 |
นั่งอยู่ด้วยขณะทำพินัยกรรมมีสิทธิไหม? |
 |
|---|
ปัญหาอาจเป็นคดีความฟ้องร้องกันชนิดไม่ต้องมองหน้าหากเจ้ามรดกถึงแก่กรรม
ทายาทหรือผู้สืบสันดาน คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่อาจไม่พอใจญาติพี่น้องเจ้ามรดก
เพราะเหตุที่เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมมอบอำนาจให้ญาติตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม
เป็นผู้มีอำนาจในการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาททุกคน
และญาติผู้นั้นมีสิทธิรับทรัพย์ตามพินัยกรรมที่ระบุไว้อีกด้วย
ย่อมเป็นธรรมดาที่ทายาทไม่พอใจ ด้วยเหตุเคลือบแคลงสงสัยว่าน่า
จะมีการคบคิดเกลี้ยกล่อมให้เจ้ามรดกหลงเชื่อสำคัญผิดลงลายมือชื่อในพินัยกรรมฉบับนั้น
เกิดเป็นพินัยกรรมเจ้าปัญหาที่จะต้องนำมาฟ้องให้หายสงสัย
เรื่องมีอยู่ว่า นายบุญลับ อดีตกำนันมีชื่ออำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
ก่อนถึงแก่กรรมด้วยวัยชราได้ทำพินัยกรรมขึ้นมาฉบับหนึ่ง ให้ทนายความเป็นผู้เขียน
และมีพยานลงลายมือชื่อรับรองอีกสองคน มีนายบุญลือและนายบุญมีน้องชายทั้งสองนั่งดูอยู่ห่างๆ
เป็นผู้มีอำนาจแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท 3 คน และภริยา หลังจากนั้นถึงแก่กรรม
ลูกเมียจัดงานศพเรียบร้อยแล้วจึงเปิดดูพินัยกรรม มีข้อความตอนหนึ่งระบุให้น้องชายทั้งสองของกำนัน
เป็นผู้มีอำนาจแบ่งทรัพย์มรดก และมีชื่อทั้งสองคนเป็นผู้รับทรัพย์บางส่วนจากกองมรดกด้วย
นายเดชลูกชายคนโตและเมียกำนันไม่พอใจพินัยกรรมที่กำนันทำไว้
จึงฟ้องศาลให้พินัยกรรมตกเป็นโมฆะ คดีนี้นายเดชเป็นโจทก์
นายบุญลือและนายบุญมีตกเป็นจำเลย
ข้อความในคำฟ้องมีว่าโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของกำนันบุญลับและนางบุญส่ง
จำเลยทั้งสองได้ทำการพูดจาเกลี้ยกล่อมคบคิดกันแสดงเจตนาให้กำนันหลงเชื่อ
เป็นเหตุให้สำคัญผิดลงลายมือชื่อพร้อมกับพิมพ์ลายนิ้วมือลงในหนังสือพินัยกรรมดังกล่าว
หรือจำเลยทั้งสองอาจทำการข่มขู่ให้กำนันจำยอมกระทำตามด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
อันเป็นสาระสำคัญเป็นการฉ้อฉล พินัยกรรมจึงไม่มีผลบังคับขอให้ศาลสั่งเพิกถอนพินัยกรรมนั้นเสีย
จำเลยปฏิเสธทุกประเด็น อ้างว่าได้ทำพินัยกรรมขึ้นตามประสงค์ของกำนันขอให้ยกฟ้อง
คดีถึงที่สุด ศาลวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองนั่งอยู่ด้วยขณะที่นายบุญลับทำพินัยกรรมนั้น
เท่ากับว่าจำเลยทั้งสองเป็นพยานรู้เห็นในการทำพินัยกรรม มีฐานะเสมือนพยานลงลายมือชื่อในพินัยกรรม
พินัยกรรมตามเอกสารที่อ้างถึงตกเป็นโมฆะหรือไม่ เห็นว่า พยานในพินัยกรรมถูกจำกัดสิทธิ
เป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้น ตามบทบัญญัติของกฎหมายนั้นหมายถึงพยาน
ซึ่งลงลายมือชื่อในแบบพินัยกรรมที่ทำขึ้น ส่วนการที่จำเลยทั้งสองนั่งอยู่ด้วยในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรม
ทำพินัยกรรมและไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในพินัยกรรม
จึงหาใช่เป็นพยานในพินัยกรรมตามบทบัญบัติดังกล่าวไม่ จำเลยทั้งสองเพียงแต่นั่งดู
จึงถือไม่ได้ว่าเป็นพยานลงลายมือในพินัยกรรม พินัยกรรมตามเอกสารที่กล่าวอ้าง
จึงไม่ตกเป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง
ข้อมูล : เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 5404/2533
รศ.พิศิษฐ์ ชวาลาธวัช
(update 23 มิถุนายน 2005)
[ ที่มา...
หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ]
|