลหิตแตกหมอไม่อาจช่วยไว้ได้
การจากไปของสุวิทย์รวดเร็วจนไม่อาจทำพินัยกรรมแบ่งปันหุ้น ที่ดินและบ้านให้แก่บิดาชื่อนายฮุยและครอบครัวได้
ฟองจันทร์จึงร้องศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า นายสุวิทย์มีบิดายังมีชีวิตอยู่ส่วนมารดาเสียชีวิตแล้ว มีภริยาคือ ฟองจันทร์ผู้จัดการมรดก
มีทายาท 3 คน ทั้งห้าคนถือว่าเป็นทายาทโดยชอบธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่ กรณีนี้ทั้งฟองจันทร์และฮุยมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่ง
ในทรัพย์มรดกของผู้ตายเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร ส่วนทายาททั้งสามคนนั้นถือว่าเป็นทายาทโดยธรรม
ในลำดับเดียวกันชอบที่จะได้รับส่วนแบ่งเท่ากัน
ฮุยมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันสองคนจะมาขอแบ่งในทรัพย์มรดกของผู้ตายด้วย
แต่ทนายความของฟองจันทร์อ้างว่าบุคคลทั้งสองถือว่าเป็นทายาทลำดับถัดไปจากฮุยบิดาของสุวิทย์ไม่มีสิทธิ์
ฟองจันทร์จึงไม่แบ่งให้ฝ่ายนั้นก็ไม่ติดใจ
ปัญหาน่าจะไม่มีหากฟองจันทร์จัดแบ่งทรัพย์มรดก ฮุยทวงถามหลายครั้งลูกสะใภ้อ้างว่า
จะรีบดำเนินการให้ ปีถัดมาฮุยฟ้องศาลให้ฟองจันทร์ในฐานะผู้จัดการมรดกแบ่งทรัพย์มรดกตามสิทธิ
ฟองจันทร์ตกเป็นจำเลยให้การว่าเธอเป็นภริยาผู้ตายมีทายาท 3 คน ต้องรับภาระเลี้ยงดูให้การศึกษา
เธอยอมรับในสิทธิของโจทก์หลังจากที่แบ่งเป็นของของจำเลยกึ่งหนึ่งที่เหลือแบ่งให้โจทก์ตามสิทธิ
ประเด็นที่โต้แย้งและตกลงกันไม่ได้คือ จำเลยจะแบ่งหุ้นและที่ดินกับบ้านเป็นตัวเงิน
สาเหตุเพราะโจทก์รวยกว่าจำเลยจะทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ในที่สุดศาลวินิจฉัยว่าข้อบังคับบริษัทมิได้ห้ามโอนหุ้นโดยทางมรดกจำเลยต้องโอนหุ้น
ให้แก่โจทก์จำนวน 1 ใน 10 ส่วนเท่ากับทายาทอื่น ให้แบ่งที่ดินและบ้านโดยให้ทายาทประมูลระหว่างกันเอง
ก่อนได้ราคาเท่าใดแบ่งให้โจทก์ตามสิทธิ 1 ใน 10 ส่วน ที่จำเลยอ้างว่าการประมูลจะทำให้จำเลยเสียเปรียบ
และเสียหายเพราะโจทก์มีฐานะร่ำรวยกว่าโจทก์มาก ศาลไม่รับฟัง หากไม่อาจะประมูลระหว่างทายาท
ได้ให้นำออกขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินให้โจทก์ตามส่วน
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3501/2533
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 8 กุมภาพันธ์ 2005)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9821 ]
|