 |
ไม่ให้ |
 |
|---|
วลีหนึ่งกล่าวไว้ว่า "มรดกตกทอด" ย่อมมีความหมายบ่งบอกให้เป็นที่เข้าใจ หากจะแยกอธิบายประโยคสั้นๆ
ให้เข้าใจความหมายในทางกฎหมาย อาจอธิบายได้ว่า
"มรดก" หมายถึงทรัพย์สินทุกชนิดของผู้วายชนม์จากโลกนี้ไปแล้วไม่อาจฟื้นมีชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้
มีสิทธิและหน้าที่รวมถึงความรับผิดชอบต่างๆ ให้เป็นไปตามนั้น เช่น สิทธิที่จะทำการไถ่ถอนบ้านหนึ่งหลัง
ที่ดินหนึ่งแปลงได้นำไปขายฝากไว้ หรือสิทธิตามสัญญาเช่าชื้อที่ดินเงินผ่อน เพราะสิทธิในความหมายทางกฎหมายนั้น
หมายถึงประโยชน์ที่กฎหมายให้การรับรองและคุ้มครองนั่นเอง
ส่วนหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ตายนั้น เมื่อมีสิทธิก็ย่อมมีหน้าที่เป็นเงาตามตัว
เช่น กู้เงินเป็นหนี้คนอื่นใช่ว่าหนี้จำนวนนั้นจะระงับเพราะสิ้นชีพของลูกหนี้ก็หาไม่
หนี้ใช่ว่าเป็นการเฉพาะตัวตามกฎหมาย แต่เป็นมรดกหนี้แก่ทายาทหรือกองมรดกใช้หนี้เขาไป
หรือค้ำประกันในชั้นศาลผู้ค้ำประกันตายไปคดีสิ้นสุดก็เป็นมรดก
ทายาทคนใดรับมรดกอย่าได้เกี่ยงงอนอาจถูกฟ้องในภายหลัง
แต่กฎหมายเขียนข้อยกเว้นไว้ว่า "โดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้หาใช่มรดกไม่"
เช่น สิทธิบอกล้างสัญญาระหว่างสมรส สิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนเพราะเหตุว่าอีกฝ่ายผิดสัญญาหมั้นบางกรณี
สิทธิการเช่าตึกแถวผู้เช่าตายไปลูกคนเดียวซึ่งเป็นทายาทอ้างว่าเป็นมรดกขอเช่าต่อเมื่อครบสัญญาหาได้ไม่
เว้นแต่ผู้ให้เช่าตายไป ทายาทผู้รับมรดกจะอ้างกับผู้เช่าเดิมว่าไม่รับรู้ตามสัญญาหาได้ไม่
เพราะผู้รับมรดกนั้นมีหน้าที่ตามสัญญานั่นเอง
นอกจากนี้ กฎหมายเกี่ยวกับมรดกยังได้บัญญัติได้ว่า "ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายนี้..."
ย่อมหมายถึงกองมรดกจะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และเงื่อนไข เช่น จะแบ่งมรดกภายหลังสามีเสียชีวิตให้ภรรยากึ่งหนึ่งก่อน
หากเธอยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น ยกเว้นสามีรูปหล่อมีภริยาหลายคนต้องดูข้อเท็จจริงของที่มาการได้มาซึ่งทรัพย์สินพิพาท
อ่านแล้วคงสับสน เอาเป็นพ่อของลูกมีเมียจดทะเบียนสมรสคนเดียวก็แล้วกัน ที่เหลือกึ่งหนึ่งก็แบ่งให้ลูกๆ เท่ากัน
และอย่าลืมแบ่งให้แม่หนึ่งส่วนเท่ากับลูกด้วย เพราะเธอมีสิทธิได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งเป็นทายาทชั้นบุตร
เฉพาะคำว่ามรดกขอเขียนแค่นี้ก่อน ซึมซับความคิดความรู้วันละนิดจิตแจ่มใสไม่เสียรู้
"ตกทอด" เปิดพจนานุกรมฉบับมติชนฉบับใหม่ล่าสุดฮือฮาตามประสาสื่ออธิบายคำว่าตกทอดหมายถึง
สืบต่อกันมาเป็นทอดๆ ได้แก่มรดกตกทอดแก่ทายาทตามลำดับชั้น หรืออาจตกทอดแก่แผ่นดินขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์
หรือความตั้งใจของเจ้ามรดกเป็นสำคัญ ใครผู้ใดทุจริตได้มาซึ่งทรัพย์มรดกอาจติดคุกหัวโต
ปัญหาในชีวิตจริงเมื่อเจ้ามรดกลาโลกใบนี้ไปแล้ว ความยุ่งยากจะเกิดขึ้นกับทายาท
สาเหตุเพราะทายาทไปเบิกเงินจากธนาคารหรือโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้ตายเป็นชื่อทายาทมักจะถูกปฏิเสธจากธนาคาร
หรือเจ้าหน้าที่ว่าต้องมีคำสั่งศาลเสียก่อนจึงจะดำเนินการให้
ครอบครัวของ "นายผดุงเดช" ภริยาเสียชีวิตไปเมื่อสามปีที่แล้ว เขาล้มป่วยและเสียชีวิตไม่ได้สั่งเสียหรือทำพินัยกรรมไว้
ครอบครัวนี้มีลูกชายห้าคนต่างแยกย้ายมีครอบครัวกันทุกคน พ่อมีที่ดิน ตึกแถว เงินสดในธนาคารตัวเลขเจ็ดหลักขึ้นไป
"นายผดุงชัย" น้องชายคนเล็กคัดค้านพี่ๆ ทั้งสี่คนเมื่อไปขอรับมรดกที่ดินย่านดาวคะนองห้าแปลง
พนักงานที่ดินจึงยกเลิกขอรับมรดก ผดุงชัยจึงร้องศาลขอให้ตั้งเขาเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลขั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า กรณีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลไม่จำต้องตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเสมอไป แม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายก็ตาม
ศาลย่อมใช้ดุลพินิจดูพฤติการณ์ ความเหมาะเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ผู้ร้องไม่ได้แจ้งให้บรรดาทายาทอื่นทราบ จึงไม่มีทายาทมาเบิกความให้ความยินยอม
หรือคัดคัานตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก อีกทั้งผู้ร้องยังมีความขัดแย้งกับทายาทอื่นอยู่ หากศาลมีคำสั่งตามที่ร้องขอ
อาจก่อความเสียหายได้
ที่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 1966/2528
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 5 มีนาคม 2005)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน 5 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9856 ]
|